กระทู้นี้ห่างหายจากตอนที่ 4 ร่วม 2 ปี ขอโทษหลายๆ ท่านที่ติดตามด้วยนะคะ มาต่อตอนที่ 5 กันได้เลยค่ะ
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 1: ข้อมูลน่ารู้
http://ppantip.com/topic/32036302
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 2: Bangkok - El Jajida - Essaouira -
http://ppantip.com/topic/32064444
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 3: Essaouira - Marakesh -
http://ppantip.com/topic/32194992
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 4: Marakesh -
http://ppantip.com/topic/32195311
ตื่นเช้าอากาศเย็นๆ กำลังดี รู้สึกอยากกินน้ำอุ่น เลยลงมาด้านล่าง กะว่าจะจุดเตาตั้งน้ำในกาเอง แต่จุดเตาไม่เป็น พอดี จนท. โรงแรมหนุ่มอารมณ์ดี ที่พร้อมเซอร์วิสทุกอย่าง... แต่ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง (ฮา…) มาพอดี จขกท. เลยบอกจนท. ว่าขอ “Hot Water” พร้อมกับย้ำคำว่า “Hot” นะจ๊ะ… จนท. ก็ทำหน้างงๆ แล้วชี้ไปที่ตู้เย็น… จขกท. อึ้งนิดนึงแอบอมยิ้ม แล้วชี้ไปที่เตาแก๊สแทน จนท. ก็เลยเข้าใจแล้วต้มน้ำร้อนให้
หลังเก็บของเพื่อเตรียมออกเดินทางก็ไปทานอาหารเช้า… เช้านี้เจอหนุ่มเยอรมันที่มากับสาวอังกฤษ (แต่เกิดที่อินเดีย) นั่งทานอาหารเช้าอยู่ เลยเข้าไปทักทาย คุยกันไปมาก็บ่นกันเรื่องที่คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พูดได้แต่ภาษาฝรั่งเศส… หนุ่มเยอรมันก็บอกว่าโชคดีที่เขาพอจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้บาง เลยพอสื่อสารได้…
หลังจากกินข้าวแล้วยกของลงมาด้านล่าง ก็บอก จนท. หนุ่มคนเดิมว่า ต้องการ “Check out” นะจ๊ะ… จนท. หนุ่มก็ทำหน้างงอีก… เอาล่ะสิ… แล้วจะได้ไปไหมเนี่ย… พยายามโทรหาอาลี เพื่อจะได้ให้ช่วยพูดให้ แต่โทรไปไม่รับสาย… จขกท. เลยเดินไปหาหนุ่มเยอรมันคนเมื่อเช้าว่า ช่วยบอก จนท. ให้ได้ไหมว่าอยาก Check out… หนุ่มเยอรมันก็อึ้งไปนิดนึงแล้วบอกว่า… ผมไม่รู้ว่า “Check out” ภาษาฝรังเศสพูดว่ายังไง (555)... ตอนนี้ทุกคนอึ้งกันหมด… สาวอังกฤษที่มาด้วยก็ช่วยนึก แล้วบอกว่า พอรู้พวกคำว่า “Leave”, “Departure” อะไรพวกนี้ไหม… หนุ่มเยอรมันก็พยายามนึกคำแล้วก็ลองพูดหลายๆ คำ จนสุดท้าย จนท. เหมือนจะเข้าใจ แล้วก็จัดการเรื่อง Check out ให้
ขนกระเป๋าออกมาด้านนอก ก็เจออาลีนอนหลับรออยู่ในรถ (มิน่าไม่ยอมรับสาย 555) แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
วิวทิวทัศน์สองข้างทางยังคงสวยงามเช่นเดิม ระหว่างทาง อาลีจอดรถเป็นจุดๆ เพื่อให้ถ่ายรูปกัน… การเดินทางวันนี้ เป็นการเดินทางข้ามเทือกเขา Atlas กันเลย เพราะฉะนั้น ในช่วงแรกๆ จะเห็นทิวเขาโล่งๆ มีหญ้าขึ้นประปรายสลับกับต้นมะกอก และกระบองเพชรเป็นระยะๆ แต่เมื่อเริ่มสูงขึ้น เขาจะเริ่มเป็นเขาหัวโล้น แทบจะไม่มีต้นไม้เลย ถนนเริ่มคดเคี้ยวและอากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ… หากในหุบเขาบริเวณไหนมีลำธารน้ำไหล ซึ่งเป็นน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งบนยอดเขา Atlas บริเวณสองข้างทางก็จะเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้และผักผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกระหว่างสองข้างทาง
