แปลมาให้อ่านค่ะ
1. Don't study grammar too much "ทำให้คิดมาก และพูดไม่ลื่นไหล"
"Studying grammar will only slow you down and confuse you. You will think about the rules when creating sentences instead of naturally saying a sentence like a native."
การเรียนไวยากรณ์มากไป อาจทำให้ทักษะการพูดของเราพัฒนาช้า เพราะเวลาพูดอาจจะสับสน กังวล คิดมาก ว่าจะต้องสร้างประโยคที่ถูกเป๊ะตามหลักไวยากรณ์ แทนที่จะพูดไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
2.
Learn and study phrases "ทำให้ฝึกพูดเป็นประโยคๆๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว"
"If you know 1000 words, you might not be able to say one correct sentence. But if you know 1 phrase, you can make hundreds of correct sentences."
ถ้าเรียนคำศัพท์ 1000 คำ ก็อาจจะพูดประโยคที่ถูกต้องไม่ได้ แต่ถ้าเรียนเป็นประโยค หรือสำนวน เราก็สามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้เป็นร้อยๆประโยค เพราะฉะนั้นเริ่มฝึกจากสำนวนประโยคไปเลย
3. Don't translate
"When you want to create an English sentence, do not translate the words from your Mother tongue. The order of words is probably completely different."
อย่าแปลตรงๆจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ระบบหรือการจัดเรียงคำในประโยคมันต่างกันค่ะ
===อธิบายต่อ===
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองให้สนุก ก็ต้องเรียนจากสิ่งที่ชอบเช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลงหรือ อ่านนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจ เพื่อปรับปรุงทักษะการฟัง การออกเสียง และการอ่านจับใจความ
"Watch movies, listen to music, sing songs, and browse newspapers and magazines. It’s fun and helps improve your pronunciation and comprehension."
บางคนทักษะการฟังและการอ่านค่อนข้างโอเคแล้ว แต่แหม..เวลาจะพูดทีไรพูดไม่ถูก เทคนิคที่สำคัญเลยค่ะ คือ..
Don’t translate literally from your native tongue. !!
อย่าแปลตรงๆ จากภาษาไทย ไปอังกฤษ อย่าคิดเป็นภาษาไทยค่ะ
"Sentence constructions are particular to each language and generally can not be translated into English directly from another language. While on some occasions what you are saying might not be wrong, to a native speaker it might not sound right."
แต่ละภาษาในโลกนั้นมีระบบต่างกัน เราจึงไม่สามารถแปลเป็นคำๆหรือแปลตรงๆจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งได้
เช่น คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้ไหมคะ = You help open light ok?
โอ๊ยยยย ไปกันใหญ่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลาเรียน ต้องเรียนเป็นประโยคหรือสำนวนไปเลย เช่น เวลาขอความช่วยเหลือ ก็จำสำนวนไปเลยว่า
Could you please .+กริยา +(กรรม) หรือสิ่งที่เราต้องการให้เขาช่วย......?
คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้ไหมคะ = Could you please turn on the light?
(ไม่ต้องถึงขั้น You know me a little go ! ยิ้มรู้จักกรูน้อยไปนะคะ )
เหมือนกับเวลาที่ฝรั่งพูดไทย แบบแปลตรงๆจากภาษาอังกฤษ มาเป็นไทยเช่น
Can you help me? ได้คุณช่วยผม? คนไทยงงกันเลยทีเดียว
4. Reading and Listening is NOT enough. Practice Speaking what you hear!
"Speaking is the only requirement to be fluent. It is normal for babies and children to learn speaking first, become fluent, then start reading, then writing."
มีแต่การฝึกพูดเท่านั้นที่จะทำให้พูดคล่อง เหมือนกับเด็กๆไงล่ะคะ เรียนรู้ที่จะพูดก่อนอ่านและเขียน นั่นเป็นธรรมชาติของการเรียนภาษาค่ะ เทคนิคที่เวิร์คมากๆคือการฟังแล้วพูดเลียนแบบเจ้าของภาษาค่ะ
5.
Submerge yourself ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง!!
"Being able to speak a language is not related to how smart you are. Anyone can learn how to speak any language. This is a proven fact by everyone in the world. Everyone can speak at least one language. Whether you are intelligent, or lacking some brain power, you are able to speak one language. "
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ อย่าดูถูกตัวเอง หรือประเมินตัวเองต่ำเด็ดขาด การพูดภาษาใดภาษาหนึ่งได้ไม่เกี่ยวกับโง่หรือฉลาดค่ะ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองค่ะ
6.
Study correct material เรียนจากสื่อที่เหมาะสม เป็นประโยชน์ และถูกต้อง!
"A common phrase that is incorrect is, "Practice makes perfect." This is far from the truth. Practice only makes what you are practicing permanent. If you practice the incorrect sentence, you will have perfected saying the sentence incorrectly."
มีสำนวนบอกว่า ยิ่งฝึกยิ่งเก่ง แต่ถ้าเราฝึกแบบผิดๆล่ะ เรากะจะจำรูปแบบการพูดที่ไม่ถูกต้องมาใช้จนเก่ง (รวมถึงสำเนียงด้วยค่ะ)
"..study English material that you can trust, that is commonly used, and that is correct."
เพราะฉะนั้น ต้องเรียนรู้จากสื่อหรือฝึกฝนกับเพื่อนต่างชาติที่เชื่อถือได้ ยิ่งเป็นของเจ้าของภาษาจริงๆยิ่งดีเลยค่ะ
สู้ๆค่ะทุกคน
มีเทคนิคดีๆมาแชร์กันค่ะ
6 เทคนิค ฝึกพูดอังกฤษ ที่ต้องอ่าน
1. Don't study grammar too much "ทำให้คิดมาก และพูดไม่ลื่นไหล"
"Studying grammar will only slow you down and confuse you. You will think about the rules when creating sentences instead of naturally saying a sentence like a native."
