Mission Impossible เป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์แนวสายลับที่มีมาห้าภาคแล้ว ในแต่ละภาคก็มีจุดเด่นต่างกันไป
โดยส่วนตัวผมชอบสไตล์ภาคสาม ของผกก.เจเจ อับราม ในภาคนั้นจะออกแนวตึงเครียดในบทหนังหน่อย จะดูรุนแรงและกดดันคนดูมากในบางฉาก เนื้อเรื่องของหนังก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก มีปมให้ชวนสงสัยบ้าง ฉากแอ็คชั่นก็มีเยอะพอสมควร เป็นภาคที่พี่อีธานเกือบตายแล้ว และตัวร้ายดูจรืงจังและน่ากลัวกว่าภาคอื่นๆ
ภาคสองเป็นภาคที่ให้อารมณ์มันโคตรๆแก่เราชาวแอ็คชั่น คือ ภาคนี้พี่อีธานออกยอดมนุษย์ไปหน่อยแต่ก็มันสะใจในฉากแอ็คชั่นมากๆ เป็นภาคที่พี่แกเท่มากๆ ใส่แว่นดำ มีเสื้อโคชหนังสีดำ มีนกพิราบบินผ่าน พกปืนพกคู่ ขี่มอเตอร์ไซค์ ส่วนเนื้อเรื่องก็พอดูได้ เสียอย่างนึงคือนางเอกนี่สวยจริงๆ
ภาคสี่ เป็นภาคที่มีเสน่ห์คือพระเอกกับพวกเ้นภารกิจกันสดๆในช่วงเวลาคับขัน โดยตำรวจรัสเซียไล่ล่า หน่วยงานถูกยุบ ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้าย บทหนังดีมากในภาคนี้ไม่ยาวไปไม่น้อยไป เนื้อเรื่องเข้มข้นไม่ชวนหลับระหว่างดูหนัง
ส่วนภาคห้ากับภาคหนึ่ง นี่สไตล์เดียวกัน คือ การชิงไหวพริบของสายลับ คือไม่ต้องสู้หรือยิงกันเยอะ แต่มีการใช้สมองกับการแย่งชิงกันทางปัญญามากกว่า แต่ภาคห้าจะมีฉากแอ็คชั่นมากกว่าภาคหนึ่ง เหมือนหยิบสไตล์ภาคหนึ่งบวกกับภาคสี่
ถ้าพูดถึงหนังแอ็คชั่นเรื่ื่อง Mission Impossible เสน่ห์ของแต่ละภาคเป็นอย่างไร
โดยส่วนตัวผมชอบสไตล์ภาคสาม ของผกก.เจเจ อับราม ในภาคนั้นจะออกแนวตึงเครียดในบทหนังหน่อย จะดูรุนแรงและกดดันคนดูมากในบางฉาก เนื้อเรื่องของหนังก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก มีปมให้ชวนสงสัยบ้าง ฉากแอ็คชั่นก็มีเยอะพอสมควร เป็นภาคที่พี่อีธานเกือบตายแล้ว และตัวร้ายดูจรืงจังและน่ากลัวกว่าภาคอื่นๆ
ภาคสองเป็นภาคที่ให้อารมณ์มันโคตรๆแก่เราชาวแอ็คชั่น คือ ภาคนี้พี่อีธานออกยอดมนุษย์ไปหน่อยแต่ก็มันสะใจในฉากแอ็คชั่นมากๆ เป็นภาคที่พี่แกเท่มากๆ ใส่แว่นดำ มีเสื้อโคชหนังสีดำ มีนกพิราบบินผ่าน พกปืนพกคู่ ขี่มอเตอร์ไซค์ ส่วนเนื้อเรื่องก็พอดูได้ เสียอย่างนึงคือนางเอกนี่สวยจริงๆ
ภาคสี่ เป็นภาคที่มีเสน่ห์คือพระเอกกับพวกเ้นภารกิจกันสดๆในช่วงเวลาคับขัน โดยตำรวจรัสเซียไล่ล่า หน่วยงานถูกยุบ ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้าย บทหนังดีมากในภาคนี้ไม่ยาวไปไม่น้อยไป เนื้อเรื่องเข้มข้นไม่ชวนหลับระหว่างดูหนัง
ส่วนภาคห้ากับภาคหนึ่ง นี่สไตล์เดียวกัน คือ การชิงไหวพริบของสายลับ คือไม่ต้องสู้หรือยิงกันเยอะ แต่มีการใช้สมองกับการแย่งชิงกันทางปัญญามากกว่า แต่ภาคห้าจะมีฉากแอ็คชั่นมากกว่าภาคหนึ่ง เหมือนหยิบสไตล์ภาคหนึ่งบวกกับภาคสี่