สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของผมเองนะครับ จากเจ้าชายสีรุ้ง ต้องขอเล่าก่อนว่า ก่อนหน้านี้ ผมได้ใช้อินเตอร์เนตของค่ายหนึ่งที่เป็นระบบ DOCSIS ซึ่งผมติดตั้ง ก่อนที่ไฟเบอร์ค่ายเขียวจะเข้ามาก่อนหนึ่งเดือนครับ (น่าเสียดายมากๆ) ก่อนหน้านั้น ผมก็ใช้ Docsis Router Cisco EPC3820 คู่กะ RT-AC55UHP ASUS (AC1200) หลังจากที่หมดสัญญาแล้วผมเองจึงได้สนใจติดตั้งเนตไฟเบอร์ค่ายเขียวครับ และก็ตัดสินใจเปลี่ยนระบบอินเตอร์เนตภายในบ้าน เป็น Powerline ครับ เพราะดูแล้วน่าสนใจดี เป็นเทคโนโลยี ที่ผมกำลังอยากลองพอดีครับ
ซึ่งตัวที่ผมได้มาก็คือ D-LINK DHP-600AV สั่งซื้อกับทาง Store ของเขาโดยที่ใช้สิทธิพิเศษลูกค้าในการซื้อครับ ได้ส่วนลด 400 บาท แต่ Powerline ต้องใช้เป็นคู่ครับ จึงทำการซื้อ 2 ตัว ได้ส่วนลดมา 800 บาทครับ โดยไปรับสินค้า Skybox Victory Monument ครับ
ตอนที่รับมาผมไม่ได้ถ่ายครับ เป็นกล่องแบบในภาพ ถูกซีลด้วยพลาสติกบางๆ และมีสติกเกอร์ติดรับประกัน 5 ปี และ ติดสติกเกอร์วงกลมบอกราคาพิเศษครับ
โดยที่ในกล่องจะมีสายแลน 1 เมตร คู่มือการใช้งานแบบบางมากกกก และตัว Powerline 1 อันครับ
โดยที่สเปคคร่าวๆ คือ
สามารถวิ่งผ่านสายไฟได้สูงสุด 600 Mbps
พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น Gigabit Lan
จับคู่กับ Powerline ด้วยกันเองง่ายๆ ด้วยปุ่ม ข้างพอร์ตแลนครับ
เป็น Lan อย่างเดียวนะครับ ไม่เหมือน Power line ตัวอื่นๆ ที่บางรุ่นมี Wifi ในตัว ซึ่งผมไม่ต้องการ เพราะมี Router อยู่แล้วครับ
โดยที่ตัวจริง และสถานะของตัว Powerline เป็นแบบในรูปภาพครับ
โดยที่ไฟสถานะของมันนั้นจะมีสามดวงด้วยกัน แบ่งออกเป็นดังนี้ครับ
ไฟพาวเวอร์ ดวงบนสุดจากขวาไปซ้าย เป็นตัวบอกว่า เรากำลังเสียบปลั๊กอยู่ / กระพริบ แสดงว่า อยู่ในโหมด Standby ช่วยลดการใช้พลังงานครับ
ไฟตรงกลาง หมายถึง Home Plug ซึ่งก็คือเป็นตัวบอกว่า Powerline นั้น ถูกเชื่อมต่อกันแล้ว โดยที่จะแสดงไฟเป็นสีเขียว / ไม่มีไฟ คือไม่ได้เชื่อมต่อกับ Power line อีกตัว / สีแดง คือ เชื่อมต่อถูกขัดจังหวะ สัญญาณอ่อน / เขียวกระพริบ กำลังจับคู่ครับ
ไฟดวงล่างสุดคือ ไฟสถานะ บอกการเชื่อมต่อกับ Lan ครับ / ติดแสดงว่าเชื่อมต่ออยู่ครับ
เริ่มการทดสอบกันเลยนะครับ ผมได้จัดระบบภายในบ้าน ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ในลักษณะดังรูปครับ
รูปบริเวณบ้านชั้นที่ 1 (ตัวที่ทำการส่งสัญญาณอินเตอร์เนตขึ้นไป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Router ที่แถมเป็นของ FibreHome ตัวแถมเลยครับ เป็น Gigabit+2.4GHz N300
