นับจากปี 2510 เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพบว่าราษฎรถิ่นทุรกันดาร ประสบปัญหาเจ็บป่วยไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากขาดแคลนทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือในการรักษา จึงได้ทรง พระกรุณาโปรดกล้าฯ ก่อตั้งโครงการ "แพทย์พระราชทาน" หรือที่ปัจจุบันเรียกติดปากกันว่า “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่” ขึ้น
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับ “นศ.พ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช” หรือ “ริท เดอะสตาร์” ตัดสินใจสอบเพื่อเรียนแพทย์ โดยปัจจุบันหนุ่มริทกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
"ริทได้เห็นความยากลำบากของคนไข้ยากจน ไม่มีเงินรักษา ได้รับรู้เกี่ยวกับโครงการแพทย์เคลื่อนที่ ซึ่งเปิดรับแพทย์อาสาเพื่อเดินทางไปรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ทุรกันดาร หากเรียนจบริทอยากเข้าร่วมโครงการนี้ เป็นอีกหนึ่งกำลังในนั้น ริทไม่กลัว ไม่หวั่นว่าจะลำบากแค่ไหน เพราะคนที่ทุกข์เจ็บป่วยไม่มีใครรักษาเขาลำบากกว่าเยอะ ตัวเราหากมีโอกาสไปก็อยากจะทำ เพื่อทำให้ใบหน้าที่ทุกข์มีรอยยิ้มขึ้นมา"
ว่าที่คุณหมอริท ยังยอมรับว่าการเรียนหมอยากและหนัก แต่เมื่อมีเป้าหมายแน่วแน่ในการช่วยเหลือคน ไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็จะทำ คนไข้ที่ก้าวเท้ามาโรงพยาบาล ไม่ว่าจะมาด้วยอาการป่วยเพียงเล็กน้อยหรือหนักจนถึงชีวิต ทุกคนล้วนมีทุกข์ หมอมีหน้าที่ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้คนไข้มีทุกข์น้อยที่สุด บางคนอาจเป็นการมาโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายหมอก็ต้องทำให้เขามีความสุขในช่วงท้ายของชีวิต
"ตอนนี้ริทยังเป็นนักศึกษาจึงยังทำการรักษาไม่ได้ แต่ทุกวันริทจะเดินไปให้กำลังใจผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้าย บอกให้เขากินข้าวเยอะๆ ให้ยิ้มเยอะๆ อยากให้เขาลืมความทุกข์ไม่ว่าจะจะป่วยแค่ไหน"
นักร้องหนุ่ม บอกด้วยว่าแม้ตนจะไม่ได้เห็นในช่วงที่ในหลวงเสด็จไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจ แต่ได้รับรู้จากสื่อต่างๆทำให้เทิดทูนและรักในหลวงที่ทรงตรากตรำ เพราะภาพที่เห็นมาตลอดคือภาพที่ทรงงาน เคร่งเครียด แก้ไขปัญหาตลอด น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นภาพที่ท่านมีความสุขและมีรอยยิ้มกว้าง
"คำสอนของพระองค์ท่านที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่องของความพอเพียง ทุกวันนี้เราอาจอยากได้เทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่หากไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช่สิ่งจำเป็น เราไม่มีก็อยู่ได้ ดำรงชีวิตได้ปกติ ริทเองอาจจะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ทุกวันนี้ก็พยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด เป็นคนดี ไม่เป็นภาระของสังคม ไม่ทำให้สังคมที่วุ่นวายอยู่แล้ว วุ่นวายมากขึ้น นั่นก็คือการได้ทำเพื่อพ่อแล้ว แม้ครั้งหนึ่งจะเคยคิดหวังไว้สูง ว่าอยากจะเป็นเสี้ยวหนึ่งที่ได้ดูแลพระองค์ วันนี้ไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว สิ่งที่ทำได้จึงเป็นการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อยากบอกพ่อว่าไม่ต้องหนักใจกับลูกคนนี้ ริทจะไม่ทำความเดือดร้อนให้สังคม ริทเชื่อว่าพ่อมองเห็น"
โดยหนุ่มริท ยังขอฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวไทยทุกคนอีกว่า อยากให้รักกัน ไม่ทะเลาะกัน เพื่อเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายเพื่อมอบให้กับในหลวง รัชกาลที่ 9 เพราะเจ้าตัวเชื่อว่าพระองค์จะต้องดีใจถ้าได้เห็นคนไทยทุกคนรักกัน
-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
