ชื่อกระทู้ชัดเจน ว่าคนเที่ยวคือครูสอนในโรงเรียนระดับมัธยม ดังนั้นกระทู้นี้จึงเหมาะกับคนกลุ่มนี้ที่สุด ผมแบ่งครูโรงเรียนของรัฐบาลออกเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือครูระดับประถมศึกษา ขึ้นตรงต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กลุ่มนี้มีเวลาปิดภาคเรียนนานกว่าครูโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ขึ้นตรงต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ครูประถมและครูมัธยมปิดภาคเรียนช่วงเดือนตุลาคมพอๆกัน ประมาณ 20 วัน (ประมาณวันที่ 10 – 30 ตุลาคม) ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ ใบไม้ก็ยังไม่แดงมาก อากาศกำลังเย็นสบาย ปิดเทอมใหญ่ช่วงเมษายน ครูประถมจะปิดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 16 พฤษภาคม สามารถเลือกไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงซากุระบานได้ทุกภูมิภาค แต่ครูมัธยมจะเริ่มปิดเทอมใหญ่ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน (ต้องรอรับมอบตัวนักเรียน ม.1 และ ม.4) - ต้นเดือนพฤษภาคม (ต้องมาปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ ต้องมาสอนปรับพื้นฐาน) ซึ่งก็คือตัวเอง ซากุระก็เหลือให้ชมบางภูมิภาค ก็คือภูมิภาคโทโฮคุ ตามชื่อกระทู้นั่นเอง
ทำไมต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น? มีเหตุผลแบบมาตรฐานคนไทยทั่วๆไปที่ส่วนใหญ่ก็คงทราบดี เหตุผลส่วนตัวคือคือมีมุมถ่ายภาพมากมาย และเดินทางสะดวก ปลอดภัย วางแผนง่าย ส่วนตัวไปญี่ปุ่นมาแล้ว 3 ครั้ง 3 แบบ ครั้งแรกไปกับทัวร์ (ภูมิภาคคันโตและชูบุ) 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2557 ซึ่งก็ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก ไป 4 วัน ฝนตก 2 วัน ครั้งที่ 2 ไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ (ภูมิภาคคันไซ) 13 – 19 ตุลาคม 2558 ก็ยังไม่ค่อยราบรื่นเพราะวางแผนไปหลายที่เกินไป เกิดความมั่วในการรีบเร่งเดินทาง ครั้งที่ 3 (ภูมิภาคโทโฮคุ) คือครั้งที่เป็นน้ำเป็นเนื้อที่สุด พอที่จะนำมารีวิวให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง ช่วงที่ไปคือ 17 – 23 เมษายน 2559 เที่ยวนี้ไปกับน้องที่เคยเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน และพูดภาษาเดียวกัน ดังนั้นภาพรีวิวจึงมีภาพน้องคนนี้เป็นจำนวนมาก แนวคิดหลักของทริปนี้คือถ่ายภาพตรงที่ซากุระกำลังบาน ไม่เน้นปริมาณของสถานที่ ไม่เน้นกิน (เน้นดื่มตอนเย็น) ไม่เน้นช้อปปิ้ง ไม่สนใจสวนสนุกและธีมปาร์ค ทริปทั่วๆไปราบรื่น เป็นไปตามแผน มีดราม่าวันสุดท้าย ที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เจอกับเหตุการณ์นี้ (เครื่องบินดีเลย์ 12 ชั่วโมง) คนที่อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มรู้แล้วนะครับว่าจะเจออะไรต่อไปในรีวิวนี้
