ผมซื้อรถใหม่เมื่อเกือบๆ 4 ปีก่อน โดยผ่อนชำระ 48 เดือน และกำลังจะครบในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า โดยตอนนั้นซื้อเป็นรถ Ford Focus ตัว 1.6 ราคา 839, 000 พร้อมกับของแถมหลักๆ ก็คือประกัน กับฟรีจดทะเบียนและดอกเบี้ยต่ำ
รายละเอียดตามรูปด้านล่างครับ
เป็นตัวเลขคร่าวๆ อาจจะมีบางตัวที่ใช้การประมาณแต่ก็อยู่ในช่วงปกติของค่าใช้จ่ายครับ จะเห็นได้ว่า เงินที่จ่ายไปหักลบกับเงินที่เหลือเป็นมูลค่าของรถในช่วง 4 ปี เป็นเงินถึง 1,131,840 บาทเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือจำนวนเงินที่เป็นค่าใช้จ่าย
เนื่องจากการทำงานต้องเอารถมาใช้งานด้วย รถก็เลยวิ่งเยอะกว่าปกตินิดนึง ปีละราวๆ 40,000 โล หากเทียบกับคนที่ใช้ไปทำงาน จอด แล้วกลับบ้านและเดินทางบ้างก็อาจจะลดลงมาอาจจะเหลือ 8-90,000
อัตราการกินน้ำมันต่อ km ในช่วง 2 ปีแรกเป็นช่วงน้ำมันแพงมาก และค่อยๆ ลดลงในช่วงหลัง เคยคำนวนเล่นๆ หากผมใช้น้ำมันธรรมดา น่าจะลดลงไปอีก 0.20-0.25 บาท ต่อกิโลเมตร ก็อาจจะลดลงอีกราวๆ 35,000 บาทใน 4 ปี การใช้งานของผมเอง เป็นการวิ่งในเมืองต่อนอกเมืองเป็น 50:50 แต่ระยะทางเลขไมล์ ในเมืองต่อนอกเมืองเป็น 30:70 คนที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก อัตราการกินน้ำมันต่อ กิโลเมตร อาจจะสูงขึ้นไปใกล้ 3 บาทหรือมากกว่า แม้ว่าใช้น้ำมันปกติ
สำหรับอัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 9-17 Km/l เป็นการเก็บสติถิเลขไมล์ทุกครั้งโดย Application ซึ่งถือว่าพอๆ กับรถ C Segemnt ทั่วๆ ไปหรือสูงกว่ารถขนาดเล็กกว่าไปนิดหน่อย
สำหรับเจ้าของกระทู้อาจจะดีหน่อยที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถให้ แต่คนที่ซื้อรถโดยมองแต่ค่าส่งและค่าน้ำมันอย่างเดียวอาจจะคิดผิด เพราะค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือไปจากนั้นมีอีกราวๆ 35-45% เลยทีเดียว
และตัวรถเมื่อเลยระยะ 13-140,000 แล้วดูเหมือนรายการรอซ่อมน่าจะกำลังต่อแถวกันมา ผ่อนรถหมดค่าบำรุงรักษาน่าจะสูงขึ้นตามการใช้งาน
มาเล่าให้ฟังสำหรับคนที่ต้องการซื้อรถ เพื่อว่าจะได้วางแผนการเงินได้อย่างถูกต้องครับ และลองคิดดูว่าถ้าเราเก็บเงินได้จำนวนราวๆ 1.1 ล้านบาทเราสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง
++ มาดูค่าใช้จ่ายในการมีรถใหม่ 1 คันกับระยะเวลา 4 ปีกันครับ ++
รายละเอียดตามรูปด้านล่างครับ
เป็นตัวเลขคร่าวๆ อาจจะมีบางตัวที่ใช้การประมาณแต่ก็อยู่ในช่วงปกติของค่าใช้จ่ายครับ จะเห็นได้ว่า เงินที่จ่ายไปหักลบกับเงินที่เหลือเป็นมูลค่าของรถในช่วง 4 ปี เป็นเงินถึง 1,131,840 บาทเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือจำนวนเงินที่เป็นค่าใช้จ่าย
เนื่องจากการทำงานต้องเอารถมาใช้งานด้วย รถก็เลยวิ่งเยอะกว่าปกตินิดนึง ปีละราวๆ 40,000 โล หากเทียบกับคนที่ใช้ไปทำงาน จอด แล้วกลับบ้านและเดินทางบ้างก็อาจจะลดลงมาอาจจะเหลือ 8-90,000
อัตราการกินน้ำมันต่อ km ในช่วง 2 ปีแรกเป็นช่วงน้ำมันแพงมาก และค่อยๆ ลดลงในช่วงหลัง เคยคำนวนเล่นๆ หากผมใช้น้ำมันธรรมดา น่าจะลดลงไปอีก 0.20-0.25 บาท ต่อกิโลเมตร ก็อาจจะลดลงอีกราวๆ 35,000 บาทใน 4 ปี การใช้งานของผมเอง เป็นการวิ่งในเมืองต่อนอกเมืองเป็น 50:50 แต่ระยะทางเลขไมล์ ในเมืองต่อนอกเมืองเป็น 30:70 คนที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก อัตราการกินน้ำมันต่อ กิโลเมตร อาจจะสูงขึ้นไปใกล้ 3 บาทหรือมากกว่า แม้ว่าใช้น้ำมันปกติ
สำหรับอัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 9-17 Km/l เป็นการเก็บสติถิเลขไมล์ทุกครั้งโดย Application ซึ่งถือว่าพอๆ กับรถ C Segemnt ทั่วๆ ไปหรือสูงกว่ารถขนาดเล็กกว่าไปนิดหน่อย
สำหรับเจ้าของกระทู้อาจจะดีหน่อยที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถให้ แต่คนที่ซื้อรถโดยมองแต่ค่าส่งและค่าน้ำมันอย่างเดียวอาจจะคิดผิด เพราะค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือไปจากนั้นมีอีกราวๆ 35-45% เลยทีเดียว
และตัวรถเมื่อเลยระยะ 13-140,000 แล้วดูเหมือนรายการรอซ่อมน่าจะกำลังต่อแถวกันมา ผ่อนรถหมดค่าบำรุงรักษาน่าจะสูงขึ้นตามการใช้งาน
มาเล่าให้ฟังสำหรับคนที่ต้องการซื้อรถ เพื่อว่าจะได้วางแผนการเงินได้อย่างถูกต้องครับ และลองคิดดูว่าถ้าเราเก็บเงินได้จำนวนราวๆ 1.1 ล้านบาทเราสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง