"Traveling is my passion"
Facing your fear, seeking new things, learning diverse cultures and being yourself.
สำหรับเราการเดินการทาง คือการค้นหาสิ่งใหม่ เพื่อนใหม่ วัฒนธรรมที่แตกต่าง สถาปัตยกรรมที่สวยงาม และทำให้เรารู้ว่าโลกมันกว้างและมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด
พวกเรากลับมาอีกละค่ะกับการเดินทางครั้งใหม่ หลังจากที่เราเคยพาเพื่อนๆไปเที่ยว Croatia กันมาแล้ว
(เข้าไปอ่านกันได้ที่ link นี้นะคะ >>>
http://ppantip.com/topic/35389126)
ครั้งนี้พวกเราพาทุกคนมาเที่ยวกันที่นี่ค่ะ Benelux หลายคนถ้าได้ยินคำว่า Benelux อาจจะงงๆว่าคือที่ไหน แต่ถ้าพูดว่า Belgium, Netherlands, Luxembourg ทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี
The Benelux Union หรือสหภาพเศรษฐกิจเบเนลักซ์ เป็นการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปตะวันตกของสามประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ก็คือ Belgium + Netherlands + Luxembourg โดยการนำเอาพยางค์แรกมาตังเป็นชื่อ สหภาพปลอดภาษีเบเนลักซ์ (Benelux Customs Union)
แต่ครั้งนี้พวกเราเลือกจะไป Paris และติ่งๆ Germany พ่วงไปด้วย รวมแล้วก็ 5 ประเทศแต่ก็แค่ผิวเผินไม่ได้เจาะลึกเนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาของพวกเรา
จุดเริ่มต้นความอยากของเรา
เอาจริงๆจุดเริ่มต้นของเราก็คือ Luxembourg ประเทศเล็กๆที่คนมองข้าม และเทศกาล flower carpet บวกกับเผอิญเราไปเจอคนเขียนกระทู้รีวิว Benelux เลยกระตุ้นความอยากรู้จักกลุ่มประเทศนี้ขึ้นมา ดังนั้นปฏิบัติการหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยจึงเริ่มต้นขึ้น เป้าหมายแรกเราจึงหนีไม่พ้นเพื่อนกลุ่มเดิมของเรา แต่เหยื่อของเรานั้นไม่สามารถลางานได้หนึ่งคน เราเลยได้เพื่อนร่วมเดินทางมาเพียงคนเดียว
จองตั๋วเครื่องบินและวีซ่า
หลังจากที่ส่องตั๋วไปมาก็ได้ช่วงเวลาที่ตรงกับเทศกาล flower carpet และตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด โดยเราจองกับสายการบิน Emirate โดยเส้นทางขาไปนั้นจาก BKK – Paris และขากลับจาก Amsterdam – BKK ในราคาสองหมื่นกว่าๆ มีการแวะไป transit เครื่องที่ Dubai ทั้งขาไปและขากลับค่ะ เอาจริงๆเราค่อนข้างประทับใจกับสายการบินนี้มากเลย แอร์เป็นมิตรดูใส่ใจผู้โดยสารและอาหารก็อร่อยทุกมื้อ ปลื้มค่ะ
สำหรับการขอวีซ่าก็ไม่ยาก เริ่มด้วยการจองคิวขอวีซ่าก่อนค่ะ โดยประเทศที่จะไป Belgium , Netherlands , Luxembourg , France, Germany สามารถใช้วีซ่า Schengen ได้ทั้งหมด โดยยื่นขอที่สถานกงสุล France ซึ่งเวลาที่เราอยู่แต่ละที่พอๆกัน แต่ France เป็นที่แรกที่เราไปเลยเลือกขอที่นี่
ขั้นตอนการขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ แค่ยื่นเอกสารตามที่กำหนดซึ่งสามารถดูรายละเอียดเอกสารได้ตามเว็บนี้ >>
https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th
วางแพลนเที่ยวยังไง
เราหาที่เที่ยวโดยเริ่มจากปักหมุดประเทศที่เราจะไปใน google map และ Pinterest ว่าในประเทศนั้นมีเมืองไหนบ้างแล้วจึงเริ่มค้นหาต่อว่าเมืองนั้นมีที่เที่ยวอะไรที่น่าสนใจ พร้อมกับดูเส้นทางการเดินทางต่างๆ การทำแบบนี้จะทำให้รู้ว่าที่เที่ยวแบบไหนที่เหมาะกับสไตล์ของเรา
และเพราะการวางแพลนแบบนี้ ทำให้เราได้เจอเมือง Trier และ Cochem ประเทศเยอรมัน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจาก Luxembourg และรูทการเดินทางเราก็น่าจะแวะได้ เราเลยเดินหน้าเกลี่ยกล่อมเพื่อนเพื่อให้เพิ่มเข้าไปในลิสของเราสองคน
สำหรับแพลนเที่ยวคร่าวๆเป็นตามนี้
Chapter 1 Paris >>> NOW!!