อาลีพาพวกเราไต่เขาขึ้นมาเรื่อยๆ ภาพทิวเขาที่เห็นตรงเบื้องหน้า สร้างความอัศจรรย์ใจได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยของลมและฝน ที่สร้างความสวยงานให้กับเทือกเขา… ต้นไม้ที่ยืนตระหง่านบนยอดเขา แม้เดียวดาย แต่ก็เข้มแข็ง… ชาวบ้าน ที่มาอยู่บนนี้ แม้ไม่มีไฟฟ้าและประปาเข้าถึง… รวมถึงนักท่องเที่ยว ที่ถ่อมาเที่ยวถึงที่นี่ด้วย (555)
เมื่อเดินทางลงมาจากยอดเขา พื้นราบสลับทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น… ระหว่างเดินทางไปเมืองแห่งหุบเขา Gorges du Dades เราจะผ่านเมือง Ouarzazate ซึ่งเป็นเมืองแห่งภาพยนต์ และที่เมืองนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ดังๆ หลายเรื่อง เช่น Mummy, Gladiator และละครดัง เรื่อง Game of Thrones… ซึ่งอาลีเล่าให้ฟังว่า ชื่อเมือง Ouarzazate นั้น มาจากคำที่มีเสียงคล้ายๆ ว่า Zeeee ซึ่งเป็นเสียงของความเงียบ (คล้ายๆ เงียบชี่) เพราะเมื่อก่อนเมืองนี้เป็นเมืองทางผ่านจึงเป็นที่เมืองเงียบมาก จนตอนหลังได้มีการสร้างพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนต์ขึ้นที่นี่ ทำให้เมืองนี้คึกคักขึ้น และไม่เคยเงียบอีกเลย
ตอนเที่ยง อาลีพามาทานอาหารเที่ยงที่ร้านแถว Ait Ben Haddou Kasbah ซึ่งเป็นชุมชนก่อนถึงตัวเมือง Ouarzazate และที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ Unesco ด้วย โดยนอกจากจะได้เห็นบ้านแบบโบราณของชาวพื้นเมืองที่ทำจากดินแล้ว ยังมียอดเขาเล็กๆ ที่พอให้คนเดินขึ้นไปดูวิวด้านบนได้ด้วย ระหว่างทานอาหารกัน อาลีก็พาหนุ่มน้อยคนนึงมาแนะนำว่า เป็นไกด์ท้องถิ่น จะพานำเดินขึ้นไปดูวิวด้านบน… ซึ่งหลังจากดูท้องฟ้าที่ไร้เมฆและแดดยามเที่ยงแล้ว เราก็ขอไม่ขึ้นไปด้านบนดีกว่า หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จก็เดินทางเข้าไปที่ตัวเมือง Ouarzazate กันต่อ
ที่ตัวเมือง Ouarzazate มีพิพิทธภัณฑ์ภาพยนต์และ Taourit kasbah ซึ่งเป็นบ้านพักของเจ้าเมือง (คล้ายๆ ผู้สำเร็จราชการ) ในสมัยก่อน พวกเราได้ตัดสินใจไม่เข้าไปดูพิพิทธภัณฑ์ภาพยนต์ แต่ไปดู Taourit kasbah ที่เดียว (จริงๆ อยู่ตรงข้ามกัน แต่กลัวไปถึง Gorges du Dades ค่ำไปเลยดูที่เดียว)
ใน Taourit kasbah จะแบ่งแยกตึกผู้ชายกับตึกผู้หญิง แต่ละตึกจะมีห้องเล็กห้องน้อย และบันไดค่อนข้างชัน ส่วนห้องด้านบนสุดจะเป็นห้องที่มีการวาดลวดลายและตกแต่งสวยงาม (คาดว่าคงเป็นห้องของเจ้าเมือง) เดินกลับมาที่รถ ถามอาลีว่า ทำไมในนั้นไม่มีห้องน้ำเลย เขาถ่ายทุกข์กันที่ไหนเหรอ… อาลีหัวเราะแล้วบอกว่า… ก็รอบๆ กำแพงเมืองนั่นแหล่ะ ถ้าเป็นเจ้านายก็มีกระโถนแล้วเอาออกไปทิ้งนอกกำแพงเมืองอีกที…
ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางผ่านเมือง Kalaat M'gouna ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “หุบเขาแห่งกุหลาบ” เพราะที่นี่เป็นเหล่งปลูกต้นกุหลาบหลากหลายพันธ์ุ และมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกุหลาบเพื่อส่งออกไปยังยุโรปเยอะมาก เสียดายมาถึงช่วงเย็นแล้ว และหน้านี้ก็ไม่ใช่หน้ากุหลาบ เลยไม่ได้ไปเยียมชมสวนดอกไม้ แต่อาลีก็ไม่ลืมแวะร้านค้าให้เราได้ใช้เงินกัน (555) อาลีเล่าว่า ร้านนี้อยู่นอกเมือง แต่เป็นร้านค้าที่เหมือนเป็นของสหกรณ์ชุมชน เพราะฉะนั้นราคาของจะไม่แพง… เพื่อน จขกท. เลยได้ครีมทามือไปฝากคุณแม่สามีกระปุกนึง
ขับรถมาถึงที่พักใน Gorges du Dades ก็ค่ำแล้ว ที่พักวันนี้ชื่อ Auberge Panorama Dades เป็นห้องพักแบบสามคนเลยได้ห้องในสุด ซึ่งไฟทางเดินไปห้องพักเสีย บรรยากาศเลยค่อนข้างน่ากลัว แต่พอเข้ามาในห้องพักที่มีไฟก็รู้สึกดีขึ้น ซึ่งที่นี่ห้องน้ำใหญ่มากกกกก พอๆ กับพื้นที่ห้องนอนเลย… หลังเก็บของเข้าห้องพักแล้วก็มาทานอาหารค่ำที่ห้องอาหาร… ไม่น่าเชื่อว่าอาหารอร่อยมาก อาหารที่จัดมาเป็นเซ็ต ซึ่งกินกันจนอิ่มมาก… คืนนี้นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่มีกลุ่มนึงเหมือนเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่รวมตัวกันมาวาดรูปที่นี่ เพราะเห็นมีการเอารูปภาพที่แต่ละคนวาดมาโชว์และวิจารณ์กันด้วย…
วันนี้เดินทางทั้งวันไม่ค่อยได้ทำอะไร แต่ก็รู้สึกเพลียมาก เลยหลับกันเร็ว… แต่ก็มีเรื่องให้น่าขนหัวลุกอยู่เหมือนกัน… ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 5: Ouarzazate - Gorges du Dades
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 1: ข้อมูลน่ารู้ http://ppantip.com/topic/32036302
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 2: Bangkok - El Jajida - Essaouira - http://ppantip.com/topic/32064444
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 3: Essaouira - Marakesh - http://ppantip.com/topic/32194992
กขค. ในฮันนีมูนทริปที่โมร็อคโค (Morocco) - ตอนที่ 4: Marakesh - http://ppantip.com/topic/32195311
ตื่นเช้าอากาศเย็นๆ กำลังดี รู้สึกอยากกินน้ำอุ่น เลยลงมาด้านล่าง กะว่าจะจุดเตาตั้งน้ำในกาเอง แต่จุดเตาไม่เป็น พอดี จนท. โรงแรมหนุ่มอารมณ์ดี ที่พร้อมเซอร์วิสทุกอย่าง... แต่ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง (ฮา…) มาพอดี จขกท. เลยบอกจนท. ว่าขอ “Hot Water” พร้อมกับย้ำคำว่า “Hot” นะจ๊ะ… จนท. ก็ทำหน้างงๆ แล้วชี้ไปที่ตู้เย็น… จขกท. อึ้งนิดนึงแอบอมยิ้ม แล้วชี้ไปที่เตาแก๊สแทน จนท. ก็เลยเข้าใจแล้วต้มน้ำร้อนให้
หลังเก็บของเพื่อเตรียมออกเดินทางก็ไปทานอาหารเช้า… เช้านี้เจอหนุ่มเยอรมันที่มากับสาวอังกฤษ (แต่เกิดที่อินเดีย) นั่งทานอาหารเช้าอยู่ เลยเข้าไปทักทาย คุยกันไปมาก็บ่นกันเรื่องที่คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พูดได้แต่ภาษาฝรั่งเศส… หนุ่มเยอรมันก็บอกว่าโชคดีที่เขาพอจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้บาง เลยพอสื่อสารได้…