นี่คือพระเอกของเราครับ แท่มแท้ม...มมมมมมม
รูปบริเวณบ้านชั้นที่ 2 (ตัวที่ทำการรับสัญญาณอินเตอร์เนตจากชั้นล่างมาครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สายแลนเป็นสีส้มนะครับ 55555 สีเจ็บมาก เราท์เตอร์ที่ใช้คือ Linksys X1000 (อนาคตค่อยเปลี่ยนเป็น Gigabit ครับ อิอิ)
ครับ เมื่อทำการเชื่อมต่อ และตั้งค่าให้กับเราท์เตอร์ทั้งหมดแล้ว เราจะเริ่มทำการทดสอบครับ โดยที่ผมใช้นางเอกในที่นี้คือ Xiaomi Mi Pad ครับผม
โดยที่เราท์เตอร์ทั้งสองตั้งชื่อเป็นชั้น 1 และชั้น 2 แยกอิสระจากกันนะครับ ผลการทดสอบได้ผลเป็นดังนี้นะครับ (โดยที่ผมนั้นได้สมัคร โปรเนตไฟเบอร์ 20/7 ราคา 590.- (ลด 50% 6 รอบบิล) และราคานี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้เป็นความเร็วอินเตอร์เนต จาก Router ชั้นที่ 1 ครับ
อันนี้เป็นความเร็วอินเตอร์เนต จาก Router ชั้นที่ 2 ครับ (ตัวที่รับมาจาก Power Line)
จะเห็นได้ว่า สปีดที่มาจาก Power Line นั้น สปีดจะดรอปนิดนึงครับ และค่าปิงสูงขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นผลมาจาก ระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรบกวนครับ แต่ถือว่า อยู่ในระดับที่ผมสามารถรับได้นะครับ
Conclusion
Powerline เหมาะสำหรับในบริเวณที่สัญญาณ Wifi มีการรบกวนเยอะ หรือต้องการใช้อินเตอร์เนตภายในห้องกระจกที่สัญญาณอินเตอร์เนตเข้าไม่ได้ และไม่อยากเดินสายให้ลำบากใจนะครับ ตัวนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อที่จะช่วยให้ท่านสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินสายแลนเพิ่ม เพียงแค่ฝากอินเตอร์เนตไปกับสายแลนนะครับ
สำหรับวันนี้ผมต้องลาไปก่อน รีวิวครั้งนี้สามารถติชมได้ เพื่อการรีวิวครั้งต่อไปนะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถหลังไมค์ได้ทุกเวลาครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ผมนะครับ ขอบคุณครับ
[CR] Review D-LINK DHP-600AV Gigabit Powerline จาก Store ค่ายไฟเบอร์เขียว
ซึ่งตัวที่ผมได้มาก็คือ D-LINK DHP-600AV สั่งซื้อกับทาง Store ของเขาโดยที่ใช้สิทธิพิเศษลูกค้าในการซื้อครับ ได้ส่วนลด 400 บาท แต่ Powerline ต้องใช้เป็นคู่ครับ จึงทำการซื้อ 2 ตัว ได้ส่วนลดมา 800 บาทครับ โดยไปรับสินค้า Skybox Victory Monument ครับ
ตอนที่รับมาผมไม่ได้ถ่ายครับ เป็นกล่องแบบในภาพ ถูกซีลด้วยพลาสติกบางๆ และมีสติกเกอร์ติดรับประกัน 5 ปี และ ติดสติกเกอร์วงกลมบอกราคาพิเศษครับ
โดยที่ในกล่องจะมีสายแลน 1 เมตร คู่มือการใช้งานแบบบางมากกกก และตัว Powerline 1 อันครับ
