บทสัมภาษณ์กับเว็บ Recode เมื่อราวกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตามลิ้งค์ด้านล่าง ยาวแต่อ่านสนุกครับ
ภาพปูกรอบ เจ้าก้ามโตขโมยซีน ...
ขอเชิญทุกท่านรู้จักกับ จอห์น แฮงกี้ ผมขอตั้งฉายาท่านนี้ว่า "พ่อทุก 'ถาบันแผนที่" เพราะเขาคือผู้สร้าง Google Map ผู้สร้าง Google Earth และวันนี้ทุกคนรู้จักเขาในฐานะผู้สร้าง เกมส์ดัง Pokémon Go
เจ้าของวลีดัง "คุณต้องสะสมประสบการณ์ยี่สิบปี เพื่อที่จะประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน"
สรุปย่อ (บางส่วน+แทรกความเห็นของผม) :-
- เขาไม่ชอบที่เห็นคนเล่นเกมส์ นั่งอยู่ติดคอมฯ นานวันละหลายๆ ชั่วโมง จึงคิดว่าถ้าได้เดิน ได้ออกกำลังกาย และได้สังคม แถมยังได้สนุกกับเกมส์ไปด้วย จะดีแค่ไหน ? นี่คือแนวคิดเริ่มต้นของ Pokémon Go (น้องละมุดฟังแล้วสะอึกไหม ?)
- เขาต้องการสร้าง "ชุมชน" แบบใหม่ ที่ผู้คนจะลุกออกจากบ้านมารวมตัวกัน เพื่อจุดประสงค์ในการมา "สังสรรค์" มา "สนุกสนาน" ร่วมกัน และมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ มาร่วมมือกันทำ Quest มาแข่งขัน เพื่อเป้าหมายหนึ่งๆ ร่วมกัน เมื่อเสร็จภารกิจก็ชวนกันไปดื่มกินเฮฮาปาร์ตี้กันต่อ ก่อให้เกิดความผูกพันระยะยาว แบบว่าเล่นเกมส์เดียว ติดหนึบกันไปนานนับสิบๆ ปี
เกมส์นี้มันคือ "ข้ออ้าง" ที่ช่วย "กระตุ้น" ให้ท่านออกจากบ้าน ออกไปเดิน ออกกำลังกาย ออกไปพบปะผู้คน ถ้าไม่โกหกตัวเองละก็ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนต้องการพึ่ง "ข้ออ้าง" เหล่านี้
ตัวอย่าง คุณป้าท่านนี้ ฟื้นตัวจากโรคสมองพิการ จนหมออึ้ง ! เหตุเพราะเดินจับโปเกม่อนไปแล้ว 400 กม. !
http://www.macleans.ca/society/health/how-pokemon-go-helped-heal-my-brain/
- สมัยก่อนผู้คนออกไปสังสรรค์เฮฮา โดยไปเล่นกีฬา ตีแบด เตะบอล เต้นแอโรบิค ฯลฯ เล่นเสร็จ ก็จับกลุ่มออกไปหาอะไรกินกัน Pokémon Go ก็คือเรื่องเดียวกัน แค่ใหม่กว่า สนุกกว่า และได้เปรียบเพราะสามารถนำผู้คนจากที่ต่างๆ มา "ร่วมมือกัน" ผ่านระบบของเกมส์ (ลองนึกถึงกีฬาที่ต้องใช้ผู้เล่นหลายคนช่วยเหลือกันเป็นทีม เช่นฟุตบอล) และ "จะ" มีระบบเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของกลุ่ม ผ่านแอ๊ปบนมือถือ คล้ายๆ กับกลุ่ม LINE นัดทำกิจกรรมร่วมกันได้ผ่านมือถือ นัดกันไปร่วมชุมนุมใน event ที่จัดพิเศษ มีโปเกม่อนพิเศษให้ตามล่า และมีรางวัลพิเศษยั่วใจให้แก่ทีมผู้ชนะ (ตุ๊กตาปิ๊กาจู้ ?)
