***ชี้แจงเพิ่มเติมจ้า***
หลังจากที่มีประเด็นคำถามข้อสงสัยถาโถมเข้ามา
เราเลยติดต่อไปยังทางสายการบินเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นั่งในเครื่อง A330-300 ซึ่งสรุปใจความได้ดังนี้จ้า
- โดยปกติเครื่อง A330-300 ที่บินจากกรุงเทพไปปูซาน ซึ่งเป็นไฟลท์สั้นๆ จึงไม่ทำการเปิดขายชั้น Fisrt Class (หรือเรียกง่ายๆว่าปิดไว้ไม่ให้ใช้ จะเปิดบริการแค่ชั้น Business กับ Eco เท่านั้น)
- เนื่องจากกรุ๊ปที่เรารว่มเดินทางในครั้งนี้เป็นกรุ๊ปพิเศษ ทาง KE จึงอนุญาตให้เราได้นั่งในชั้น Fisrt Class ซึ่งในส่วนของ First Class บนเครื่อง A330-300 จะมีลักษณะที่นั่งแบบ Sleeper (Ottoman) อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์
https://www.koreanair.com/content/koreanair/global/th/traveling/classes-of-service.html#_ โดยที่มีความพิเศษขึ้นมาจากที่นั่ง Business ตรงที่
มีพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นและสามารถปรับนอนเอนราบได้ 180 องศาพร้อมกับเก้าอี้วางขาช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายยิ่งขึ้น
- และประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับอาหาร ..อย่างที่แจ้งไปตั้งแต่ข้อที่หนึ่งว่า โดยปกติ A330-300 ที่บินไปปูซานจะมีบริการแค่ชั้น Business และ Eco เท่านั้น ดังนั้นอาหารที่เสิร์ฟจึงเป็นอาหารแบบชั้น Business นั่นเองจ้า
ต้องขอโทษจริงๆนะฮ้าบ ที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนลง จึงอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ในเรื่องของที่นั่งและอาหาร เนื่องจากรีวิวนี้เป็นครั้งแรกจริงๆที่เรามีโอกาสได้ลองนั่งอะไรที่พิเศษกว่า Eco เลยไม่มีข้อมูลเชิงเปรียบเทียบใดๆเลย
______________________________________________________________
ฮัลโหล เซย์ไฮเพื่อนๆทุกคน...นี่เป็นครั้งแรกของการรีวิวนั่ง First class ของเราเลยนะ หลังจากที่ซุ่มเขียนกระทู้อื่นอยู่นานมว๊าก ก็ยังไม่มีโอกาสสักที แต่ในที่สุดเราก็มีวันนี้แล้ว เย้ๆ โดยเหตุแห่งการรีวิวครั้งนี้ มาจากทาง Korean Air กับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) เค้าได้จัดทริปไปเที่ยวปูซานแบบเอ็กคลูซีฟขึ้นมากัน ซึ่งเราเองก็ได้มีโอกาสไปร่วมทริปครั้งนี้ด้วยนะ...