การเรียนไวยากรณ์มากไป อาจทำให้ทักษะการพูดของเราพัฒนาช้า เพราะเวลาพูดอาจจะสับสน กังวล คิดมาก ว่าจะต้องสร้างประโยคที่ถูกเป๊ะตามหลักไวยากรณ์ แทนที่จะพูดไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
2. Learn and study phrases "ทำให้ฝึกพูดเป็นประโยคๆๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว"
"If you know 1000 words, you might not be able to say one correct sentence. But if you know 1 phrase, you can make hundreds of correct sentences."
ถ้าเรียนคำศัพท์ 1000 คำ ก็อาจจะพูดประโยคที่ถูกต้องไม่ได้ แต่ถ้าเรียนเป็นประโยค หรือสำนวน เราก็สามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้เป็นร้อยๆประโยค เพราะฉะนั้นเริ่มฝึกจากสำนวนประโยคไปเลย
3. Don't translate
"When you want to create an English sentence, do not translate the words from your Mother tongue. The order of words is probably completely different."
อย่าแปลตรงๆจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ระบบหรือการจัดเรียงคำในประโยคมันต่างกันค่ะ
===อธิบายต่อ===
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองให้สนุก ก็ต้องเรียนจากสิ่งที่ชอบเช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลงหรือ อ่านนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจ เพื่อปรับปรุงทักษะการฟัง การออกเสียง และการอ่านจับใจความ
"Watch movies, listen to music, sing songs, and browse newspapers and magazines. It’s fun and helps improve your pronunciation and comprehension."
บางคนทักษะการฟังและการอ่านค่อนข้างโอเคแล้ว แต่แหม..เวลาจะพูดทีไรพูดไม่ถูก เทคนิคที่สำคัญเลยค่ะ คือ..
Don’t translate literally from your native tongue. !!
อย่าแปลตรงๆ จากภาษาไทย ไปอังกฤษ อย่าคิดเป็นภาษาไทยค่ะ
"Sentence constructions are particular to each language and generally can not be translated into English directly from another language. While on some occasions what you are saying might not be wrong, to a native speaker it might not sound right."
แต่ละภาษาในโลกนั้นมีระบบต่างกัน เราจึงไม่สามารถแปลเป็นคำๆหรือแปลตรงๆจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งได้
เช่น คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้ไหมคะ = You help open light ok?
โอ๊ยยยย ไปกันใหญ่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลาเรียน ต้องเรียนเป็นประโยคหรือสำนวนไปเลย เช่น เวลาขอความช่วยเหลือ ก็จำสำนวนไปเลยว่า
Could you please .+กริยา +(กรรม) หรือสิ่งที่เราต้องการให้เขาช่วย......?
คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้ไหมคะ = Could you please turn on the light?
(ไม่ต้องถึงขั้น You know me a little go ! ยิ้มรู้จักกรูน้อยไปนะคะ )
เหมือนกับเวลาที่ฝรั่งพูดไทย แบบแปลตรงๆจากภาษาอังกฤษ มาเป็นไทยเช่น
Can you help me? ได้คุณช่วยผม? คนไทยงงกันเลยทีเดียว
4. Reading and Listening is NOT enough. Practice Speaking what you hear!
"Speaking is the only requirement to be fluent. It is normal for babies and children to learn speaking first, become fluent, then start reading, then writing."
มีแต่การฝึกพูดเท่านั้นที่จะทำให้พูดคล่อง เหมือนกับเด็กๆไงล่ะคะ เรียนรู้ที่จะพูดก่อนอ่านและเขียน นั่นเป็นธรรมชาติของการเรียนภาษาค่ะ เทคนิคที่เวิร์คมากๆคือการฟังแล้วพูดเลียนแบบเจ้าของภาษาค่ะ
5. Submerge yourself ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง!!
"Being able to speak a language is not related to how smart you are. Anyone can learn how to speak any language. This is a proven fact by everyone in the world. Everyone can speak at least one language. Whether you are intelligent, or lacking some brain power, you are able to speak one language. "
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ อย่าดูถูกตัวเอง หรือประเมินตัวเองต่ำเด็ดขาด การพูดภาษาใดภาษาหนึ่งได้ไม่เกี่ยวกับโง่หรือฉลาดค่ะ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองค่ะ
6. Study correct material เรียนจากสื่อที่เหมาะสม เป็นประโยชน์ และถูกต้อง!
"A common phrase that is incorrect is, "Practice makes perfect." This is far from the truth. Practice only makes what you are practicing permanent. If you practice the incorrect sentence, you will have perfected saying the sentence incorrectly."
มีสำนวนบอกว่า ยิ่งฝึกยิ่งเก่ง แต่ถ้าเราฝึกแบบผิดๆล่ะ เรากะจะจำรูปแบบการพูดที่ไม่ถูกต้องมาใช้จนเก่ง (รวมถึงสำเนียงด้วยค่ะ)
"..study English material that you can trust, that is commonly used, and that is correct."
เพราะฉะนั้น ต้องเรียนรู้จากสื่อหรือฝึกฝนกับเพื่อนต่างชาติที่เชื่อถือได้ ยิ่งเป็นของเจ้าของภาษาจริงๆยิ่งดีเลยค่ะ
สู้ๆค่ะทุกคน
มีเทคนิคดีๆมาแชร์กันค่ะ