สารบัญ
Preface: การเตรียมตัวสำหรับทริปนี้
Chapter 1: หางแดงมาแล้วจ้า (AirAsia, here we go!)
Chapter 2: สะบายดี เวียงจันทน์ (Hello Vientiane!)
Chapter 3: วนเวียนที่เวียงจันทน์ (Vientiane On My Own)
Chapter 4: บ๊ายบาย เวียงจันทน์ (See you Vientiane!)
Chapter 5: สรุปให้เสร็จสิ้น (Conclusion)



Preface: การเตรียมตัวสำหรับทริปนี้

สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้ผมจะมาเล่าถึงประสบการณ์เที่ยวเวียงจันทน์ของผมนะครับ ก่อนอื่นเลยก็ต้องขอขอบคุณสมาชิกบลูแพลเน็ตทุกๆคนที่คอยตอบคำถามของผมครับ เพราะคำตอบอันมีค่าของทุกคน ทำให้ผมสามารถเที่ยวได้อย่างสนุกและประหยัด เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

ทริบของผมเริ่มที่คืนวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมาครับ ก่อนที่จะออกเดินทาง พอดีว่าเห็นแอร์เอเชียออกโปรโมชั่นแบบว่าใช้แต้มแค่ 1000 แต้มต่อเที่ยว ซึ่งตอนนั้นก็สะสมได้ 9000 กว่าแต้มแล้ว ก็เลยจัดไปเลย จ่ายค่าภาษีไปทั้งหมดก็ประมาณ 200 กว่าบาทครับ พอก่อนออกเดินทางผมจ่ายค่าโหลดกระเป๋าเพิ่มเอาไว้สำหรับขากลับก็จ่ายไปอีก 345 บาทครับ

ในเมื่อตั๋วพร้อมแล้ว พร้อมเดินทางได้ เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน จะเที่ยวต่างประเทศได้อย่างไรถ้าเกิดไม่มีพาสปอร์ต อ่าว... อดเที่ยวเลยงานนี้ แต่ไม่! ถ้าเกิดไปเที่ยวลาว เราสามารถทำบัตรผ่านแดนได้ โดยที่บัตรผ่านแดนนี้สามารถทำได้ที่สำนักงานของจังหวัดที่ติดชายแดน ถ้าผมจะเที่ยวเวียงจันทน์ ผมก็ต้องไปทำบัตรผ่านแดนที่จังหวัดหนองคาย (ถ้าไปปากเซต้องไปทำที่อุบลราชธานีถ้าจำไม่ผิด) แต่เพื่อความสะดวกของผม ผมเลยจ้างบริษัททำบัตรผ่านแดนให้ล่วงหน้าครับ โอนเงินค่าทำไปเลย 150 บาท แล้วที่บริษัทก็จะทำบัตรผ่านแดนให้ โดยที่เราสามารถไปรับได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าเป็นต้นไป

Chapter 1: หางแดงมาแล้วจ้า (AirAsia, here we go!)

อ่า ในเมื่อตั๋วเครื่องบินก็มี บัตรผ่านแดนก็ทำไว้แล้ว ออกเดินทางได้!!! ก่อนอื่นเลยก็ไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง โดยที่ผมนั่งสายการบินแอร์เอเชียครับ ไฟล์ทที่ผมนั่งคือ



พอถึงสนามบินดอมเมืองแล้ว ยังไม่ทันเช็คอินเลย... ท้องร้องแล้ว อ่าว... ตังค์ก็ไม่ค่อยมี แล้วจะกินข้าวอย่างประหยัดเงินอย่างไรเนี่ย ตอนแรกนึกว่าจะกินมาม่าที่ 7-11 แต่พอเดินถึง 7-11 แล้ว ก็เห็นว่ามีศูนย์อาหารเมจิกอยู่ใกล้ๆ 7-11 ตอนนี้ผมสบายใจแล้วแหละ สามารถกินข้าวเป็นจานได้โดยที่กระเป๋าตังค์ยังไม่ฉีก 555 มื้อเย็นวันนี้เลยจัดไปเลย... ข้าวมันไก่! พอดีว่ามีเงินเหลือก็จัดโกโก้ปั่นไปอีกแก้ว รวมทั้งหมด มื้อนี้จ่ายไป 100 บาทพอดีครับ