Chapter 2 Luxembourg + Trier, Cochem (Germany) >>>
http://ppantip.com/topic/35740409
Chapter 3 Belgium(Brugge, Ghent, Antwerp, Brussel) >>>
http://ppantip.com/topic/35773391
Chapter 4 Netherland(Giethoorn, Amsterdam, Zaanse Schans) >>>
http://ppantip.com/topic/35880690
ก่อนวันเดินทางไม่กี่วันพวกเราโดนเปลี่ยนไฟท์จากที่จะไปถึงวันเสาร์เย็นกลายเป็นถึงเช้าวันอาทิตย์แทนซึ่งทำให้เราเสียค่าโรงแรมคืนแรกไป มีหรือที่พวกเราจะยอม พวกเราเลยโทรไปสอบถามสายการบิน Emirate เรื่องไฟท์ที่โดนเลื่อนทางสารการบินก็รับผิดชอบค่ะ ยอมให้พวกเราเปลี่ยนมาเป็นอีกไฟท์นึงเป็นเดินทางวันศุกร์ตอนประมาณสามทุ่มและไปถึงวันเสาร์เช้าแทน พวกเราเลยได้มีเวลาเที่ยวที่Parisเพิ่มขึ้นอีกนิด
แต่วีคก่อนเดินทางงานพวกเราดันเข้าแบบถาโถมมากๆ ทำให้พวกเรายุ่งมากจนยังไม่ได้ทำการแพลนที่เที่ยวแต่ละที่โดยละเอียดคือแพลนแบบคร่าวๆมากๆว่าจะไปที่ไหนเมืองไหน พวกเราเลยตกลงกันว่าจะเที่ยวกันแบบวางแพลนวันต่อวัน และเดินเล่นชิวๆไปเที่ยวให้ทั่วๆ เพราะยังไงงานก็ต้องมาก่อนจริงไหม เราทำงานกันจนวินาทีสุดท้ายเลยค่ะเรียกได้ว่า 5 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่องเราก็ยังนั่งอยู่ที่ทำงาน สำหรับเรากระเป๋าก็ยังไม่ได้เก็บ มาดูกันค่ะว่าการเดินทางที่ไม่มีการฟิกอะไรตายตัว เดินเล่นชิวๆของพวกเราสองคนเป็นอย่างไร ตามมาเที่ยวกันค่ะ
และแล้วพวกเราก็มาถึง Charles de Gaulle Airport กันประมาณ 10 โมงผ่านจุดตรวจตมอย่างราบรื่น รับกระเป๋าเสร็จก็รีบไปซื้อตั๋ว RER เพื่อจะเข้าไปที่พักของพวกเรา โดยตั๋ว RER ที่พวกเราซื้อสามารถใช้นั่งต่อรถไฟใต้ดินได้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม พวกเราเลือกจองที่พักโดยดูตามแนวmetroเพราะจะได้เดินทางสะดวก แต่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองมากเพราะจะได้ไม่แพงจนเกินไป
ตอนอยู่ใน metro มีเรื่องให้ตื่นเต้นนิดหน่อย คือ เราเกือบโดนล้วงกระเป๋าจากเด็กหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งที่ใจดีมาช่วยเราดันประตู เพราะพวกเรามีกระเป๋าสัมภาระกันคนละใบและเป้สะพายหลังอีกคนละใบ แต่เราเป็นคนเดินตามหลังเนื่องด้วยกระเป๋าเพื่อนเรามีเงิน เราเลยจะคอยดูหลังให้ตลอด