"ริท"ขอสานต่องานของพ่อหลวง ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นทุรกันดาร
นับจากปี 2510 เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพบว่าราษฎรถิ่นทุรกันดาร ประสบปัญหาเจ็บป่วยไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากขาดแคลนทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือในการรักษา จึงได้ทรง พระกรุณาโปรดกล้าฯ ก่อตั้งโครงการ "แพทย์พระราชทาน" หรือที่ปัจจุบันเรียกติดปากกันว่า “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่” ขึ้น
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับ “นศ.พ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช” หรือ “ริท เดอะสตาร์” ตัดสินใจสอบเพื่อเรียนแพทย์ โดยปัจจุบันหนุ่มริทกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
"ริทได้เห็นความยากลำบากของคนไข้ยากจน ไม่มีเงินรักษา ได้รับรู้เกี่ยวกับโครงการแพทย์เคลื่อนที่ ซึ่งเปิดรับแพทย์อาสาเพื่อเดินทางไปรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ทุรกันดาร หากเรียนจบริทอยากเข้าร่วมโครงการนี้ เป็นอีกหนึ่งกำลังในนั้น ริทไม่กลัว ไม่หวั่นว่าจะลำบากแค่ไหน เพราะคนที่ทุกข์เจ็บป่วยไม่มีใครรักษาเขาลำบากกว่าเยอะ ตัวเราหากมีโอกาสไปก็อยากจะทำ เพื่อทำให้ใบหน้าที่ทุกข์มีรอยยิ้มขึ้นมา"
ว่าที่คุณหมอริท ยังยอมรับว่าการเรียนหมอยากและหนัก แต่เมื่อมีเป้าหมายแน่วแน่ในการช่วยเหลือคน ไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็จะทำ คนไข้ที่ก้าวเท้ามาโรงพยาบาล ไม่ว่าจะมาด้วยอาการป่วยเพียงเล็กน้อยหรือหนักจนถึงชีวิต ทุกคนล้วนมีทุกข์ หมอมีหน้าที่ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้คนไข้มีทุกข์น้อยที่สุด บางคนอาจเป็นการมาโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายหมอก็ต้องทำให้เขามีความสุขในช่วงท้ายของชีวิต
"ตอนนี้ริทยังเป็นนักศึกษาจึงยังทำการรักษาไม่ได้ แต่ทุกวันริทจะเดินไปให้กำลังใจผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้าย บอกให้เขากินข้าวเยอะๆ ให้ยิ้มเยอะๆ อยากให้เขาลืมความทุกข์ไม่ว่าจะจะป่วยแค่ไหน"
นักร้องหนุ่ม บอกด้วยว่าแม้ตนจะไม่ได้เห็นในช่วงที่ในหลวงเสด็จไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจ แต่ได้รับรู้จากสื่อต่างๆทำให้เทิดทูนและรักในหลวงที่ทรงตรากตรำ เพราะภาพที่เห็นมาตลอดคือภาพที่ทรงงาน เคร่งเครียด แก้ไขปัญหาตลอด น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นภาพที่ท่านมีความสุขและมีรอยยิ้มกว้าง
"คำสอนของพระองค์ท่านที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่องของความพอเพียง ทุกวันนี้เราอาจอยากได้เทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่หากไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช่สิ่งจำเป็น เราไม่มีก็อยู่ได้ ดำรงชีวิตได้ปกติ ริทเองอาจจะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ทุกวันนี้ก็พยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด เป็นคนดี ไม่เป็นภาระของสังคม ไม่ทำให้สังคมที่วุ่นวายอยู่แล้ว วุ่นวายมากขึ้น นั่นก็คือการได้ทำเพื่อพ่อแล้ว แม้ครั้งหนึ่งจะเคยคิดหวังไว้สูง ว่าอยากจะเป็นเสี้ยวหนึ่งที่ได้ดูแลพระองค์ วันนี้ไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว สิ่งที่ทำได้จึงเป็นการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อยากบอกพ่อว่าไม่ต้องหนักใจกับลูกคนนี้ ริทจะไม่ทำความเดือดร้อนให้สังคม ริทเชื่อว่าพ่อมองเห็น"
โดยหนุ่มริท ยังขอฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวไทยทุกคนอีกว่า อยากให้รักกัน ไม่ทะเลาะกัน เพื่อเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายเพื่อมอบให้กับในหลวง รัชกาลที่ 9 เพราะเจ้าตัวเชื่อว่าพระองค์จะต้องดีใจถ้าได้เห็นคนไทยทุกคนรักกัน
-ไนน์เอ็นเตอร์เทน