ในฝั่งฝัน (บทที่ 9)

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ High-functioning sociopath, คุณดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 1399661, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1  http://ppantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3  http://ppantip.com/topic/35648626
บทที่ 4  http://ppantip.com/topic/35655325
บทที่ 5  http://ppantip.com/topic/35665748
บทที่ 6  http://ppantip.com/topic/35669708
บทที่ 7  http://ppantip.com/topic/35673616
บทที่ 8  http://ppantip.com/topic/35680516

รีบลงบทนี้เพื่อเรียกคะแนนนิยมคุณรามกลับคืนมาค่ะ เท่ คุณรามว่ารักเดียวใจเดียวจริงๆ น้าค้า


บทที่ 9



ไอรีนฟังคุณรามพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจ ท่าทางทั้งคู่เคร่งเครียดทีเดียว เห็นหล่อนชายตามองมาสองสามครั้ง ใบหน้าสะสวยนั้นดูเย่อหยิ่งและไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

เมื่อเห็นใกล้ๆ หล่อนสวยจัดทีเดียว ใบหน้าคมเข้มอย่างผู้หญิงมาเลย์ ตาคมกริบ ผิวที่ออกคล้ำยิ่งช่วยเสริมความเข้มนั้น บนศีรษะหล่อน ที่เห็นเมื่อครู่ว่าเหมือนผมยาวประบ่านั้น แท้จริงแล้วเป็นผ้าซึ่งคลุมอยู่รอบศีรษะ เรื่อยลงมาใต้คาง เหลือให้เห็นเพียงดวงหน้าได้รูป

พอเดาได้ว่าหล่อนคงอยู่ในวัยเดียวกับคุณวิไล จะแก่อ่อนกว่ากันก็คงเพียงไม่กี่ปี สังเกตจากท่าทางที่หล่อนพูด พอดูออกว่ามิใช่ต่อว่าคุณราม หากเหมือนตัดพ้อเสียละมากกว่า แม้หล่อนจะพยายามอย่างยิ่งยวดให้สีหน้าดูเคร่งเครียดและเป็นงานเป็นการ แต่แววน้อยใจที่ฉายวาบออกมาทางดวงตานั้นปิดกันไม่มิด ในเมื่อเป็นผู้หญิงด้วยกันทำไมเธอจะดูไม่ออก

นั่นยิ่งทำให้ไอรีนร้อนรุ่มไปทั้งกายและใจ เชื่อแน่นอนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้กับคุณรามมีความสัมพันธ์กันในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง แล้วนี่หล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อยู่ในฐานะอะไร ในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ ผู้หญิงสาวอย่างนี้จะมาอยู่ภายในบ้านผู้ชายในลักษณะไหนได้อีก

ทั้งคู่เจรจากันไม่กี่ประโยค คุณรามก็หันมาแตะข้อศอกเธอซึ่งถอยหลบมาเสียข้างหลังเขาให้ขึ้นมายืนเคียง เขาบอกอะไรผู้หญิงคนนั้นอีกสองสามคำ ฟังดูเหมือนเป็นการแนะนำให้รู้จัก

จากนั้นก็หันมาทางเธอ คงไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าสวยคมของคนซึ่งยังยืนคาอยู่ตรงประตู ว่าซีดลงจนเห็นได้ชัด

"ไอรีน นี่คุณอัสมา คุณอัสมาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้" เขาบอกเพียงเท่านั้นเอง

นั่นไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไรมากเลย ซ้ำร้ายคำบอกเล่าเพียงสั้นๆ นั้นทำให้คิดไปได้ไกล ในเมื่อหล่อนเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ นี่แสดงว่าคุณรามมาอยู่ที่นี่กับหล่อนอย่างนั้นหรือ