หลังจากกินข้าวแล้วยกของลงมาด้านล่าง ก็บอก จนท. หนุ่มคนเดิมว่า ต้องการ “Check out” นะจ๊ะ… จนท. หนุ่มก็ทำหน้างงอีก… เอาล่ะสิ… แล้วจะได้ไปไหมเนี่ย… พยายามโทรหาอาลี เพื่อจะได้ให้ช่วยพูดให้ แต่โทรไปไม่รับสาย… จขกท. เลยเดินไปหาหนุ่มเยอรมันคนเมื่อเช้าว่า ช่วยบอก จนท. ให้ได้ไหมว่าอยาก Check out… หนุ่มเยอรมันก็อึ้งไปนิดนึงแล้วบอกว่า… ผมไม่รู้ว่า “Check out” ภาษาฝรังเศสพูดว่ายังไง (555)... ตอนนี้ทุกคนอึ้งกันหมด… สาวอังกฤษที่มาด้วยก็ช่วยนึก แล้วบอกว่า พอรู้พวกคำว่า “Leave”, “Departure” อะไรพวกนี้ไหม… หนุ่มเยอรมันก็พยายามนึกคำแล้วก็ลองพูดหลายๆ คำ จนสุดท้าย จนท. เหมือนจะเข้าใจ แล้วก็จัดการเรื่อง Check out ให้
ขนกระเป๋าออกมาด้านนอก ก็เจออาลีนอนหลับรออยู่ในรถ (มิน่าไม่ยอมรับสาย 555) แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
วิวทิวทัศน์สองข้างทางยังคงสวยงามเช่นเดิม ระหว่างทาง อาลีจอดรถเป็นจุดๆ เพื่อให้ถ่ายรูปกัน… การเดินทางวันนี้ เป็นการเดินทางข้ามเทือกเขา Atlas กันเลย เพราะฉะนั้น ในช่วงแรกๆ จะเห็นทิวเขาโล่งๆ มีหญ้าขึ้นประปรายสลับกับต้นมะกอก และกระบองเพชรเป็นระยะๆ แต่เมื่อเริ่มสูงขึ้น เขาจะเริ่มเป็นเขาหัวโล้น แทบจะไม่มีต้นไม้เลย ถนนเริ่มคดเคี้ยวและอากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ… หากในหุบเขาบริเวณไหนมีลำธารน้ำไหล ซึ่งเป็นน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งบนยอดเขา Atlas บริเวณสองข้างทางก็จะเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้และผักผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกระหว่างสองข้างทาง
อาลีพาพวกเราไต่เขาขึ้นมาเรื่อยๆ ภาพทิวเขาที่เห็นตรงเบื้องหน้า สร้างความอัศจรรย์ใจได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยของลมและฝน ที่สร้างความสวยงานให้กับเทือกเขา… ต้นไม้ที่ยืนตระหง่านบนยอดเขา แม้เดียวดาย แต่ก็เข้มแข็ง… ชาวบ้าน ที่มาอยู่บนนี้ แม้ไม่มีไฟฟ้าและประปาเข้าถึง… รวมถึงนักท่องเที่ยว ที่ถ่อมาเที่ยวถึงที่นี่ด้วย (555)
เมื่อเดินทางลงมาจากยอดเขา พื้นราบสลับทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น… ระหว่างเดินทางไปเมืองแห่งหุบเขา Gorges du Dades เราจะผ่านเมือง Ouarzazate ซึ่งเป็นเมืองแห่งภาพยนต์ และที่เมืองนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ดังๆ หลายเรื่อง เช่น Mummy, Gladiator และละครดัง เรื่อง Game of Thrones… ซึ่งอาลีเล่าให้ฟังว่า ชื่อเมือง Ouarzazate นั้น มาจากคำที่มีเสียงคล้ายๆ ว่า Zeeee ซึ่งเป็นเสียงของความเงียบ (คล้ายๆ เงียบชี่) เพราะเมื่อก่อนเมืองนี้เป็นเมืองทางผ่านจึงเป็นที่เมืองเงียบมาก จนตอนหลังได้มีการสร้างพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนต์ขึ้นที่นี่ ทำให้เมืองนี้คึกคักขึ้น และไม่เคยเงียบอีกเลย