- ข้อได้เปรียบของ Pokémon Go คือสมัยก่อนท่านเคยรวมกลุ่มตีแบดฯ รำไท้เก๊ก ฯลฯ แต่เลิกไปเพราะอะไร ? งานรัดตัว ไม่มีเวลา ฯลฯ วันนี้ PoGo ที่อยู่ใกล้ตัวบนมือถือท่าน เป็นข้ออ้างใหม่ให้ท่านกลับไป "ใช้เวลาว่าง" ได้ "สังคม" และสนุกสนานกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์หน้าใหม่ ที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกัน ได้อีกครั้ง
- แต่ที่แตกต่างกับเกมส์ออนไลน์อื่นๆ อย่าง World of Warcraft คือในเกมส์เหล่านั้นท่านจะได้คุยแค่กับอวาตาร์ของเพื่อนๆ ที่ออนไลน์อยู่หน้าคอมฯ แต่ ถ้าเป็น Pogo ท่านต้องเดินทางออกไปพบปะผู้คนจริงๆ อาจไปกับพี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนฝูง หรือเพื่อนหน้าใหม่ที่พบจากเกมส์ นี่คือคนจริงๆ และคือความสนุกที่แท้จริง ตัวเกมส์เป็นเพียง "สื่อ" ที่ชักนำให้เกิดการพบปะและใช้เวลาร่วมกัน (หุ่นไล่กา ขอเสียงหน่อย?)
และเทรนด์ใหม่นี้จะไม่ตายไปง่ายๆ ดูจากเกมส์ Ingress ที่ยังมีชุมชนเหนียวแน่นหลังจากเวลาผ่านไป 4 ปี ส่วน PoGo ? ที่เล่นกันอยู่ทุกวันนี้เป็นแค่ส่วน "ยอด" ของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นครับ
UPDATE ล่าสุด ขณะนี้ทาง Niantic กำลังได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจากกลุ่มธุรกิจ และผู้พัฒนาโปรแกรมจำนวนมาก ที่มาขอใช้เกมส์ "พ่วง" เข้ากับระบบของตน จึงเป็นไปได้สูงมาก ว่าจะมีการอนุญาตให้มี "โปรแกรมเสริม" Add on ที่ต่อยอดจากเกมส์ไปสู่ธุรกิจ หรือ "เกมส์ส่วนต่อขยาย" ในรูปแบบต่างๆ ที่จะทำให้เกมส์นี้หลากหลายขยายตัวออกไปได้อีกไกลมาก
ตัวอย่างที่เปิดตัวไปแล้วคือ Pokémon Go บน Apple Watch แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น
ถ้าท่านคิดไม่ออกว่าเป็นยังไง ลองจินตนาการ ถึงการเข้าไปร้าน Mcdonald ที่ญี่ปุ่น เพื่อซื้อบิ๊คแม็ค แล้วโหลดแอ๊ป Pogo Mc Addon ที่ทำให้สามารถนำโปเกม่อนตัวแรร์บางชนิดในมือถือของท่าน มาสู้กับมิวทูในยิมของแม็ค ถ้าชนะจะได้ตุ๊กตาโปเกม่อนของจริงที่กอดได้เป็นรางวัล ฯลฯ
(ที่พูดถึง Mc เพราะเจ้านี้กลับไปบุกญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากเจ๊งคราวก่อน แต่รอบนี้ทุกสาขาเป็น PokéStop และเป็นความร่วมมือของ Niantic กับธุรกิจเพื่อทดลองแนวคิด เกมส์+ธุรกิจ)
ลิ้งค์
http://www.recode.net/2016/10/4/13166612/john-hanke-niantic-pokemon-go-recode-decode-podcast-transcript
แฮ๊คเกอร์ทั้งหลาย เป็นศัตรู สู้กันไปทำไม ? กลับใจหันมาเขียนเกมส์ Add on หาเงินใช้กันเถอะ !
คำคมวันนี้ "You can't sort of corner the market on creativity" - John Hanke คุณไม่สามารถผูกขาดตลาด ในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ - จอห์น แฮงกี้
อนาคตของ Pokémon Go จากปากของจอห์น แฮงกี้ พ่อทุก'ถาบันแผนที่ ที่ท่านเล่นๆ กันอยู่นี่ ... มันแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง !
