คุณยายได้ทำการกู้เพื่อการเกษตร โดยใช้โฉนดที่ดินในการค้ำประกัน ชื่อผู้ถือครองที่ดินคือชื่อคุณยาย ปัจจุบันคุณยายเสียชีวิตแล้ว และได้ทำพินัยกรรมไว้ เป็นพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ณ ที่ทำการอำเภอ ทำขึ้นก่อนเสียชีวิต ในพินัยกรรมขอแต่งตั้งคุณแม่เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งในพินัยกรรมเป็นชื่อเดิมของคุณแม่ โดยในพินัยกรรมกล่าวถึงโฉนดที่ดินผืนนี้ และผืนอื่นๆ ผู้ได้รับสิทธิคือ คุณแม่และน้องๆคุณแม่อีก4 คน

เมื่อไปเจรจา จ่ายหนี้สินที่ธนาคารเพื่อเอาโฉนดออกมา หลักฐานดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านผู้กู้ยืม (ยาย)
- ใบมรณบัตรยาย
- บัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านผู้ชำระหนี้แทน (แม่)
- พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
- ใบเปลี่ยนชื่อของคุณแม่
- และเงินเพื่อชำระหนี้สินทั้งหมด

โดยทางธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ต้องมีการประกาศเป็นผู้จัดการมรดกจากศาลเท่านั้น โดยพินัยกรรมฝ่ายเมืองไม่มีผลกับกฏของธนาคาร สามารถชำระหนี้ได้แต่ไม่สามารถนำโฉนดออกไปได้ คุณแม่จึงยังไม่ชำระ เพราะหากยื่นเรื่องต่อศาล ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 45 -60 วัน

จึงอยากขอสอบถามผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทราบข้อมูลช่วยชี้แจ้ง หรืออธิบายให้ทราบทีค่ะ
1.เอกสารพินัยกรรมฝ่ายเมือง ไม่เพียงพอต่อการนำโฉนดออกมาจริงหรือไม่คะ

ภาพพินัยกรรมหน้าที่2
2.หากต้องร้องขอต่อศาลเพื่อเป็นผู้จัดการมรดก มีผลใดๆกับพินัยกรรมหรือไม่ จะมีผลซ้ำซ้อนกันหรือไม่พินัยกรรมยังมีผลตามปกติหรือไม่คะ
3.ขั้นตอนการยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกโดยยื่นต่อศาล หลักฐานต้องมีการยื่นโฉนดเพื่อขอเป็นผู้จัดการ แต่ในที่นี่โฉนดที่เป็นต้นเรื่องอยู่กับธนาคาร จะสามารถใช้หลักฐานใดแทนได้บ้างคะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและเข้ามาอ่านค่ะ