เราเริ่มกันดีกว่า...เที่ยวบินที่เราเดินทางครั้งนี้จะเป็นเที่ยวบินตรง KE 662 ของ Korean Air เวลาออกเดินทาง 01.45 น. ถึงปูซาน 09.00 น. ซึ่งโดยปกติแล้ว Korean Air เค้าจะมีเที่ยวบินที่บินระหว่างกรุงเทพ และเกาหลีอยู่ 39 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เมืองปูซานที่เราไปกันนี้ ถือเป็นเส้นทางสำหรับต่อเครื่องไปที่จีน และญี่ปุ่นยอดฮิตเลย
***เครื่องที่เรานั่งจริงๆคือ A330-300 แต่ในรูปเป็น A380 ขอยืมรูปมาจาก Korean air ใน flickr นะครับ แฮร่***
วันเดินทาง - ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... เรามา Standby ที่สุวรรณภูมิตั้งแต่ 4 ทุ่มเลยนะ ไม่ค่อยตื่นเต้นท่าไหร่หรอก ฮี่ๆ ก่อนจะไป
เช็กอิน ขอแว้บไปแลกเงินก่อนแล้วกัน สำหรับใครที่ลืมแลกเงินมา สามารถมาแลกที่สนามบินได้เลยนะ เรตดีกว่าธนาคาร แล้วก็พอๆ กับแลกข้างนอกด้วย พิกัดจะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน (ชั้น B) ติดกับสถานี Airport Link เลยจ้า ข้ามๆ ช่วงเช็กอินกับตม.ไปนะ …
เราตื่นเต้นอยากจะเม้าธ์มอยเรื่องเลานจ์มากกว่า ฮ่าๆๆ เลานจ์ที่เรามาใช้บริการกันวันนี้ จะเป็นของ CIP Lounge หรือของแบรนด์ Louis' Tavern อันเดียวกันตะหล๊า… ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วสนามบินเลย แต่เราจะได้เข้าโซนไหน ยังไง พนง. เค้าจะบอกตอนเช็กอินนะ ส่วนใครนั่ง Business Class จะใช้เลานจ์ของ Air France แทน แยกกันไป
แค่ย่างก้าวเข้าไปเท่านั้น รู้สึกถึงความเป็นวีไอพีขึ้นมาทันที แน่สิ !! ครั้งนี้เรามาแบบไม่ธรรมดา ปกติคือEco ตล้อดตลอด ฮ่าๆๆ เลานจ์นี้เป็นเลานจ์กลาง มีหลายสายการบินที่ให้ลูกค้ามาใช้บริการ หนึ่งในนั้นคือ Korean Air ของเรานั่นเอง
หรูหราป่าวล่า? แต่เราว่าดีงามเลย พื้นที่กว้างขวาง คนไม่แน่นเหมือนที่คิด จะนั่งหรือจะนอนงีบสักหน่อยก็ยังได้ ซึ่งในส่วนของเรานั้น !!
ขอเลือกกิน อย่าได้รอช้า...ลุย
เชิ้บๆ อารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้เห็นอาหาร...
ต้องบอกก่อนว่าอาหารหนักๆ ไม่ค่อยมีนะ ที่นี่เน้นแต่เบาๆ สบายท้อง พวกพัฟ, พาย และซุปต่างๆ ส่วนใครอยากเน้นหนักนิดนึง เค้ามีสปาเก็ตตี้ให้ลองกัน ทั้งหมดนี้เป็นฮาลาลหมดเลย คนที่เป็นมุสลิมทานได้ไม่มีปัญหาฮะ
มาแล้ว…ทีเด็ดที่เราช้อบชอบ สปาเก็ตตี้ซอสไก่ อร่อยเด็ดมาก อันนี้ต้องยกนิ้วให้ !! ส่วนซุปฟักทอง อันนี้ไม่ได้แตะเลยนะ เพราะส่วนตัวไม่ชอบอ่า
เอ้า!! ใครกระหายน้ำ เดินไปส่องตู้ข้างๆได้เลยค้าบ มีจัดไว้แน่นเต็มตู้ เลือกตามสบาย ทั้งน้ำเปล่า, น้ำอัดลม, เบียร์ครบพร้อมมาก ณ จุดนี้
ส่วนใครอยากโด๊ปชา กาแฟ มามุงตรงนี้เลย แต่ขอแนะนำนิดนุงนะ อย่าจัดเยอะเกิน เดี๋ยวจะไปตาสว่างอยู่บนเครื่อง จะหาว่าเราไม่เตือนนะ
โซนนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด !! ไฮไลต์เด็ดนะเนี่ย …. ของเด่นของดีประจำ CIP Lounge
ซูมไปอีกนิด ขยายอีกหน่อย ฮ่าๆๆ เรานิไปยืนจดๆ จ้องๆ อยู่นานมาก ... แอบสงสัย ++ ต้องตั้งโชว์ล่อตาล่อใจขนาดนี้เลยหรอ ใครชอบจิบไวน์ จิบแอลฯ มีฟินนะยูว์ เค้ามีวางเรียงรายไว้ให้แล้ว ไม่มีบาร์เทนเดอร์ให้นะจ๊ะ อยากลองแบบไหน ผสมเอง ดื่มเอง เมาเองเลยจ้า (คอไม่แข็งถอยปายค้าบ... )
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ไปกันๆ ... ก่อนขึ้นเครื่องเราแอบเขินนิดนึงนะ ทำขายหน้า แฮร่ๆ เหตุเกิดจากเราเดินขึ้นเครื่องผิดทาง เพราะโดยปกติแล้ว Korean Air เค้าจะมีทางเชื่อมงวงช้างเข้าเครื่องให้ 2 ทาง คือ ทางเข้าปกติ กับทางเข้า Sky Priority สำหรับ First Class กับ Business Class แต่ด้วยความเคยชินของเราเองก็เลยเดินดุ่มๆ ไปเข้าทางปกติ ปรากฏว่าเข้าผิดทางจ้า เงิบไป...