การเตรียมตัวค่อนข้างรอบคอบ จึงนำมาซึ่งความราบรื่น
- หาตั๋วเครื่องบินที่ไม่แพงในช่วงนั้น ซึ่งถูกจำกัดด้วยช่วงเวลา ขนาดจองก่อนเดินทางประมาณ 5 เดือน ก็ไม่มีตั๋วถูกในช่วงนั้น ตั๋วไป-กลับ เชียงใหม่-ดอนเมือง-นาริตะ (แบบ Fly Thru ของ Air Asia X) ประมาณ 2 หมื่น (รวมทุกอย่าง+อาหาร)
- วางเส้นทางการเดินทาง โดยยึดไกด์บุ๊คเป็นหลัก และหาข้อมูลรีวิวในอินเตอร์เน็ททั่วๆไป
- ซื้อ JR East Pass ผ่านเว็บไซท์ ซึ่งช่วงนั้นยังเป็นแบบเก่าซึ่งราคา 22,000 เยน จ่ายเป็น US $ ได้ราคาถูกกว่าเพราะช่วงนั้นเงินเยนแข็งโป๊ก (100 เยน : -34.7 บาท) ประมาณ 7,500 บาท/คน
- จองโรงแรม เน้นใกล้สถานีรถไฟ อยู่ในเรทประมาณคืนละ 2,000 – 2,500 บาท ได้ ANA Holiday Inn 2 คืน Toyoko 3 คืน ผ่าน booking.com ไปจ่ายเมื่อเข้าพัก สนามบินนาริตะ 1 คืน
- ทำแผนการเดินทางไปยังจุดที่ต้องการ (ส่วนใหญ่โดยรถไฟ) กำหนดเวลา ขบวนรถ โดยใช้เว็บไซท์ hyperdia.com และทำตารางจองที่นั่งชินคันเซ็น เพื่อขอตั๋วตอนไปขึ้นเป็น JR East Pass ตัวจริง
- ใกล้ถึเวลาเดินทาง เช่า Pocket wifi โดยใช้บริการซามูไร วันละ 200 บาท บริการส่งถึงบ้าน (เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บไซท์)
- เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ถ่ายภาพ กล้อง เลนส์ เท่าที่จำเป็นจริงๆ เครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์ แท็บเล็ท โน้ทบุ๊ค (เพื่อโพรเสสภาพ ดูทีวี youtube ตอนกลางคืน)
- เอกสารสำคัญ พาสปอร์ต ใบจองต่างๆ ถ่ายเอกสารสัก 2-3 ชุด ไกด์บุ๊ค เก็บภาพสถานที่ไว้ในเม็มโทรศัพท์ แท็บเล็ท เพื่อใช้สื่อสารกับคนที่พูดกันไม่รู้เรื่อง โหลด App ที่จำเป็นเช่น google map google แปลภาษา
- กระเป๋าที่มีล้อแข็งแรง หมุนได้อิสระ ถ้าเป็นสีดำยอดนิยม ให้ใช้สายรัดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป้สะพายใส่อุปกรณ์ถ่ายภาพ เครื่องมือสื่อสาร ของใช้จำเป็น เอกสารสำคัญ
- ศึกษาพยากรณ์อากาศ เพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้า แถบโทโฮคุช่วงเดือนเมษายน อากาศเช้าๆยังเลขตัวเดียว ยาสามัญประจำตัว
- ดูแลสุขภาพก่อนไป เพราะต้องเดินถ่ายภาพวันละไกลๆพอสมควร
- ภารกิจการเตรียมตัวก่อนการเดินทางก็ประมาณนี้ ถึงเวลาออกเดินทางกันเลย มาถึงตรงนี้การวางรูปแบบกระทู้ยังมั่วๆ เพราะเป็นกระทู้แรก รอการทำความเข้าใจและแก้ไขสักพัก ผู้มีประสบการณ์ที่บังเอิญเช้ามาเจอกระทู้นี้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ ความคาดหวังของความสวยงามของซากุระมี 3 จุดด้วยกัน คือ 1. Funaoka Castle Ruin Park, Sendai 2. หมู่บ้านซามูไร Kakunodate, Akita 3. ปราสาท Hirosaki, Aomori ลองชมภาพตัวอย่าง ก่อนจะถึงรีวิวอย่างละเอียด
Funaoka Castle Ruin Park, Sendai
หมู่บ้านซามูไร Kakunodate, Akita
ปราสาท Hirosaki, Aomori