ภาพปูกรอบ เจ้าก้ามโตขโมยซีน ...
ขอเชิญทุกท่านรู้จักกับ จอห์น แฮงกี้ ผมขอตั้งฉายาท่านนี้ว่า "พ่อทุก 'ถาบันแผนที่" เพราะเขาคือผู้สร้าง Google Map ผู้สร้าง Google Earth และวันนี้ทุกคนรู้จักเขาในฐานะผู้สร้าง เกมส์ดัง Pokémon Go
เจ้าของวลีดัง "คุณต้องสะสมประสบการณ์ยี่สิบปี เพื่อที่จะประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน"
สรุปย่อ (บางส่วน+แทรกความเห็นของผม) :-
- เขาไม่ชอบที่เห็นคนเล่นเกมส์ นั่งอยู่ติดคอมฯ นานวันละหลายๆ ชั่วโมง จึงคิดว่าถ้าได้เดิน ได้ออกกำลังกาย และได้สังคม แถมยังได้สนุกกับเกมส์ไปด้วย จะดีแค่ไหน ? นี่คือแนวคิดเริ่มต้นของ Pokémon Go (น้องละมุดฟังแล้วสะอึกไหม ?)
- เขาต้องการสร้าง "ชุมชน" แบบใหม่ ที่ผู้คนจะลุกออกจากบ้านมารวมตัวกัน เพื่อจุดประสงค์ในการมา "สังสรรค์" มา "สนุกสนาน" ร่วมกัน และมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ มาร่วมมือกันทำ Quest มาแข่งขัน เพื่อเป้าหมายหนึ่งๆ ร่วมกัน เมื่อเสร็จภารกิจก็ชวนกันไปดื่มกินเฮฮาปาร์ตี้กันต่อ ก่อให้เกิดความผูกพันระยะยาว แบบว่าเล่นเกมส์เดียว ติดหนึบกันไปนานนับสิบๆ ปี
เกมส์นี้มันคือ "ข้ออ้าง" ที่ช่วย "กระตุ้น" ให้ท่านออกจากบ้าน ออกไปเดิน ออกกำลังกาย ออกไปพบปะผู้คน ถ้าไม่โกหกตัวเองละก็ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนต้องการพึ่ง "ข้ออ้าง" เหล่านี้
ตัวอย่าง คุณป้าท่านนี้ ฟื้นตัวจากโรคสมองพิการ จนหมออึ้ง ! เหตุเพราะเดินจับโปเกม่อนไปแล้ว 400 กม. !
http://www.macleans.ca/society/health/how-pokemon-go-helped-heal-my-brain/
- สมัยก่อนผู้คนออกไปสังสรรค์เฮฮา โดยไปเล่นกีฬา ตีแบด เตะบอล เต้นแอโรบิค ฯลฯ เล่นเสร็จ ก็จับกลุ่มออกไปหาอะไรกินกัน Pokémon Go ก็คือเรื่องเดียวกัน แค่ใหม่กว่า สนุกกว่า และได้เปรียบเพราะสามารถนำผู้คนจากที่ต่างๆ มา "ร่วมมือกัน" ผ่านระบบของเกมส์ (ลองนึกถึงกีฬาที่ต้องใช้ผู้เล่นหลายคนช่วยเหลือกันเป็นทีม เช่นฟุตบอล) และ "จะ" มีระบบเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของกลุ่ม ผ่านแอ๊ปบนมือถือ คล้ายๆ กับกลุ่ม LINE นัดทำกิจกรรมร่วมกันได้ผ่านมือถือ นัดกันไปร่วมชุมนุมใน event ที่จัดพิเศษ มีโปเกม่อนพิเศษให้ตามล่า และมีรางวัลพิเศษยั่วใจให้แก่ทีมผู้ชนะ (ตุ๊กตาปิ๊กาจู้ ?)