ตอนเที่ยง อาลีพามาทานอาหารเที่ยงที่ร้านแถว Ait Ben Haddou Kasbah ซึ่งเป็นชุมชนก่อนถึงตัวเมือง Ouarzazate และที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ Unesco ด้วย โดยนอกจากจะได้เห็นบ้านแบบโบราณของชาวพื้นเมืองที่ทำจากดินแล้ว ยังมียอดเขาเล็กๆ ที่พอให้คนเดินขึ้นไปดูวิวด้านบนได้ด้วย ระหว่างทานอาหารกัน อาลีก็พาหนุ่มน้อยคนนึงมาแนะนำว่า เป็นไกด์ท้องถิ่น จะพานำเดินขึ้นไปดูวิวด้านบน… ซึ่งหลังจากดูท้องฟ้าที่ไร้เมฆและแดดยามเที่ยงแล้ว เราก็ขอไม่ขึ้นไปด้านบนดีกว่า หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จก็เดินทางเข้าไปที่ตัวเมือง Ouarzazate กันต่อ
ที่ตัวเมือง Ouarzazate มีพิพิทธภัณฑ์ภาพยนต์และ Taourit kasbah ซึ่งเป็นบ้านพักของเจ้าเมือง (คล้ายๆ ผู้สำเร็จราชการ) ในสมัยก่อน พวกเราได้ตัดสินใจไม่เข้าไปดูพิพิทธภัณฑ์ภาพยนต์ แต่ไปดู Taourit kasbah ที่เดียว (จริงๆ อยู่ตรงข้ามกัน แต่กลัวไปถึง Gorges du Dades ค่ำไปเลยดูที่เดียว)
ใน Taourit kasbah จะแบ่งแยกตึกผู้ชายกับตึกผู้หญิง แต่ละตึกจะมีห้องเล็กห้องน้อย และบันไดค่อนข้างชัน ส่วนห้องด้านบนสุดจะเป็นห้องที่มีการวาดลวดลายและตกแต่งสวยงาม (คาดว่าคงเป็นห้องของเจ้าเมือง) เดินกลับมาที่รถ ถามอาลีว่า ทำไมในนั้นไม่มีห้องน้ำเลย เขาถ่ายทุกข์กันที่ไหนเหรอ… อาลีหัวเราะแล้วบอกว่า… ก็รอบๆ กำแพงเมืองนั่นแหล่ะ ถ้าเป็นเจ้านายก็มีกระโถนแล้วเอาออกไปทิ้งนอกกำแพงเมืองอีกที…
ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางผ่านเมือง Kalaat M'gouna ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “หุบเขาแห่งกุหลาบ” เพราะที่นี่เป็นเหล่งปลูกต้นกุหลาบหลากหลายพันธ์ุ และมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกุหลาบเพื่อส่งออกไปยังยุโรปเยอะมาก เสียดายมาถึงช่วงเย็นแล้ว และหน้านี้ก็ไม่ใช่หน้ากุหลาบ เลยไม่ได้ไปเยียมชมสวนดอกไม้ แต่อาลีก็ไม่ลืมแวะร้านค้าให้เราได้ใช้เงินกัน (555) อาลีเล่าว่า ร้านนี้อยู่นอกเมือง แต่เป็นร้านค้าที่เหมือนเป็นของสหกรณ์ชุมชน เพราะฉะนั้นราคาของจะไม่แพง… เพื่อน จขกท. เลยได้ครีมทามือไปฝากคุณแม่สามีกระปุกนึง
ขับรถมาถึงที่พักใน Gorges du Dades ก็ค่ำแล้ว ที่พักวันนี้ชื่อ Auberge Panorama Dades เป็นห้องพักแบบสามคนเลยได้ห้องในสุด ซึ่งไฟทางเดินไปห้องพักเสีย บรรยากาศเลยค่อนข้างน่ากลัว แต่พอเข้ามาในห้องพักที่มีไฟก็รู้สึกดีขึ้น ซึ่งที่นี่ห้องน้ำใหญ่มากกกกก พอๆ กับพื้นที่ห้องนอนเลย… หลังเก็บของเข้าห้องพักแล้วก็มาทานอาหารค่ำที่ห้องอาหาร… ไม่น่าเชื่อว่าอาหารอร่อยมาก อาหารที่จัดมาเป็นเซ็ต ซึ่งกินกันจนอิ่มมาก… คืนนี้นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่มีกลุ่มนึงเหมือนเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่รวมตัวกันมาวาดรูปที่นี่ เพราะเห็นมีการเอารูปภาพที่แต่ละคนวาดมาโชว์และวิจารณ์กันด้วย…
วันนี้เดินทางทั้งวันไม่ค่อยได้ทำอะไร แต่ก็รู้สึกเพลียมาก เลยหลับกันเร็ว… แต่ก็มีเรื่องให้น่าขนหัวลุกอยู่เหมือนกัน… ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังค่ะ