จังหวะที่หนุ่มน้อยคนนั้นช่วยเพื่อนเราก็ไม่เกิดอะไรแต่จังหวะที่เรากำลังเดินผ่าน หนุ่มน้อยมาเปิดซิบหลังเป้เรา เราได้ยินเสียงเลยรีบหันไปยิ้มและรีบเดินหนีออกมาอย่างไว โชคดีที่กระเป๋าเราเป็นรุ่นที่เปิดยากและหนุ่มน้อยคนนั้นคงยังไม่ได้มากประสบการณ์พวกเราเลยรอดมาได้ คือจริงๆกระเป๋าเราก็ไม่ได้มีของสำคัญมาก มีสิ่งเดียวที่เรากลัวหายก็คือพาสปอร์ต หลังจากเจอเรื่องนี้ก็มีจิตตกนิดหน่อยแต่ก็ไม่เจอเรื่องอะไรอีกเลยหลังจากนั้น แต่ก็อย่าลืมระวังตัวกันดีๆนะคะ
สำหรับจุดมุ่งหมายแรกของเราในวันนี้พวกเราตั้งเป้าไว้ที่นี่ค่ะ Palace of Versailles สำหรับการเดินทางที่ Paris เพื่อนๆสามารถโหลด app metro ได้เพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่ตอนที่เราไปสายที่เราจะใช้เดินทางไปที่ Palace of Versailles มันปิดเราเลยสอบถามเจ้าหน้าที่จึงได้ไปอีกเส้นทางนึง เพราะฉะนั้นก่อนไปก็อย่าลืมดูเส้นทางดีๆนะคะ
วิวสองข้างทางก่อนจะไปถึง Palace of Versailles ก็เริ่มดูอลังการแล้วล่ะ ที่นี่สามารถเดินจากสถานีไปได้ 5-10 นาทีก็ถึง Palace of Versailles
ระหว่างทางเดินไป Palace of Versailles ก็เห็นหัวใจน่ารักจากใบไม้พวกนี้ เพื่อนๆลองมองใบไม้เขียวๆจากมุมนี้ดูจะเห็นว่าเป็นรูปหัวใจ ไม่รู้ว่าเห็นเหมือนกันไหมนะ555
แต่ถ้าใครอยากจะนอนโรงแรมใกล้ๆ Versailles แถวนี้ก็มีโรงแรมให้เลือกเต็มไปหมด เอาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคนเลย
วันนี้แดดดีมาก ท้องฟ้าสดใสสุดๆ แถมพระอาทิตย์ยังตกสามสี่ทุ่มด้วย เอ่อ..เทคนิคหนึ่งของการเที่ยวแบบพวกเราคือศึกษาสภาพอากาศและเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินก่อนไป เพราะสิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญในการเที่ยวเลย เพื่อนๆสามารถเข้าไปเช็คสภาพอากาศได้ที่เว็บนี้>>>
http://www.accuweather.com/
ผู้คนมากหน้าหลายตามาเยี่ยมชมที่นี่กันเพียบ ต่อคิวเพื่อจะเข้าชม Palace of Versailles เห็นแถวนั่นไหม ยาวทบไปทบมาหลายรอบเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากเข้าไปดูข้างใน Versailles แนะนำให้มาต่อคิวแต่เช้าเลยนะคะ
ด้วยเวลาที่จำกัดพวกเราเลยไม่ได้เข้าไปในส่วนของตัวพระราชวัง แต่พวกเราก็ได้เดินดูรอบๆและเข้าไปในส่วนของสวนในพระราชวังแวร์ซายแทน
