ความเหมือนที่แตกต่าง

เป็นมุมมองและความคิดเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถืออะไร..อ่านและเข้าใจตามลำบากหน่อยนะครับเพราะไม่ได้แก้และเขียนไปตามที่คิดๆไม่มีสมุดไว้บันทึกร่างเนื้อหาเป็นแกนเนื้อหาเวลาแก้ครับ+คนเขียนมึนๆด้วย

เมื่อหลายวันก่อนหากจะชี้ให้ชัดคงน่าจะราวๆหลายเดือนก่อนได้มีโอกาศอ่านกระทู้หนึ่งที่ตั้งโดยสมาชิกท่านใดไม่แน่ใจนักซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับตัวตน บุคลิกหรือการแสดงความคิดเห็นและความจำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องรู้จักกันระหว่างโลกจริงโลกเสมือน(โซเชียลมีเดีย) มีหลายคนเข้ามาพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันทั้งกลุ่มคนที่รู้จักกันในสังคมภายนอกจริงแล้วเข้ามาแสดงความเห็นหรือกิจกรรมร่วมและกลุ่มคนที่ไม่รู้จักกันเลยแต่มีความคิดคล้ายๆกันจึงรวมกลุ่มกัน ประเด็นและเนื้อหาโดยมากอะไรก็เกิดการตกผลึกหรือให้พูดตามตรงคือยุติการสนธนาเรื่องนั้นไปแล้ว(แม้ว่าจะมีหลายๆคน"แอบ"เข้าไปคุยกันหรือแสดงความเห็นอื่นๆต่อก็ตาม) ดังนั้นเนื้อหาถัดไปหากจะบอกว่าเอาเนื้อหาเหล่านั้นมาคุยใหม่จึงไม่ใช่แต่เป็นการคุยถึงสิ่งที่อาจมีความคล้ายกัน

หากกล่าวถึงรูปแบบสังคมใดๆในอดีตเรามักจะนึกถึงเพียงการรวมกลุ่มที่ผู้คนพบเจอรู้จักกันหรือมีกิจกรรมร่วมกันจริงๆในสังคมไม่ว่าจะด้วยความสะดวกความต้องการที่จะทำจริงๆหรือความใกล้เคียงหรือความเชื่อใดๆและอาจจะพัฒนาหรือแปรเปลี่ยนเป็นโครงสร้างและความสัมพันธ์ในรูปแบบการปกครองหรือไม่ก็เกิดก็มีปัจจัยหลายๆประการที่ทำให้เกิด แต่ในยุคปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆมีการพัฒนาที่มากกว่าคนในอดีตจะคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จนทำให้หลายๆอย่างเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การศึกษา การทำธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆฯลฯ ซึ่งส่งผลให้วิถีการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก

แม้หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปวิถีโครงสร้างด้านสังคมและการปกครองต่างๆของสังคมกลับไม่แตกต่างไปจากอดีตมากนักหากแต่มีความซับซ้อนมากขึ้นจากการติดต่อสื่อสารที่ความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลและเครือข่ายของข้อมูลต่างที่เดิมใช้เวลานานอาจเป็นวันเดือนหรือปีไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการรับและส่งข้อมูลต่างๆที่รวดเร็วมากขึ้นจนเหลือเพียงเสี้ยววินาทีจึงทำให้โครงสร้างการสั่งการทางอำนาจไม่ว่ารูปแบบใดๆจะรวมศูนย์หรือไม่ก็ไม่ติดขัดเรื่องระยะเวลาอีกต่อไป ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ด้วยวิถีชีวิตที่ห่างไกลกันจึงทำให้โครงสร้างการกระจายทางอำนาจมีความสำคัญอยู่โดยเฉพาะเขตที่มีประชากรหนาแน่นหรือมีความห่างไกล จากเทคโนโลยีรวมถึงการเข้าถึงของอุปกรณ์สื่อสารที่เข้าถึงและมีไว้ในครองครองได้ง่ายดายมากขึ้นและการกำเนิดของ"โซเชียลมีเดีย"ที่ทำให้การสื่อสารไม่จำเป็นต้องติดต่อโดยตรง รับรู้ เห็น หรือสื่อสารเพียงทางเดียวอีกต่อไปให้สังคมค่อยๆแผ่ขยายผ่านการสื่อสารรูปแบบนี้ที่ไม่มีขีดจำกัดหรือขอบเขตใดๆอีกต่อไปเสมือนกลายเป็นอีกสังคมหรือโลกอื่นๆที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันจริงๆ

แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่อย่างที่รับรู้กันมาจากอดีต เมื่อสังคมกลุ่มเล็กๆที่ไร้ขอบเขตใดมาควบคุมเหมือนแดนเสรีหรือโลกส่วนตัวขยายตัวมากขึ้นเพราะความเสรีทางความคิดหรือผลจากการสื่อสารที่ทวีความรวดเร็วขึ้นในการส่งข้อมูลย่อมไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์หรือกฎหมายใดๆตามมาควบคุมเอาไว้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลและความหวาดกลัวหรือระแวงใดๆ มีทั้งคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยมากมายสุดท้ายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้และส่งผลให้สังคมรูปแบบนี้มีความใกล้เคียงกับสังคมภายนอกมากขึ้นไปทุกที ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะมองว่าเป็นสังคมเสมือนหรือสังคมจริงๆก็ไม่ผิดนักขึ้นอยู่กับว่ายึดมิติการมองด้านใด

เว็บบอร์ดการเมืองพันทิพย์และโซเชียลมีเดียต่างๆก็เช่นกันย่อมหนีไม่พ้นจากเนื้อหาข้างต้น หากเพียงแต่แม้จะมีความคล้ายคลึงกันเพราะเป็นสื่อออนไลน์เหมือนกันแต่อิสระทางการคิดหรือเสรีทางความเห็นมีความต่างกันเพราะในขณะที่เว็บบอร์ดมีการยึดติดกับกฎเกณฑ์มากกว่าแต่โซเชียลมีเดียกลับ"แทบ"ไม่มีกฎเกณฑ์เหล่านั้นมาผูกมัดหรือปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นใดๆแม้จะมีผลประโยชน์ต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง"สูงมาก"ก็ตาม

เพราะเหตุนี้จึงแบ่งคร่าวๆได้ว่าความเหมือนที่แตกต่างของทั้งสองสังคมนี้คืออะไร

เว็บบอร์ดมีสภาพสังคมที่คล้ายความเป็นจริงในระดับ"สังคมทางการ"ที่มีกฎเกณฑ์ต่างๆมามาควบคุมทั้งการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ความเป็นจริงในระดับที่รับรู้ได้ว่ามีความเป็นจริงเช่นไรในสังคม"หน้าสื่อ" เมื่อมีการแสดงความเห็นที่ผิดแปลกไปจากรูปแบบสังคมนั้นๆหรือตามที่ผู้มีอำนาจในสังคมนั้นๆไม่เห็นด้วยหรือมองว่าผิด หรือส่งผลถึงการรักษาสภาพสังคมเอาไว้ด้วยความสงบจึงต้องมีการลงโทษในรูปแบบต่างๆเช่นตักเตือน ลบ แบน (ปรับ ยึดทรัพย์ จำคุกหรือประหาร) โดยมีWMเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจและผู้ใช้เป็นประชาชน ส่วนเจ้าของเว็บเป็นเจ้าของประเทศ

โซเชียลมีเดียต่างๆที่มีความเป็นอิสระสูงเนื่องจากพื้นที่เหล่านั้นเปรียบได้กับพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นบ้านหรือที่อยู่อาศัยของเราเอง(ถึงจะเป็นบ้านผ่อนก็ตามใช้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจ๊งหรือโดนทุบทิ้ง) ที่เรามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ในพื้นที่ของตัวเราเองไม่ว่าการคิดหรือการกระทำแต่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาเองถ้าเป็นเรื่องที่ไป"ขัด"ใจใครๆที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงไม่ว่าจะถูกผิดหรือไม่ก็ตามเว้นแต่จะให้เห็นเฉพาะตัวเองที่ใครก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่เผยแพร่(รู้แต่ไม่พูดให้ใครฟังหรือบันทึกไว้อ่านเองเท่านั้น) โซเชียลจึงเหมือนพื้นที่ระดับชาวบ้านทั่วไปเวลาไม่มีตำรวจอยู่ใกล้ๆจะนินทาเผาขนหรือคิดเลขเร็วเกรดไหนหรือโดนใครยำก็ไม่มีใครรู้หรือทำอะไรทุกอย่างอยู่ตัวคุณตัดสินใจแล้วรอผลที่เกิดไปตามการตัดสินใจ

ใครอยากจะเพิ่มเติมก็คอมเม้นต์เสริมให้สมบูรณ์ไปเลยครับคนเขียนแบต(โทรศัพท์)หมดหมดไฟเขียน มาแก้ได้อีกตอนชาร์ทได้ราวเย็นๆนั่นล่ะเพราะลืมสำรองแบตไว้

สุขสันต์วันหยุดครับพาพันขอบคุณ
*แก้คำผิดครั้งที่หนึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่