[CR] ครูมัธยมเที่ยวโทโฮคุ
ชื่อกระทู้ชัดเจน ว่าคนเที่ยวคือครูสอนในโรงเรียนระดับมัธยม ดังนั้นกระทู้นี้จึงเหมาะกับคนกลุ่มนี้ที่สุด ผมแบ่งครูโรงเรียนของรัฐบาลออกเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือครูระดับประถมศึกษา ขึ้นตรงต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กลุ่มนี้มีเวลาปิดภาคเรียนนานกว่าครูโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ขึ้นตรงต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ครูประถมและครูมัธยมปิดภาคเรียนช่วงเดือนตุลาคมพอๆกัน ประมาณ 20 วัน (ประมาณวันที่ 10 – 30 ตุลาคม) ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ ใบไม้ก็ยังไม่แดงมาก อากาศกำลังเย็นสบาย ปิดเทอมใหญ่ช่วงเมษายน ครูประถมจะปิดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 16 พฤษภาคม สามารถเลือกไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงซากุระบานได้ทุกภูมิภาค แต่ครูมัธยมจะเริ่มปิดเทอมใหญ่ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน (ต้องรอรับมอบตัวนักเรียน ม.1 และ ม.4) - ต้นเดือนพฤษภาคม (ต้องมาปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ ต้องมาสอนปรับพื้นฐาน) ซึ่งก็คือตัวเอง ซากุระก็เหลือให้ชมบางภูมิภาค ก็คือภูมิภาคโทโฮคุ ตามชื่อกระทู้นั่นเอง
ทำไมต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น? มีเหตุผลแบบมาตรฐานคนไทยทั่วๆไปที่ส่วนใหญ่ก็คงทราบดี เหตุผลส่วนตัวคือคือมีมุมถ่ายภาพมากมาย และเดินทางสะดวก ปลอดภัย วางแผนง่าย ส่วนตัวไปญี่ปุ่นมาแล้ว 3 ครั้ง 3 แบบ ครั้งแรกไปกับทัวร์ (ภูมิภาคคันโตและชูบุ) 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2557 ซึ่งก็ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก ไป 4 วัน ฝนตก 2 วัน ครั้งที่ 2 ไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ (ภูมิภาคคันไซ) 13 – 19 ตุลาคม 2558 ก็ยังไม่ค่อยราบรื่นเพราะวางแผนไปหลายที่เกินไป เกิดความมั่วในการรีบเร่งเดินทาง ครั้งที่ 3 (ภูมิภาคโทโฮคุ) คือครั้งที่เป็นน้ำเป็นเนื้อที่สุด พอที่จะนำมารีวิวให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง ช่วงที่ไปคือ 17 – 23 เมษายน 2559 เที่ยวนี้ไปกับน้องที่เคยเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน และพูดภาษาเดียวกัน ดังนั้นภาพรีวิวจึงมีภาพน้องคนนี้เป็นจำนวนมาก แนวคิดหลักของทริปนี้คือถ่ายภาพตรงที่ซากุระกำลังบาน ไม่เน้นปริมาณของสถานที่ ไม่เน้นกิน (เน้นดื่มตอนเย็น) ไม่เน้นช้อปปิ้ง ไม่สนใจสวนสนุกและธีมปาร์ค ทริปทั่วๆไปราบรื่น เป็นไปตามแผน มีดราม่าวันสุดท้าย ที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เจอกับเหตุการณ์นี้ (เครื่องบินดีเลย์ 12 ชั่วโมง) คนที่อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มรู้แล้วนะครับว่าจะเจออะไรต่อไปในรีวิวนี้