ไอรีนเป็นฝ่ายฝืนยิ้มให้ก่อนอย่างแห้งแล้ง หล่อนยิ้มตอบมาแบบสุดฝืนพอกัน ยิ้มที่มุมปากเพียงนิดเดียวพอเป็นพิธี แล้วหันไปพูดอะไรกับใครบางคนซึ่งยังคงอยู่ภายในบ้าน

ไอรีนเพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้เองว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้านด้วย คนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างเตี้ย ออกล่ำ แต่งตัวเรียบร้อย กางเกงที่สวมมีขายาว เห็นในความมืดสลัวว่าเป็นสีขาวนวล มีผ้าคล้ายโสร่งสีเข้มกว่าสวมทับอีกชั้น เสื้อแขนยาวเป็นสีเดียวกับกางเกง บนศีรษะมีหมวกถักเป็นตาข่ายรูปทรงกลมสวมอยู่ด้วย

อีกคนเป็นผู้หญิงวัยเพิ่งเข้ารุ่นสาว รูปร่างเล็กๆ นั้นเหมือนจะเล็กบางลงอีกเมื่อเน้นด้วยผ้านุ่งยาวกรอมเท้า เสื้อเป็นผ้าลูกไม้ตัดเข้ารูป

อัสมาส่งตะเกียงให้เด็กสาว ก่อนก้าวพ้นประตูออกมาภายนอก

ร่างใหญ่ๆ ของคนเพิ่งมาถึงพร้อมภรรยาหลีกทางให้เกือบพร้อมกัน

ไอรีนแหงนมองสามีเพื่อจะถามว่าเธอควรต้องทำอย่างไรต่อไป ด้วยว่าไปแล้วก็ยังงุนงงกับสภาพรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งุนงงและชาหนึบกับทั้งหมดที่ได้มาเห็น

"คอยอยู่ที่นี่แหละไอรีน ฉันจะไปส่งคุณอัสมาที่เรือ"

เขาก้มลงบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเด็กสาวซึ่งตามหลังนายออกมาภายนอก หล่อนส่งตะเกียงให้ และเขาก็ส่งต่อให้เธอพร้อมด้วยหีบเสื้อผ้าที่เขาหิ้วมาให้

"เข้าไปคอยข้างในก่อนนะ ปิดประตูเสียด้วย ฉันไปไม่นานหรอก"

ไอรีนจำต้องทำตามแต่โดยดี รับตะเกียงและหีบปัดมาเสีย ยืนมองตามเงาตะคุ่มๆ ของคนสี่คนที่พากันเดินไปทางชายหาด ตรงไปยังบริเวณซึ่งเรือเร็วจอดอยู่  

เธอก้าวเข้าไปภายในบ้านและใช้แขนดันบานประตูให้ปิด เข้ามาแล้วก็ยังยืนงงอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ กวาดตาดูสภาพภายในห้องเมื่อจิตใจสงบลงบ้างแล้ว

ห้องนี้กว้างขวางทีเดียว อาจเป็นได้ว่าเพราะมีเครื่องเรือนน้อยชิ้น เท่าที่เห็นมีเพียงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ชุดเดียวเท่านั้น มีหน้าต่างสองด้าน ด้านละสองบาน ทุกบานปิดสนิท นอกจากบานที่หันไปทางทะเลเปิดไว้กว้างเพียงบานเดียว พื้นห้องลาดซีเมนต์ ขัดถูไว้สะอาดสะอ้าน

เธอถอดรองเท้าหนังสีดำที่มักใช้สวมไปไหนมาไหนออกทิ้งไว้ข้างประตู ก่อนเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง ความรู้สึกในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังจมดิ่งลงเหวจนต้องไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว

วางตะเกียงลงบนโต๊ะ วางหีบปัดลงข้างตัวแล้วกอดไว้ด้วยแขนซ้าย

มิใช่หีบใบนี้หรอกที่เธอพยายามยึดไว้ แต่มันเป็นสมบัติของคุณหญิงละออ...แม่สามีผู้เคยให้ความเอ็นดูเธออย่างจริงใจต่างหาก เธอกำลังยึดเอาความทรงจำของคุณหญิงไว้ เพราะว่าไปแล้วเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กสาวอ่อนวัยและเข้าไปอยู่ในบ้านริมคลองสาทรใหม่ๆ มีเพียงคุณหญิงและคุณกนกเท่านั้นกระมังที่ให้ความเอ็นดูเธออย่างแท้จริง ส่วนคุณรามน่ะหรือ ยิ่งมาเห็นอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้คิดว่าจริงๆ แล้วเขาคงไม่สนใจความรู้สึกของเธอสักเท่าไรนักหรอก ถ้าสนใจเขาคงไม่ทำร้ายจิตใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ นี่เขาคงคิดไปไม่ถึงว่าเธอจะกล้าตามมาหาเขาถึงลังกาวีท่ามกลางสงคราม เขาจึงทำแบบนี้ได้อีก

แล้วก็มาถึงเรื่องที่ว่าถ้าคุณรามมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริง เธอควรทำอย่างไรต่อไป จะให้ทนรับรู้อยู่ที่นี่คงเป็นไปไม่ได้แน่ ในเมื่อจนบัดนี้ก็ยังไม่ลืมความเจ็บช้ำจากครั้งก่อน แม้เรื่องนั้นจะผ่านมากว่าแปดปีแล้วก็ตาม

เพียงไม่นานได้ยินเสียงเกาะแกะที่ประตู หากก็อ่อนล้าเกินกว่าจะหันไปมอง ว่าไปตามจริงเธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาในเวลานี้สักเท่าไรนัก ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากให้มาใกล้ เธอคงคิดผิดที่ดั้นด้นมาถึงที่นี่ ถ้าอยู่บ้านแล้วปิดหูปิดตาไม่รู้ไม่เห็นอะไรเสียเลยก็คงแล้วไป

อารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงลิ่วเมื่อเห็นเขาที่บ้านนายสง่า กลับต้องมาตกดิ่งลงจนกระแทกก้นบึ้งเมื่อมาเห็นผู้หญิงคนเมื่อครู่...และเห็นท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน แม้ดูเผินๆ จะห่างเหิน หากแต่มองออกหรอกว่าคงเป็นเพราะมีคนอื่นอยู่รอบข้าง ทั้งคู่จึงคงไม่กล้าแสดงอะไรให้เห็น ไอรีนคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน  
รามเปิดประตูเข้ามาภายใน ชะงักเมื่อมองฝ่าความมืดเข้ามาเห็นร่างเล็กๆ นั่งเงียบเชียบอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว เธอกำลังหันข้างให้ แขนซ้ายกอดหีบเสื้อแนบไว้ข้างลำตัว แม้จะมีเสียงเปิดปิดประตูก็ยังไม่ยอมหันมาดู ไม่แสดงท่าทีรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น

เห็นภรรยานั่งซึมเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ในท่านั้น นายพันเอกหนุ่มก็พอเข้าใจ เสียใจเสมอมาว่าเมื่อครั้งที่มีปัญหาเรื่องแว่นแก้วตัวเองไม่เคยพยายามเข้าให้ถึงจิตใจของคนเป็นเมียเลย ครั้งนั้นคิดอยู่แต่เพียงว่าไม่มีทางเลือกอื่น และเธอคงยอมทนจนปัญหาคลี่คลายไปเอง มาเข้าใจก็เมื่อเรื่องผ่านไปได้ระยะหนึ่งและไม่มีทีท่าว่าอะไรจะดีขึ้น ยิ่งเห็นสีหน้าแสดงความปวดร้าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ยิ่งตระหนัก ที่หวังว่าในที่สุดแล้วเธอจะเข้าใจได้เองนั้นเป็นความเห็นแก่ตัวเพียงไร จนเมื่อถึงจุดแตกหักและเธอพยายามแยกตัวออกไปนั่นแหละ จึงได้คิดว่าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีปัญหานั่นเอง

ตลอดเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก รามมีเวลาครุ่นคิดและไตร่ตรองการกระทำแต่หนหลังของตัวเอง ความไม่หนักแน่นเพียงพอที่จะทำอะไรลงไปให้เด็ดขาดนั้น ท้ายที่สุดก็กลายเป็นปัญหาทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนเดียวในชีวิตที่ตัวเองรักและต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาเป็นเจ้าของอย่างไร

ยิ่งเมื่อรู้ว่าไม่ได้เพียงทำร้ายภรรยาทางจิตใจเท่านั้น ทางร่างกายก็หนักหนาพอกัน จนถึงขนาดที่เธอแท้งและเจ็บหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็ยิ่งเกลียดตัวเอง เรื่องนั้นไม่ต่างอะไรกับแผลลึกที่เสียดแทงจิตใจเสมอมา รู้ด้วยว่าไม่มีคำขอลุแก่โทษใดๆ จะทดแทนการสูญเสียในครั้งนั้นได้

แล้วนี่เธอต้องมาเจอปัญหาใหม่เข้าอีก ความปลื้มปีติที่ได้พบกันยังไม่ทันจางหายก็ต้องมาเห็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจผิดเอาได้ง่ายๆ เสียอีก

ก้าวเงียบกริบเข้าไปหา ราวเกรงว่าเสียงแม้เพียงน้อยนิดอาจทำลายสมาธิของคนซึ่งยังคงนั่งเงียบเชียบอยู่ได้ ลงคุกเข่าข้างเดียวบนพื้นตรงหน้า กุมมือบางซึ่งวางเหมือนไร้ชีวิตอยู่บนตักเอาไว้

ใบหน้าหมดจดที่ก้มต่ำในท่ามกลางแสงสีเหลืองนวลเหลือบตาขึ้นดู พอเห็นว่าเป็นใครก็สะดุ้งสุดตัว ราวสติสัมปชัญญะเพิ่งกลับคืนมา รีบดึงมือกลับพร้อมกับถัดตัวออกห่างอย่างตระหนกตกใจ

"คุณราม! อย่านั่งตรงนั้นค่ะ"

"ทำไมล่ะ" เสียงห้าวๆ ไหวพลิ้วเมื่อพยายามกลั้นหัวเราะ

แม้จะเครียดเมื่อเข้ามาเห็นสภาพของภรรยา หากรามก็ยังอดขันเสียมิได้ ดูเอาเถอะ...จนขนาดนี้แล้วก็ยังอุตส่าห์คำนึงถึงเรื่องที่ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะที่เขาในฐานะสามีลงนั่งต่ำกว่าตัวเองซึ่งเป็นภรรยา

"ไม่ดีค่ะ คุณนั่งต่ำกว่าดิฉันแบบนี้ไม่ดีหรอกค่ะ"

"แล้วจะให้ไปนั่งที่ไหนล่ะ เธอยึดเก้าอี้ของฉันเสียแล้วอย่างนี้" เขาสัพยอก รู้ว่าวิธีนี้ได้ผลทุกครั้ง

หญิงสาวไม่ฟังเสียง ผลุนผลันจะลุก แต่สองมือแข็งแรงยึดไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้ ตัวเขาเองกลับลุกยืน แล้วก้มลงประคับประคองใบหน้างามละมุนให้แหงนเงยขึ้นหา

"คงยังไม่ได้เข้าไปดูห้องนอนสินะ มาเถอะ ดึกมากแล้ว เธอเองก็คงเหนื่อย เดินทางมาทั้งวันอย่างนี้"

ไอรีนยอมลุกจากเก้าอี้แต่โดยดีเมื่อเขาคว้าทั้งหีบเดินทางและตะเกียงมาถือไว้เสียเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่