สวนนี้เป็นสวนแบบตะวันตก ซึ่งมีการออกแบบโดยนำธรรมชาติมาจัดให้เป็นไปตามที่มนุษย์ได้ออกแบบหรือรังสรรค์ไว้ จะเห็นได้ว่าซ้ายและขวาจะเท่ากัน หรือเรียกว่าสมมาตร ต่างจากสวนทางฝั่งเอเชียบ้านเราที่พยายามจะสร้างเลียนแบบธรรมชาติ เราเลยจะจัดสวนให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด เหมือนเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ จะเห็นได้จากการจัดสวนในประเทศจีนหรือญี่ปุ่น
พวกเราเดินเล่นในสวนตามส่วนต่างๆ สวนที่นี่แบ่งออกเป็นหลายโซนมาก ขึ้นอยู่กับกำลังขา และเวลาแต่ละคนว่าจะเดินได้ไกลมากน้อยแค่ไหน
มองย้อนกลับไปเห็นพระราชวังแวร์ซายอยู่ลิบๆ นู้นเลย เห็นกันไหมคะ
เนื่องด้วยเวลาที่เรามาถึงก็ใกล้กับเวลาที่ Versailles จะปิดแล้ว เดินได้สักพักก็มีคุณตำรวจขับรถมาเริ่มไล่ให้นักท่องเที่ยวออกกัน
แปะไว้ให้สำหรับใครที่เตรียมตัวจะมาที่นี่ >>>>
http://en.chateauversailles.fr/prepare-my-visit-/single/opening-times
[CR] Take a Look Around ' BENELUX ' + Paris, Trier, Cochem (Part1)
Facing your fear, seeking new things, learning diverse cultures and being yourself.
สำหรับเราการเดินการทาง คือการค้นหาสิ่งใหม่ เพื่อนใหม่ วัฒนธรรมที่แตกต่าง สถาปัตยกรรมที่สวยงาม และทำให้เรารู้ว่าโลกมันกว้างและมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด
พวกเรากลับมาอีกละค่ะกับการเดินทางครั้งใหม่ หลังจากที่เราเคยพาเพื่อนๆไปเที่ยว Croatia กันมาแล้ว
(เข้าไปอ่านกันได้ที่ link นี้นะคะ >>> http://ppantip.com/topic/35389126)
ครั้งนี้พวกเราพาทุกคนมาเที่ยวกันที่นี่ค่ะ Benelux หลายคนถ้าได้ยินคำว่า Benelux อาจจะงงๆว่าคือที่ไหน แต่ถ้าพูดว่า Belgium, Netherlands, Luxembourg ทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี
The Benelux Union หรือสหภาพเศรษฐกิจเบเนลักซ์ เป็นการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปตะวันตกของสามประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ก็คือ Belgium + Netherlands + Luxembourg โดยการนำเอาพยางค์แรกมาตังเป็นชื่อ สหภาพปลอดภาษีเบเนลักซ์ (Benelux Customs Union)
แต่ครั้งนี้พวกเราเลือกจะไป Paris และติ่งๆ Germany พ่วงไปด้วย รวมแล้วก็ 5 ประเทศแต่ก็แค่ผิวเผินไม่ได้เจาะลึกเนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาของพวกเรา
จุดเริ่มต้นความอยากของเรา
เอาจริงๆจุดเริ่มต้นของเราก็คือ Luxembourg ประเทศเล็กๆที่คนมองข้าม และเทศกาล flower carpet บวกกับเผอิญเราไปเจอคนเขียนกระทู้รีวิว Benelux เลยกระตุ้นความอยากรู้จักกลุ่มประเทศนี้ขึ้นมา ดังนั้นปฏิบัติการหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยจึงเริ่มต้นขึ้น เป้าหมายแรกเราจึงหนีไม่พ้นเพื่อนกลุ่มเดิมของเรา แต่เหยื่อของเรานั้นไม่สามารถลางานได้หนึ่งคน เราเลยได้เพื่อนร่วมเดินทางมาเพียงคนเดียว
จองตั๋วเครื่องบินและวีซ่า
หลังจากที่ส่องตั๋วไปมาก็ได้ช่วงเวลาที่ตรงกับเทศกาล flower carpet และตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด โดยเราจองกับสายการบิน Emirate โดยเส้นทางขาไปนั้นจาก BKK – Paris และขากลับจาก Amsterdam – BKK ในราคาสองหมื่นกว่าๆ มีการแวะไป transit เครื่องที่ Dubai ทั้งขาไปและขากลับค่ะ เอาจริงๆเราค่อนข้างประทับใจกับสายการบินนี้มากเลย แอร์เป็นมิตรดูใส่ใจผู้โดยสารและอาหารก็อร่อยทุกมื้อ ปลื้มค่ะ
สำหรับการขอวีซ่าก็ไม่ยาก เริ่มด้วยการจองคิวขอวีซ่าก่อนค่ะ โดยประเทศที่จะไป Belgium , Netherlands , Luxembourg , France, Germany สามารถใช้วีซ่า Schengen ได้ทั้งหมด โดยยื่นขอที่สถานกงสุล France ซึ่งเวลาที่เราอยู่แต่ละที่พอๆกัน แต่ France เป็นที่แรกที่เราไปเลยเลือกขอที่นี่
ขั้นตอนการขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ แค่ยื่นเอกสารตามที่กำหนดซึ่งสามารถดูรายละเอียดเอกสารได้ตามเว็บนี้ >> https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th
วางแพลนเที่ยวยังไง
เราหาที่เที่ยวโดยเริ่มจากปักหมุดประเทศที่เราจะไปใน google map และ Pinterest ว่าในประเทศนั้นมีเมืองไหนบ้างแล้วจึงเริ่มค้นหาต่อว่าเมืองนั้นมีที่เที่ยวอะไรที่น่าสนใจ พร้อมกับดูเส้นทางการเดินทางต่างๆ การทำแบบนี้จะทำให้รู้ว่าที่เที่ยวแบบไหนที่เหมาะกับสไตล์ของเรา
และเพราะการวางแพลนแบบนี้ ทำให้เราได้เจอเมือง Trier และ Cochem ประเทศเยอรมัน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจาก Luxembourg และรูทการเดินทางเราก็น่าจะแวะได้ เราเลยเดินหน้าเกลี่ยกล่อมเพื่อนเพื่อให้เพิ่มเข้าไปในลิสของเราสองคน
สำหรับแพลนเที่ยวคร่าวๆเป็นตามนี้
Chapter 1 Paris >>> NOW!!