เจอแล้ว นี่ถ้าไม่ได้พี่แอร์คนสวยบอกทางให้คงยืนงงอยู่นานว่าเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ หายไปไหนกันหมด ถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะไม่ได้นั่ง A380 แต่รับรองว่ามีความสะดวกสบายแน่นอน อันนี้เราสัมผัสมาแล้ว ปกติไม่เคยหลับบนเครื่องเลยสักครั้งนะ แต่ครั้งนี้ตียาวไปยันสุดทางเลยฮะ คร่อก Zzz
ทาดา !! ที่นอน เอ้ย ที่นั่งของเค้าเอง First Class ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ สำหรับชั้นนี้ จะมีแค่ 1 แถว 6 ที่นั่ง ซึ่งอยู่ด้านหน้าเครื่องบิน ติดกับ Cockpit (ห้องนักบิน) ความดีงามของที่นั่งคือระยะห่างของเบาะระหว่างหน้าจอมอนิเตอร์กับที่นั่งกว้างมากฮะ มองแบบคร่าวๆ ความกว้างชั้น First Class จะเท่ากับ 3 แถวของชั้น Eco เลย ยืดขาได้สุด เรานิปลื้มมากอะ ถึงแม้ว่าเราเองจะยังไม่เคยนั่ง First Class ของสายอื่นมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าให้เอาความรู้สึกมาวัดกันแล้ว แค่ได้มานั่ง First Class Korean Air ครั้งนี้เท่านั้น เราก็ไม่อยากกลับไปนั่ง Eco อีกเลย แฮร่ๆ
- เบาะ อย่างที่บอกมันสบายมาก แทบไม่ต้องลุกขึ้นเลย มีปุ่มให้ปรับข้างเบาะ ไล่ระดับที่นั่ง
- สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ผ้าห่ม หมอนมีให้ครบ เรานิอยากจิ๊กผ้าห่มกลับบ้านมาก นุ่มนิ่มสบายสุด
- มี Sleeper วางไว้ให้ทุกที่นั่ง พอขึ้นเครื่องบินมาปุ๊บ เค้าก็ให้เปลี่ยนเลย
- จอมอนิเตอร์ อันนี้กว้างกว่าที่นั่งชั้นอื่นๆ เยอะเลยนะ ขนาดปรับเบาะเอนนอน ยังมองเห็นหน้าจอเลย (First Class 23 นิ้ว, Business Class 21.5 นิ้ว, Eco 18 นิ้ว)
- ห้องน้ำก็แยกต่างหาก เป็นของ First Class เลย ไม่แคบไม่กว้าง แต่ใหญ่กว่าปกติอยู่ เอาเป็นว่าไม่อึดอัด ในห้องน้ำก็จะมีชุดทำความสะอาด จำพวกแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ด้วย
หลายคนคงงงว่าแล้ว First Class กับ Business Class มันต่างกันยังไงน้า ตอนแรกเราก็งงเหมือนกัน มองผ่านๆเหมือนกันเป๊ะ!! แต่มันมีความพิเศษอยู่นะฮะ เพราะ First Class เค้าจะมีชั้นวางของใต้จอมอนิเตอร์ แล้วก็มีที่พักเท้าใต้ชั้นวางของอีกทีด้วยนะ ซึ่งเวลาเรากางเบาะแล้ว มันจะสามารถวางเท้าได้พอดีเป๊ะเลย เป็นการเพิ่ม space ที่วางขาไปในตัวเลย ซึ่งถ้าเป็นคนไซส์อปป้า สูงๆ นิสบายเลย ไม่เมื่อยขาแน่ๆ
ได้เวลามื้ออาหารแล้วสิ จัดมา!! พร้อมเสมอ ... พอเครื่องขึ้นปุ๊บ พี่แอร์ก็รีบจัดแจงเอาผ้ามาปูโต๊ะให้ เอาอาหารมาเสิร์ฟโดยทันที โดยเมนู Main Course จะมี 2 แบบให้เลือก เป็นแบบยุโรปกับเอเชียนะ
ซูมสักหน่อย ... อันนี้ขอยืมคนข้างๆ มาถ่ายนะ เพราะเราไม่ได้เลือกแบบยุโรปมา ชั้นที่นั่ง First Class และ Business Class เค้าจะจัดอาหารมาเสิร์ฟด้วยจาน ชาม ช้อน-ส้อม กระเบื้องทั้งหมดนะ เหมือนที่ใช้กันที่บ้านเลย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากกว่าอยู่บนเครื่องบิน