การเตรียมตัวค่อนข้างรอบคอบ จึงนำมาซึ่งความราบรื่น
- หาตั๋วเครื่องบินที่ไม่แพงในช่วงนั้น ซึ่งถูกจำกัดด้วยช่วงเวลา ขนาดจองก่อนเดินทางประมาณ 5 เดือน ก็ไม่มีตั๋วถูกในช่วงนั้น ตั๋วไป-กลับ เชียงใหม่-ดอนเมือง-นาริตะ (แบบ Fly Thru ของ Air Asia X) ประมาณ 2 หมื่น (รวมทุกอย่าง+อาหาร)
- วางเส้นทางการเดินทาง โดยยึดไกด์บุ๊คเป็นหลัก และหาข้อมูลรีวิวในอินเตอร์เน็ททั่วๆไป
- ซื้อ JR East Pass ผ่านเว็บไซท์ ซึ่งช่วงนั้นยังเป็นแบบเก่าซึ่งราคา 22,000 เยน จ่ายเป็น US $ ได้ราคาถูกกว่าเพราะช่วงนั้นเงินเยนแข็งโป๊ก (100 เยน : -34.7 บาท) ประมาณ 7,500 บาท/คน
- จองโรงแรม เน้นใกล้สถานีรถไฟ อยู่ในเรทประมาณคืนละ 2,000 – 2,500 บาท ได้ ANA Holiday Inn 2 คืน Toyoko 3 คืน ผ่าน booking.com ไปจ่ายเมื่อเข้าพัก สนามบินนาริตะ 1 คืน
- ทำแผนการเดินทางไปยังจุดที่ต้องการ (ส่วนใหญ่โดยรถไฟ) กำหนดเวลา ขบวนรถ โดยใช้เว็บไซท์ hyperdia.com และทำตารางจองที่นั่งชินคันเซ็น เพื่อขอตั๋วตอนไปขึ้นเป็น JR East Pass ตัวจริง
- ใกล้ถึเวลาเดินทาง เช่า Pocket wifi โดยใช้บริการซามูไร วันละ 200 บาท บริการส่งถึงบ้าน (เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บไซท์)
- เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ถ่ายภาพ กล้อง เลนส์ เท่าที่จำเป็นจริงๆ เครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์ แท็บเล็ท โน้ทบุ๊ค (เพื่อโพรเสสภาพ ดูทีวี youtube ตอนกลางคืน)
- เอกสารสำคัญ พาสปอร์ต ใบจองต่างๆ ถ่ายเอกสารสัก 2-3 ชุด ไกด์บุ๊ค เก็บภาพสถานที่ไว้ในเม็มโทรศัพท์ แท็บเล็ท เพื่อใช้สื่อสารกับคนที่พูดกันไม่รู้เรื่อง โหลด App ที่จำเป็นเช่น google map google แปลภาษา
- กระเป๋าที่มีล้อแข็งแรง หมุนได้อิสระ ถ้าเป็นสีดำยอดนิยม ให้ใช้สายรัดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป้สะพายใส่อุปกรณ์ถ่ายภาพ เครื่องมือสื่อสาร ของใช้จำเป็น เอกสารสำคัญ
- ศึกษาพยากรณ์อากาศ เพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้า แถบโทโฮคุช่วงเดือนเมษายน อากาศเช้าๆยังเลขตัวเดียว ยาสามัญประจำตัว
- ดูแลสุขภาพก่อนไป เพราะต้องเดินถ่ายภาพวันละไกลๆพอสมควร
- ภารกิจการเตรียมตัวก่อนการเดินทางก็ประมาณนี้ ถึงเวลาออกเดินทางกันเลย มาถึงตรงนี้การวางรูปแบบกระทู้ยังมั่วๆ เพราะเป็นกระทู้แรก รอการทำความเข้าใจและแก้ไขสักพัก ผู้มีประสบการณ์ที่บังเอิญเช้ามาเจอกระทู้นี้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ ความคาดหวังของความสวยงามของซากุระมี 3 จุดด้วยกัน คือ 1. Funaoka Castle Ruin Park, Sendai 2. หมู่บ้านซามูไร Kakunodate, Akita 3. ปราสาท Hirosaki, Aomori ลองชมภาพตัวอย่าง ก่อนจะถึงรีวิวอย่างละเอียด
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น