Chapter 2 Luxembourg + Trier, Cochem (Germany) >>> http://ppantip.com/topic/35740409
Chapter 3 Belgium(Brugge, Ghent, Antwerp, Brussel) >>> http://ppantip.com/topic/35773391
Chapter 4 Netherland(Giethoorn, Amsterdam, Zaanse Schans) >>> http://ppantip.com/topic/35880690
ก่อนวันเดินทางไม่กี่วันพวกเราโดนเปลี่ยนไฟท์จากที่จะไปถึงวันเสาร์เย็นกลายเป็นถึงเช้าวันอาทิตย์แทนซึ่งทำให้เราเสียค่าโรงแรมคืนแรกไป มีหรือที่พวกเราจะยอม พวกเราเลยโทรไปสอบถามสายการบิน Emirate เรื่องไฟท์ที่โดนเลื่อนทางสารการบินก็รับผิดชอบค่ะ ยอมให้พวกเราเปลี่ยนมาเป็นอีกไฟท์นึงเป็นเดินทางวันศุกร์ตอนประมาณสามทุ่มและไปถึงวันเสาร์เช้าแทน พวกเราเลยได้มีเวลาเที่ยวที่Parisเพิ่มขึ้นอีกนิด
แต่วีคก่อนเดินทางงานพวกเราดันเข้าแบบถาโถมมากๆ ทำให้พวกเรายุ่งมากจนยังไม่ได้ทำการแพลนที่เที่ยวแต่ละที่โดยละเอียดคือแพลนแบบคร่าวๆมากๆว่าจะไปที่ไหนเมืองไหน พวกเราเลยตกลงกันว่าจะเที่ยวกันแบบวางแพลนวันต่อวัน และเดินเล่นชิวๆไปเที่ยวให้ทั่วๆ เพราะยังไงงานก็ต้องมาก่อนจริงไหม เราทำงานกันจนวินาทีสุดท้ายเลยค่ะเรียกได้ว่า 5 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่องเราก็ยังนั่งอยู่ที่ทำงาน สำหรับเรากระเป๋าก็ยังไม่ได้เก็บ มาดูกันค่ะว่าการเดินทางที่ไม่มีการฟิกอะไรตายตัว เดินเล่นชิวๆของพวกเราสองคนเป็นอย่างไร ตามมาเที่ยวกันค่ะ
และแล้วพวกเราก็มาถึง Charles de Gaulle Airport กันประมาณ 10 โมงผ่านจุดตรวจตมอย่างราบรื่น รับกระเป๋าเสร็จก็รีบไปซื้อตั๋ว RER เพื่อจะเข้าไปที่พักของพวกเรา โดยตั๋ว RER ที่พวกเราซื้อสามารถใช้นั่งต่อรถไฟใต้ดินได้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม พวกเราเลือกจองที่พักโดยดูตามแนวmetroเพราะจะได้เดินทางสะดวก แต่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองมากเพราะจะได้ไม่แพงจนเกินไป
ตอนอยู่ใน metro มีเรื่องให้ตื่นเต้นนิดหน่อย คือ เราเกือบโดนล้วงกระเป๋าจากเด็กหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งที่ใจดีมาช่วยเราดันประตู เพราะพวกเรามีกระเป๋าสัมภาระกันคนละใบและเป้สะพายหลังอีกคนละใบ แต่เราเป็นคนเดินตามหลังเนื่องด้วยกระเป๋าเพื่อนเรามีเงิน เราเลยจะคอยดูหลังให้ตลอด จังหวะที่หนุ่มน้อยคนนั้นช่วยเพื่อนเราก็ไม่เกิดอะไรแต่จังหวะที่เรากำลังเดินผ่าน หนุ่มน้อยมาเปิดซิบหลังเป้เรา เราได้ยินเสียงเลยรีบหันไปยิ้มและรีบเดินหนีออกมาอย่างไว โชคดีที่กระเป๋าเราเป็นรุ่นที่เปิดยากและหนุ่มน้อยคนนั้นคงยังไม่ได้มากประสบการณ์พวกเราเลยรอดมาได้ คือจริงๆกระเป๋าเราก็ไม่ได้มีของสำคัญมาก มีสิ่งเดียวที่เรากลัวหายก็คือพาสปอร์ต หลังจากเจอเรื่องนี้ก็มีจิตตกนิดหน่อยแต่ก็ไม่เจอเรื่องอะไรอีกเลยหลังจากนั้น แต่ก็อย่าลืมระวังตัวกันดีๆนะคะ