ปิดท้ายเที่ยวบินขาไปปูซานด้วยเมนูนี้เลย...ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น สั่งลาอาหารแบบไทยๆสักหน่อย รสชาติใช้ได้เลยหล่ะ กลมกล่อมกำลังดี อันนี้ไม่ได้อวยเน้อ อร่อยจริงๆ
ทั้งหมดนี้คือเที่ยวบินขาไป จากกรุงเทพ-ไปปูซาน ด้วยที่นั่ง First Class นะฮะ
[SR] +++ รีวิว First Class, First Time บินตรงไปปูซานกับ Korean Air เกร๋ๆ +++
หลังจากที่มีประเด็นคำถามข้อสงสัยถาโถมเข้ามา
เราเลยติดต่อไปยังทางสายการบินเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นั่งในเครื่อง A330-300 ซึ่งสรุปใจความได้ดังนี้จ้า
- โดยปกติเครื่อง A330-300 ที่บินจากกรุงเทพไปปูซาน ซึ่งเป็นไฟลท์สั้นๆ จึงไม่ทำการเปิดขายชั้น Fisrt Class (หรือเรียกง่ายๆว่าปิดไว้ไม่ให้ใช้ จะเปิดบริการแค่ชั้น Business กับ Eco เท่านั้น)
- เนื่องจากกรุ๊ปที่เรารว่มเดินทางในครั้งนี้เป็นกรุ๊ปพิเศษ ทาง KE จึงอนุญาตให้เราได้นั่งในชั้น Fisrt Class ซึ่งในส่วนของ First Class บนเครื่อง A330-300 จะมีลักษณะที่นั่งแบบ Sleeper (Ottoman) อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.koreanair.com/content/koreanair/global/th/traveling/classes-of-service.html#_ โดยที่มีความพิเศษขึ้นมาจากที่นั่ง Business ตรงที่
มีพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นและสามารถปรับนอนเอนราบได้ 180 องศาพร้อมกับเก้าอี้วางขาช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายยิ่งขึ้น
- และประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับอาหาร ..อย่างที่แจ้งไปตั้งแต่ข้อที่หนึ่งว่า โดยปกติ A330-300 ที่บินไปปูซานจะมีบริการแค่ชั้น Business และ Eco เท่านั้น ดังนั้นอาหารที่เสิร์ฟจึงเป็นอาหารแบบชั้น Business นั่นเองจ้า
ต้องขอโทษจริงๆนะฮ้าบ ที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนลง จึงอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ในเรื่องของที่นั่งและอาหาร เนื่องจากรีวิวนี้เป็นครั้งแรกจริงๆที่เรามีโอกาสได้ลองนั่งอะไรที่พิเศษกว่า Eco เลยไม่มีข้อมูลเชิงเปรียบเทียบใดๆเลย
______________________________________________________________
ฮัลโหล เซย์ไฮเพื่อนๆทุกคน...นี่เป็นครั้งแรกของการรีวิวนั่ง First class ของเราเลยนะ หลังจากที่ซุ่มเขียนกระทู้อื่นอยู่นานมว๊าก ก็ยังไม่มีโอกาสสักที แต่ในที่สุดเราก็มีวันนี้แล้ว เย้ๆ โดยเหตุแห่งการรีวิวครั้งนี้ มาจากทาง Korean Air กับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) เค้าได้จัดทริปไปเที่ยวปูซานแบบเอ็กคลูซีฟขึ้นมากัน ซึ่งเราเองก็ได้มีโอกาสไปร่วมทริปครั้งนี้ด้วยนะ...