โดยที่สเปคคร่าวๆ คือ
สามารถวิ่งผ่านสายไฟได้สูงสุด 600 Mbps
พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น Gigabit Lan
จับคู่กับ Powerline ด้วยกันเองง่ายๆ ด้วยปุ่ม ข้างพอร์ตแลนครับ
เป็น Lan อย่างเดียวนะครับ ไม่เหมือน Power line ตัวอื่นๆ ที่บางรุ่นมี Wifi ในตัว ซึ่งผมไม่ต้องการ เพราะมี Router อยู่แล้วครับ
โดยที่ตัวจริง และสถานะของตัว Powerline เป็นแบบในรูปภาพครับ
โดยที่ไฟสถานะของมันนั้นจะมีสามดวงด้วยกัน แบ่งออกเป็นดังนี้ครับ
ไฟพาวเวอร์ ดวงบนสุดจากขวาไปซ้าย เป็นตัวบอกว่า เรากำลังเสียบปลั๊กอยู่ / กระพริบ แสดงว่า อยู่ในโหมด Standby ช่วยลดการใช้พลังงานครับ
ไฟตรงกลาง หมายถึง Home Plug ซึ่งก็คือเป็นตัวบอกว่า Powerline นั้น ถูกเชื่อมต่อกันแล้ว โดยที่จะแสดงไฟเป็นสีเขียว / ไม่มีไฟ คือไม่ได้เชื่อมต่อกับ Power line อีกตัว / สีแดง คือ เชื่อมต่อถูกขัดจังหวะ สัญญาณอ่อน / เขียวกระพริบ กำลังจับคู่ครับ
ไฟดวงล่างสุดคือ ไฟสถานะ บอกการเชื่อมต่อกับ Lan ครับ / ติดแสดงว่าเชื่อมต่ออยู่ครับ
เริ่มการทดสอบกันเลยนะครับ ผมได้จัดระบบภายในบ้าน ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ในลักษณะดังรูปครับ
รูปบริเวณบ้านชั้นที่ 1 (ตัวที่ทำการส่งสัญญาณอินเตอร์เนตขึ้นไป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปบริเวณบ้านชั้นที่ 2 (ตัวที่ทำการรับสัญญาณอินเตอร์เนตจากชั้นล่างมาครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครับ เมื่อทำการเชื่อมต่อ และตั้งค่าให้กับเราท์เตอร์ทั้งหมดแล้ว เราจะเริ่มทำการทดสอบครับ โดยที่ผมใช้นางเอกในที่นี้คือ Xiaomi Mi Pad ครับผม
โดยที่เราท์เตอร์ทั้งสองตั้งชื่อเป็นชั้น 1 และชั้น 2 แยกอิสระจากกันนะครับ ผลการทดสอบได้ผลเป็นดังนี้นะครับ (โดยที่ผมนั้นได้สมัคร โปรเนตไฟเบอร์ 20/7 ราคา 590.- (ลด 50% 6 รอบบิล) และราคานี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Conclusion
Powerline เหมาะสำหรับในบริเวณที่สัญญาณ Wifi มีการรบกวนเยอะ หรือต้องการใช้อินเตอร์เนตภายในห้องกระจกที่สัญญาณอินเตอร์เนตเข้าไม่ได้ และไม่อยากเดินสายให้ลำบากใจนะครับ ตัวนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อที่จะช่วยให้ท่านสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินสายแลนเพิ่ม เพียงแค่ฝากอินเตอร์เนตไปกับสายแลนนะครับ
สำหรับวันนี้ผมต้องลาไปก่อน รีวิวครั้งนี้สามารถติชมได้ เพื่อการรีวิวครั้งต่อไปนะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถหลังไมค์ได้ทุกเวลาครับ