สำหรับจุดมุ่งหมายแรกของเราในวันนี้พวกเราตั้งเป้าไว้ที่นี่ค่ะ Palace of Versailles สำหรับการเดินทางที่ Paris เพื่อนๆสามารถโหลด app metro ได้เพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่ตอนที่เราไปสายที่เราจะใช้เดินทางไปที่ Palace of Versailles มันปิดเราเลยสอบถามเจ้าหน้าที่จึงได้ไปอีกเส้นทางนึง เพราะฉะนั้นก่อนไปก็อย่าลืมดูเส้นทางดีๆนะคะ
วิวสองข้างทางก่อนจะไปถึง Palace of Versailles ก็เริ่มดูอลังการแล้วล่ะ ที่นี่สามารถเดินจากสถานีไปได้ 5-10 นาทีก็ถึง Palace of Versailles
ระหว่างทางเดินไป Palace of Versailles ก็เห็นหัวใจน่ารักจากใบไม้พวกนี้ เพื่อนๆลองมองใบไม้เขียวๆจากมุมนี้ดูจะเห็นว่าเป็นรูปหัวใจ ไม่รู้ว่าเห็นเหมือนกันไหมนะ555
แต่ถ้าใครอยากจะนอนโรงแรมใกล้ๆ Versailles แถวนี้ก็มีโรงแรมให้เลือกเต็มไปหมด เอาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคนเลย
วันนี้แดดดีมาก ท้องฟ้าสดใสสุดๆ แถมพระอาทิตย์ยังตกสามสี่ทุ่มด้วย เอ่อ..เทคนิคหนึ่งของการเที่ยวแบบพวกเราคือศึกษาสภาพอากาศและเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินก่อนไป เพราะสิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญในการเที่ยวเลย เพื่อนๆสามารถเข้าไปเช็คสภาพอากาศได้ที่เว็บนี้>>> http://www.accuweather.com/
ผู้คนมากหน้าหลายตามาเยี่ยมชมที่นี่กันเพียบ ต่อคิวเพื่อจะเข้าชม Palace of Versailles เห็นแถวนั่นไหม ยาวทบไปทบมาหลายรอบเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากเข้าไปดูข้างใน Versailles แนะนำให้มาต่อคิวแต่เช้าเลยนะคะ
ด้วยเวลาที่จำกัดพวกเราเลยไม่ได้เข้าไปในส่วนของตัวพระราชวัง แต่พวกเราก็ได้เดินดูรอบๆและเข้าไปในส่วนของสวนในพระราชวังแวร์ซายแทน
สวนนี้เป็นสวนแบบตะวันตก ซึ่งมีการออกแบบโดยนำธรรมชาติมาจัดให้เป็นไปตามที่มนุษย์ได้ออกแบบหรือรังสรรค์ไว้ จะเห็นได้ว่าซ้ายและขวาจะเท่ากัน หรือเรียกว่าสมมาตร ต่างจากสวนทางฝั่งเอเชียบ้านเราที่พยายามจะสร้างเลียนแบบธรรมชาติ เราเลยจะจัดสวนให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด เหมือนเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ จะเห็นได้จากการจัดสวนในประเทศจีนหรือญี่ปุ่น
พวกเราเดินเล่นในสวนตามส่วนต่างๆ สวนที่นี่แบ่งออกเป็นหลายโซนมาก ขึ้นอยู่กับกำลังขา และเวลาแต่ละคนว่าจะเดินได้ไกลมากน้อยแค่ไหน
มองย้อนกลับไปเห็นพระราชวังแวร์ซายอยู่ลิบๆ นู้นเลย เห็นกันไหมคะ
เนื่องด้วยเวลาที่เรามาถึงก็ใกล้กับเวลาที่ Versailles จะปิดแล้ว เดินได้สักพักก็มีคุณตำรวจขับรถมาเริ่มไล่ให้นักท่องเที่ยวออกกัน
แปะไว้ให้สำหรับใครที่เตรียมตัวจะมาที่นี่ >>>> http://en.chateauversailles.fr/prepare-my-visit-/single/opening-times