เราเริ่มกันดีกว่า...เที่ยวบินที่เราเดินทางครั้งนี้จะเป็นเที่ยวบินตรง KE 662 ของ Korean Air เวลาออกเดินทาง 01.45 น. ถึงปูซาน 09.00 น. ซึ่งโดยปกติแล้ว Korean Air เค้าจะมีเที่ยวบินที่บินระหว่างกรุงเทพ และเกาหลีอยู่ 39 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เมืองปูซานที่เราไปกันนี้ ถือเป็นเส้นทางสำหรับต่อเครื่องไปที่จีน และญี่ปุ่นยอดฮิตเลย
***เครื่องที่เรานั่งจริงๆคือ A330-300 แต่ในรูปเป็น A380 ขอยืมรูปมาจาก Korean air ใน flickr นะครับ แฮร่***
วันเดินทาง - ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... เรามา Standby ที่สุวรรณภูมิตั้งแต่ 4 ทุ่มเลยนะ ไม่ค่อยตื่นเต้นท่าไหร่หรอก ฮี่ๆ ก่อนจะไป
เช็กอิน ขอแว้บไปแลกเงินก่อนแล้วกัน สำหรับใครที่ลืมแลกเงินมา สามารถมาแลกที่สนามบินได้เลยนะ เรตดีกว่าธนาคาร แล้วก็พอๆ กับแลกข้างนอกด้วย พิกัดจะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน (ชั้น B) ติดกับสถานี Airport Link เลยจ้า ข้ามๆ ช่วงเช็กอินกับตม.ไปนะ …
เราตื่นเต้นอยากจะเม้าธ์มอยเรื่องเลานจ์มากกว่า ฮ่าๆๆ เลานจ์ที่เรามาใช้บริการกันวันนี้ จะเป็นของ CIP Lounge หรือของแบรนด์ Louis' Tavern อันเดียวกันตะหล๊า… ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วสนามบินเลย แต่เราจะได้เข้าโซนไหน ยังไง พนง. เค้าจะบอกตอนเช็กอินนะ ส่วนใครนั่ง Business Class จะใช้เลานจ์ของ Air France แทน แยกกันไป
แค่ย่างก้าวเข้าไปเท่านั้น รู้สึกถึงความเป็นวีไอพีขึ้นมาทันที แน่สิ !! ครั้งนี้เรามาแบบไม่ธรรมดา ปกติคือEco ตล้อดตลอด ฮ่าๆๆ เลานจ์นี้เป็นเลานจ์กลาง มีหลายสายการบินที่ให้ลูกค้ามาใช้บริการ หนึ่งในนั้นคือ Korean Air ของเรานั่นเอง
หรูหราป่าวล่า? แต่เราว่าดีงามเลย พื้นที่กว้างขวาง คนไม่แน่นเหมือนที่คิด จะนั่งหรือจะนอนงีบสักหน่อยก็ยังได้ ซึ่งในส่วนของเรานั้น !! ขอเลือกกิน อย่าได้รอช้า...ลุย
เชิ้บๆ อารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้เห็นอาหาร...