อิ่มสบายแล้วผมก็ไปเช็คอินเลยครับ โดยที่ผมไม่ได้โหลดกระเป๋าอะไรเพิ่มเติม ผ่านการตรวจกระเป๋าขึ้นเครื่องได้แล้วก็เดินไปถึงประตู 53 เลยครับ ระหว่างทางก็เห็นมีเลาจ์ที่ชื่อ Coral ผมเคยเห็นกระทู้ที่พูดถึงเลาจ์นี้ ใครที่เคยเข้าไปแล้วช่วยมาแชร์ประสบการณ์กับผมด้วยครับ อิอิ





เดินไปเรื่อยๆก็ถึงประตู 53 แล้ว รอไปรอมา อยู่ดีๆพนักงานประกาศว่าไฟล์ทดีเลย์! โอ้โน... ต้องรออีกหรอเนี่ย แต่รอไปได้สักพัก เครื่องบินก็มาจอดรอแล้ว เย้ๆ ได้ขึ้นเครื่องแล้ว! ที่นั่งของผมก็คือ 7A (จองไว้ล่วงหน้าแล้ว)



พอเครื่องบินอยู่บนอากาศแล้ว แอร์ก็เริ่มแจกอาหารที่จองไว้ล่วงหน้า ผมได้จอง Nasi Lemak ไว้ที่หนึ่ง



จำได้ว่าเคยกินตอนขึ้นแอร์เอเชียห้าปีก่อน จำได้เลยว่ากินตอนนั้นแล้วติดใจมาก พอมากินตอนนี้ผมนึกถึงห้าปีก่อนได้เลย อร่อยมาก! (หรือว่ากินข้าวมันไก่แล้วไม่อิ่มกันแน่) ธรรมดาผมจะกินเก่ง และกินเร็ว แต่ตอนนี้กลับค่อยๆกินทีละคำๆ พอกินหมดแล้วนั่งได้สักพัก เครื่องก็เตรียมลดระดับที่อุดรธานีแล้ว คือผมตกใจมากเลยว่าขึ้นมาได้ไม่นาน เอ๊าลงแล้วหรอ?



ในที่สุดก็ถึงสนามบินอุดรธานีแล้ว ผมก็เดินผ่านสายพานรับกระเป๋าไปเลย

ออกไปปุ๊บ เริ่มคิดแล้วว่า เอ๊ ตอนแรกเราวางแผนว่าจะพักที่อุดรแล้วค่อยนั่งบขส.เข้าเวียงจันทน์นิหน่า แต่เห็นมีที่ขายตั๋วรถตู้เข้าเมืองอุดรและหนองคาย ก็เริ่มคิดหนักแล้ว จะเอายังไงดีเนี่ย?

ตอนแรกพอคนขายตั๋วถามว่าจะไปไหน ผมตอบไปว่าจะไปอุดรแต่ว่าผมก็เปลี่ยนใจไปหนองคายแทน แล้วก็ซื้อตั๋วเข้าเมืองหนองคาย ตอนนั้นก็สี่ทุ่มแล้วแหละ ซื้อตั๋วไปหนองคายก็จ่ายไป 200 บาท ขึ้นรถแล้วก็ตรงไปหนองคายเลย



ระหว่างทางก็เปิดเน็ตหาที่พักใกล้ด่าน เปิดมาเจอโรงแรมแห่งหนึ่ง 500 บาทต่อคืน เดินไปด่านได้ ก็เลยเอาที่นั้น



ถึงที่พักก็ห้าทุ่มแล้ว อาบน้ำเสร็จก็หลับไปเลย