- ข้อได้เปรียบของ Pokémon Go คือสมัยก่อนท่านเคยรวมกลุ่มตีแบดฯ รำไท้เก๊ก ฯลฯ แต่เลิกไปเพราะอะไร ? งานรัดตัว ไม่มีเวลา ฯลฯ วันนี้ PoGo ที่อยู่ใกล้ตัวบนมือถือท่าน เป็นข้ออ้างใหม่ให้ท่านกลับไป "ใช้เวลาว่าง" ได้ "สังคม" และสนุกสนานกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์หน้าใหม่ ที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกัน ได้อีกครั้ง
- แต่ที่แตกต่างกับเกมส์ออนไลน์อื่นๆ อย่าง World of Warcraft คือในเกมส์เหล่านั้นท่านจะได้คุยแค่กับอวาตาร์ของเพื่อนๆ ที่ออนไลน์อยู่หน้าคอมฯ แต่ ถ้าเป็น Pogo ท่านต้องเดินทางออกไปพบปะผู้คนจริงๆ อาจไปกับพี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนฝูง หรือเพื่อนหน้าใหม่ที่พบจากเกมส์ นี่คือคนจริงๆ และคือความสนุกที่แท้จริง ตัวเกมส์เป็นเพียง "สื่อ" ที่ชักนำให้เกิดการพบปะและใช้เวลาร่วมกัน (หุ่นไล่กา ขอเสียงหน่อย?)
และเทรนด์ใหม่นี้จะไม่ตายไปง่ายๆ ดูจากเกมส์ Ingress ที่ยังมีชุมชนเหนียวแน่นหลังจากเวลาผ่านไป 4 ปี ส่วน PoGo ? ที่เล่นกันอยู่ทุกวันนี้เป็นแค่ส่วน "ยอด" ของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นครับ
UPDATE ล่าสุด ขณะนี้ทาง Niantic กำลังได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจากกลุ่มธุรกิจ และผู้พัฒนาโปรแกรมจำนวนมาก ที่มาขอใช้เกมส์ "พ่วง" เข้ากับระบบของตน จึงเป็นไปได้สูงมาก ว่าจะมีการอนุญาตให้มี "โปรแกรมเสริม" Add on ที่ต่อยอดจากเกมส์ไปสู่ธุรกิจ หรือ "เกมส์ส่วนต่อขยาย" ในรูปแบบต่างๆ ที่จะทำให้เกมส์นี้หลากหลายขยายตัวออกไปได้อีกไกลมาก
ตัวอย่างที่เปิดตัวไปแล้วคือ Pokémon Go บน Apple Watch แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น
ถ้าท่านคิดไม่ออกว่าเป็นยังไง ลองจินตนาการ ถึงการเข้าไปร้าน Mcdonald ที่ญี่ปุ่น เพื่อซื้อบิ๊คแม็ค แล้วโหลดแอ๊ป Pogo Mc Addon ที่ทำให้สามารถนำโปเกม่อนตัวแรร์บางชนิดในมือถือของท่าน มาสู้กับมิวทูในยิมของแม็ค ถ้าชนะจะได้ตุ๊กตาโปเกม่อนของจริงที่กอดได้เป็นรางวัล ฯลฯ
(ที่พูดถึง Mc เพราะเจ้านี้กลับไปบุกญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากเจ๊งคราวก่อน แต่รอบนี้ทุกสาขาเป็น PokéStop และเป็นความร่วมมือของ Niantic กับธุรกิจเพื่อทดลองแนวคิด เกมส์+ธุรกิจ)
ลิ้งค์ http://www.recode.net/2016/10/4/13166612/john-hanke-niantic-pokemon-go-recode-decode-podcast-transcript
แฮ๊คเกอร์ทั้งหลาย เป็นศัตรู สู้กันไปทำไม ? กลับใจหันมาเขียนเกมส์ Add on หาเงินใช้กันเถอะ !
คำคมวันนี้ "You can't sort of corner the market on creativity" - John Hanke คุณไม่สามารถผูกขาดตลาด ในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ - จอห์น แฮงกี้