ต้องบอกก่อนว่าอาหารหนักๆ ไม่ค่อยมีนะ ที่นี่เน้นแต่เบาๆ สบายท้อง พวกพัฟ, พาย และซุปต่างๆ ส่วนใครอยากเน้นหนักนิดนึง เค้ามีสปาเก็ตตี้ให้ลองกัน ทั้งหมดนี้เป็นฮาลาลหมดเลย คนที่เป็นมุสลิมทานได้ไม่มีปัญหาฮะ
มาแล้ว…ทีเด็ดที่เราช้อบชอบ สปาเก็ตตี้ซอสไก่ อร่อยเด็ดมาก อันนี้ต้องยกนิ้วให้ !! ส่วนซุปฟักทอง อันนี้ไม่ได้แตะเลยนะ เพราะส่วนตัวไม่ชอบอ่า
เอ้า!! ใครกระหายน้ำ เดินไปส่องตู้ข้างๆได้เลยค้าบ มีจัดไว้แน่นเต็มตู้ เลือกตามสบาย ทั้งน้ำเปล่า, น้ำอัดลม, เบียร์ครบพร้อมมาก ณ จุดนี้
ส่วนใครอยากโด๊ปชา กาแฟ มามุงตรงนี้เลย แต่ขอแนะนำนิดนุงนะ อย่าจัดเยอะเกิน เดี๋ยวจะไปตาสว่างอยู่บนเครื่อง จะหาว่าเราไม่เตือนนะ
โซนนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด !! ไฮไลต์เด็ดนะเนี่ย …. ของเด่นของดีประจำ CIP Lounge
ซูมไปอีกนิด ขยายอีกหน่อย ฮ่าๆๆ เรานิไปยืนจดๆ จ้องๆ อยู่นานมาก ... แอบสงสัย ++ ต้องตั้งโชว์ล่อตาล่อใจขนาดนี้เลยหรอ ใครชอบจิบไวน์ จิบแอลฯ มีฟินนะยูว์ เค้ามีวางเรียงรายไว้ให้แล้ว ไม่มีบาร์เทนเดอร์ให้นะจ๊ะ อยากลองแบบไหน ผสมเอง ดื่มเอง เมาเองเลยจ้า (คอไม่แข็งถอยปายค้าบ... )
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ไปกันๆ ... ก่อนขึ้นเครื่องเราแอบเขินนิดนึงนะ ทำขายหน้า แฮร่ๆ เหตุเกิดจากเราเดินขึ้นเครื่องผิดทาง เพราะโดยปกติแล้ว Korean Air เค้าจะมีทางเชื่อมงวงช้างเข้าเครื่องให้ 2 ทาง คือ ทางเข้าปกติ กับทางเข้า Sky Priority สำหรับ First Class กับ Business Class แต่ด้วยความเคยชินของเราเองก็เลยเดินดุ่มๆ ไปเข้าทางปกติ ปรากฏว่าเข้าผิดทางจ้า เงิบไป...
