แพทเทิร์นความสำเร็จของ Workpoint จาก I Can See Your Voice สู่ The Mask Singer
.
ดูเหมือนว่าหลังๆ มานี้เกมส์โชว์สนุกๆ แทบจะไม่เจอในช่อง 3, 5, 7 และ 9 อีกต่อไปแล้ว กลับกลายเป็นช่องน้องใหม่มาแรงอย่าง Workpoint เสียมากกว่าที่ทำเกมส์โชว์ออกมาฮิตติดลมบนและแชร์กันกระหน่ำในโลกโซเชียล ส่วนหนึ่งผมว่าเค้าจับทางได้ถูกว่าคนไทยชอบรายการแบบไหน ซึ่งหากมองให้ดีทั้ง I Can See Your Voice และ The Mask Singer ก็มีแพทเทิร์นหลายอย่างคล้ายกัน
คนไทยชอบความสนุกและตลก : พูดถึงสังคมไทยไม่ว่าจะสังคมเมืองหรือชนบท เราจะเห็นความสนุกสนาน แฝงในกิจกรรมต่างๆ เสมอ ทั้งในยามว่างหรือยามทำงาน เช่น สงกรานต์ รับน้องใหม่ วันเกิด แต่งงาน ขึ้นปีใหม่ ฯลฯ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกหากเกมส์โชว์ที่ดังและได้รับความนิยมจะต้องสนุก ต้องตลก นำมาก่อนเสมอ ซึ่งมันกลายเป็นค่านิยมของบ้านเราไปแล้ว และหากดูให้ดีกรรมการของทั้ง 2 รายการก็เป็นกลุ่มเดียวกันเกือบทั้งหมด รู้มุกรู้วิธีตบมุกกันเป็นอย่างดี
เพลงเป็นสื่อที่เข้าใจง่าย : ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมาเพิ่ม ทุกคนเกิดมาก็ร้องเพลงได้ รวยหรือจน เด็กหรือคนแก่ก็เข้าใจในภาษาดนตรีได้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นรายการจึงดูง่าย เข้าถึงทุกเพศทุกวัย บางคนอาจจะบอกว่าร้องเพลงฝรั่งฟังไม่ออก ผมว่าร้องเพลงไม่เหมือนกับพูด เพลงเนี่ยถึงเราแปลภาษาไม่ออกแต่เราก็ฟังได้นะว่าเพราะหรือไม่เพราะ ฟังจากอินเนอร์ การออกเสียงหนักเบา โน๊ตต่ำโน๊ตสูงนี่แหละบอกได้หมด
อยากรู้อยากเห็นเป็นงานของเรา : “เราสนุกกับการพิจารณาสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า และคาดเดาไปต่างๆ นานา” พูดง่ายๆ ว่าเรื่องเผือก เรื่องให้เดาให้ทายนี่ชอบนัก มันกระตุ้นต่อมท้าทาย สังเกตไหม I Can See Your Voice เห็นแค่หน้าและท่าทางก็ต้องทายว่าร้องเพราะหรือร้องเพี้ยน ส่วน The Mask Singer นี่ยากหน่อย ฟังเสียงภายใต้หน้ากากแล้วต้องเดาให้ได้ว่าเป็นใคร
สุดท้ายแม้ว่า I Can See Your Voice จะเป็นส่วนกลับของ The Mask Singer แต่สิ่งที่เหมือนกันและน่าชื่นชมคือทั้ง 2 รายการมันเป็นพื้นที่โชว์เคส ให้คนได้มาปล่อยของ ได้มาแสดงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แถมยังสร้างความบันเทิงอีกรูปแบบใหม่เป็นอีกตัวเลือกให้คนดูอีกด้วย
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1780991752185704/?type=3&theater
แพทเทิร์นความสำเร็จของ Workpoint จาก I Can See Your Voice สู่ The Mask Singer
แพทเทิร์นความสำเร็จของ Workpoint จาก I Can See Your Voice สู่ The Mask Singer
.
ดูเหมือนว่าหลังๆ มานี้เกมส์โชว์สนุกๆ แทบจะไม่เจอในช่อง 3, 5, 7 และ 9 อีกต่อไปแล้ว กลับกลายเป็นช่องน้องใหม่มาแรงอย่าง Workpoint เสียมากกว่าที่ทำเกมส์โชว์ออกมาฮิตติดลมบนและแชร์กันกระหน่ำในโลกโซเชียล ส่วนหนึ่งผมว่าเค้าจับทางได้ถูกว่าคนไทยชอบรายการแบบไหน ซึ่งหากมองให้ดีทั้ง I Can See Your Voice และ The Mask Singer ก็มีแพทเทิร์นหลายอย่างคล้ายกัน
คนไทยชอบความสนุกและตลก : พูดถึงสังคมไทยไม่ว่าจะสังคมเมืองหรือชนบท เราจะเห็นความสนุกสนาน แฝงในกิจกรรมต่างๆ เสมอ ทั้งในยามว่างหรือยามทำงาน เช่น สงกรานต์ รับน้องใหม่ วันเกิด แต่งงาน ขึ้นปีใหม่ ฯลฯ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกหากเกมส์โชว์ที่ดังและได้รับความนิยมจะต้องสนุก ต้องตลก นำมาก่อนเสมอ ซึ่งมันกลายเป็นค่านิยมของบ้านเราไปแล้ว และหากดูให้ดีกรรมการของทั้ง 2 รายการก็เป็นกลุ่มเดียวกันเกือบทั้งหมด รู้มุกรู้วิธีตบมุกกันเป็นอย่างดี
เพลงเป็นสื่อที่เข้าใจง่าย : ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมาเพิ่ม ทุกคนเกิดมาก็ร้องเพลงได้ รวยหรือจน เด็กหรือคนแก่ก็เข้าใจในภาษาดนตรีได้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นรายการจึงดูง่าย เข้าถึงทุกเพศทุกวัย บางคนอาจจะบอกว่าร้องเพลงฝรั่งฟังไม่ออก ผมว่าร้องเพลงไม่เหมือนกับพูด เพลงเนี่ยถึงเราแปลภาษาไม่ออกแต่เราก็ฟังได้นะว่าเพราะหรือไม่เพราะ ฟังจากอินเนอร์ การออกเสียงหนักเบา โน๊ตต่ำโน๊ตสูงนี่แหละบอกได้หมด
อยากรู้อยากเห็นเป็นงานของเรา : “เราสนุกกับการพิจารณาสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า และคาดเดาไปต่างๆ นานา” พูดง่ายๆ ว่าเรื่องเผือก เรื่องให้เดาให้ทายนี่ชอบนัก มันกระตุ้นต่อมท้าทาย สังเกตไหม I Can See Your Voice เห็นแค่หน้าและท่าทางก็ต้องทายว่าร้องเพราะหรือร้องเพี้ยน ส่วน The Mask Singer นี่ยากหน่อย ฟังเสียงภายใต้หน้ากากแล้วต้องเดาให้ได้ว่าเป็นใคร
สุดท้ายแม้ว่า I Can See Your Voice จะเป็นส่วนกลับของ The Mask Singer แต่สิ่งที่เหมือนกันและน่าชื่นชมคือทั้ง 2 รายการมันเป็นพื้นที่โชว์เคส ให้คนได้มาปล่อยของ ได้มาแสดงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แถมยังสร้างความบันเทิงอีกรูปแบบใหม่เป็นอีกตัวเลือกให้คนดูอีกด้วย
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1780991752185704/?type=3&theater