เจอแล้ว นี่ถ้าไม่ได้พี่แอร์คนสวยบอกทางให้คงยืนงงอยู่นานว่าเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ หายไปไหนกันหมด ถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะไม่ได้นั่ง A380 แต่รับรองว่ามีความสะดวกสบายแน่นอน อันนี้เราสัมผัสมาแล้ว ปกติไม่เคยหลับบนเครื่องเลยสักครั้งนะ แต่ครั้งนี้ตียาวไปยันสุดทางเลยฮะ คร่อก Zzz
ทาดา !! ที่นอน เอ้ย ที่นั่งของเค้าเอง First Class ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ สำหรับชั้นนี้ จะมีแค่ 1 แถว 6 ที่นั่ง ซึ่งอยู่ด้านหน้าเครื่องบิน ติดกับ Cockpit (ห้องนักบิน) ความดีงามของที่นั่งคือระยะห่างของเบาะระหว่างหน้าจอมอนิเตอร์กับที่นั่งกว้างมากฮะ มองแบบคร่าวๆ ความกว้างชั้น First Class จะเท่ากับ 3 แถวของชั้น Eco เลย ยืดขาได้สุด เรานิปลื้มมากอะ ถึงแม้ว่าเราเองจะยังไม่เคยนั่ง First Class ของสายอื่นมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าให้เอาความรู้สึกมาวัดกันแล้ว แค่ได้มานั่ง First Class Korean Air ครั้งนี้เท่านั้น เราก็ไม่อยากกลับไปนั่ง Eco อีกเลย แฮร่ๆ
- เบาะ อย่างที่บอกมันสบายมาก แทบไม่ต้องลุกขึ้นเลย มีปุ่มให้ปรับข้างเบาะ ไล่ระดับที่นั่ง
- สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ผ้าห่ม หมอนมีให้ครบ เรานิอยากจิ๊กผ้าห่มกลับบ้านมาก นุ่มนิ่มสบายสุด
- มี Sleeper วางไว้ให้ทุกที่นั่ง พอขึ้นเครื่องบินมาปุ๊บ เค้าก็ให้เปลี่ยนเลย
- จอมอนิเตอร์ อันนี้กว้างกว่าที่นั่งชั้นอื่นๆ เยอะเลยนะ ขนาดปรับเบาะเอนนอน ยังมองเห็นหน้าจอเลย (First Class 23 นิ้ว, Business Class 21.5 นิ้ว, Eco 18 นิ้ว)
- ห้องน้ำก็แยกต่างหาก เป็นของ First Class เลย ไม่แคบไม่กว้าง แต่ใหญ่กว่าปกติอยู่ เอาเป็นว่าไม่อึดอัด ในห้องน้ำก็จะมีชุดทำความสะอาด จำพวกแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ด้วย
หลายคนคงงงว่าแล้ว First Class กับ Business Class มันต่างกันยังไงน้า ตอนแรกเราก็งงเหมือนกัน มองผ่านๆเหมือนกันเป๊ะ!! แต่มันมีความพิเศษอยู่นะฮะ เพราะ First Class เค้าจะมีชั้นวางของใต้จอมอนิเตอร์ แล้วก็มีที่พักเท้าใต้ชั้นวางของอีกทีด้วยนะ ซึ่งเวลาเรากางเบาะแล้ว มันจะสามารถวางเท้าได้พอดีเป๊ะเลย เป็นการเพิ่ม space ที่วางขาไปในตัวเลย ซึ่งถ้าเป็นคนไซส์อปป้า สูงๆ นิสบายเลย ไม่เมื่อยขาแน่ๆ
ได้เวลามื้ออาหารแล้วสิ จัดมา!! พร้อมเสมอ ... พอเครื่องขึ้นปุ๊บ พี่แอร์ก็รีบจัดแจงเอาผ้ามาปูโต๊ะให้ เอาอาหารมาเสิร์ฟโดยทันที โดยเมนู Main Course จะมี 2 แบบให้เลือก เป็นแบบยุโรปกับเอเชียนะ
ซูมสักหน่อย ... อันนี้ขอยืมคนข้างๆ มาถ่ายนะ เพราะเราไม่ได้เลือกแบบยุโรปมา ชั้นที่นั่ง First Class และ Business Class เค้าจะจัดอาหารมาเสิร์ฟด้วยจาน ชาม ช้อน-ส้อม กระเบื้องทั้งหมดนะ เหมือนที่ใช้กันที่บ้านเลย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากกว่าอยู่บนเครื่องบิน
ปิดท้ายเที่ยวบินขาไปปูซานด้วยเมนูนี้เลย...ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น สั่งลาอาหารแบบไทยๆสักหน่อย รสชาติใช้ได้เลยหล่ะ กลมกล่อมกำลังดี อันนี้ไม่ได้อวยเน้อ อร่อยจริงๆ
ทั้งหมดนี้คือเที่ยวบินขาไป จากกรุงเทพ-ไปปูซาน ด้วยที่นั่ง First Class นะฮะ