WESTWORLD ซีรีส์อเมริกันของ HBO ที่ทุกคนกำลังจับตามองว่าน่าจะมาแรงในปลายปีนี้ เพิ่งออกอากาศตอนแรกไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2016 (แต่มีรอบ Premiere วันที่ 2 ตุลาคม) โปรดิวเซอร์คือ J. J. Abrams และผู้เขียนบทคือ Jonathan Nolan (น้องชาย Christopher Nolan) ร่วมกับ Lisa Joy (ภรรยาของ Jonathan) แถมมีดาราดังหลายคนนับตั้งแต่ Evan Rachel Wood, James Marsden, Ed Harris และ Anthony Hopkins เรียงหน้ากันเข้ามา พร้อมทั้งเนื้อเรื่องมาแนว Sci-fi โลกอนาคตผสมโลกคาวบอยตะวันตก เกริ่นมาแค่นี้คนก็อยากดูแล้ว
* * * * *
เปิดเรื่องมาคือเป็นบรรยากาศยุคคาวบอย ยุคที่ผู้ชายขี่ม้า ยิงปืน หญิงสาวมีความอ่อนหวานบอบบาง มีโจรที่หลบซ่อนตามหุบเขา มีนายอำเภอดูแลบ้านเมือง โรงเหล้าเคล้าไปด้วยสุราและหญิงคณิกา เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปได้ไม่นานนักจึงได้เฉลยเห็นว่า แท้จริงโลกคาวบอยแห่งนี้เป็นเพียงโลกจำลองที่สร้างโดยบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เพื่อให้บรรดาเศรษฐีมีเงินมาเสพความบันเทิงจากโลกจำลองสมมุติแห่งนี้ ตัวละครที่เราเห็นในโลกนั้นคือหุ่นยนต์ทั้งหมด ปะปนไปกับมนุษย์จริงๆ ที่จ่ายเงินเข้ามาเที่ยวชมโลกสมัยคาวบอย ในเรื่องจะเรียกบรรดาหุ่นยนต์ว่า Host (เจ้าบ้าน) และเรียกมนุษย์ว่า Guest (แขก) และเรียกโลกในนั้นว่า The Park (น่าจะมาจาก Theme Park หรือสวนสนุก)
ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเกม RPG ที่ผู้เล่นเกมสามารถโต้ตอบกับตัวละครในเกมได้ โดยที่ตัวละครในเกมเองก็มีบทบาทเฉพาะของแต่ละตัว แต่ใน Westworld ตัวละครในเกมอาจมีเส้นเรื่องที่หลากหลายมากกว่าเกมที่พวกเราเล่นกันในปัจจุบัน เพราะตัวละครอาจดำเนินเรื่องราวของตนเองต่างไปจากเส้นเรื่องปกติได้ หากบรรดา Guest มามีปฏิสัมพันธ์ด้วยหรือเหตุการณ์ในเรื่องต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ โดยปกติแล้วทุกครั้งที่วันหนึ่งหมดลง พวกหุ่นยนต์จะถูกลบความทรงจำทิ้ง และเช้าวันรุ่งขึ้นก็จะตื่นขึ้นมารับบทบาทเดิมอีกครั้ง โดยจำเรื่องราวของวันวานไม่ได้เลย
จากนั้นเนื้อเรื่องก็ขยายให้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกและโลกจำลองซ้อนทับกันไป เหตุการณ์เริ่มเกิดปัญหาขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเจ้าของบริษัทนามว่า Robert Ford (รับบทโดย Anthony Hopkins) ได้ทำการอัพเดต โปรแกรมของหุ่นยนต์เหล่านี้ใหม่ ใช้ชื่อว่า “Reveries” (แปลว่า ห้วงความนึกคิด หรือ ภวังค์) ซึ่งทำให้หุ่นยนต์ราวกับจะระลึกความทรงจำได้รางๆ ซึ่งส่งผลให้มีขยับเคลื่อนไหวและมีสีหน้าคล้ายกับมนุษย์จริงๆ มากขึ้น เมื่ออัพเดต โปรแกรมนี้แล้ว หุ่นยนต์บางตัวกลับเริ่มดำเนินเรื่องราวของตนเองผิดไปจากลักษณะนิสัยหรือบทบาทปกติ บางตัวราวกับมีความรู้สึกนึกคิดของตนเอง จนนี่เองอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหลายที่จะตามมา
* * * * *
ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงบทจากนิยายชื่อเรื่องเดียวกัน โดยผู้เขียน Michael Crichton (เขียนเรื่อง Jurassic Park) นอกจากนี้ เมื่อราว 30 ปีก่อน นิยายดังกล่าวยังเคยนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ยาวสองชั่วโมงเมื่อปี 1973 (กำกับโดย Michael Crichton ผู้เขียนนิยายเองนี่ล่ะ) ก็ต้องมาดูกันว่า ครั้งนี้เมื่อนำมาทำเป็นซีรีส์ความยาว 10 ตอนแล้วจะมีการขยายสเกลเนื้อเรื่องหรือดัดแปลงให้แตกต่างจากเดิมอย่างไรบ้าง
ฉากและการถ่ายทำนับว่าดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉากในเมืองคาวบอย หรือฉากในอาคารฝ่ายบริหาร Theme Park ที่เต็มไปด้วยห้องทดลอง หรือโกดังเก็บหุ่นยนต์เก่า มุมมองจากตึกสูงเสียดฟ้าลงไปก็แปลกตาดี โครงสร้างของอาคารและโลกจำลองดูมีความซับซ้อนที่รอการเฉลยในตอนต่อๆ ไป
หลังจากดูจบแล้วเราพบว่าเนื้อหาใส่ประเด็นมาหลายอย่าง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เสียหมด ประเด็นส่วนใหญ่เคยถกไปในภาพยนตร์หลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเรื่อง มนุษย์กับ AI หรือเรื่อง Free will แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังพบว่า ซีรีส์เรื่องนี้สามารถแตกประเด็นและลงลึกไปได้อีกเยอะ แล้วแต่ว่าเขาจะเล่นกับประเด็นใด ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์คืออะไร หรือปรัชญาว่าด้วยความจริงที่เราเห็นเป็นความจริงระดับไหน เนื้อเรื่องยังพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดในโลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือการเปรียบหน่วยความจำในหุ่นยนต์กับความทรงจำในชีวิต กระทั่งประเด็นทางเลือกที่เราตัดสินใจนั้นเป็นการเลือกด้วยตนเองหรือถูกกำหนดมาแล้วตามบทบาทที่ได้รับ
แม้จะเพิ่งออกอากาศมาแค่ตอนแรกให้ชิมลางเท่านั้น แต่ก็อยากชวนให้ลองชมกันดู แล้วร่วมพูดคุยถกเถียงกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะแค่ตอนแรกก็มีคำถามมากมายให้คนดูขบคิดแล้ว!
* * * * *
(ในความเห็นที่ 1 จะเป็นการรีวิวแบบเปิดเผยเนื้อหาตอนที่ 1 ใครดูแล้วเชิญอ่านต่อได้เลย)
[Review] Westworld ซีรีส์ไซไฟมาใหม่ โลกคาวบอย+โลกอนาคต
WESTWORLD ซีรีส์อเมริกันของ HBO ที่ทุกคนกำลังจับตามองว่าน่าจะมาแรงในปลายปีนี้ เพิ่งออกอากาศตอนแรกไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2016 (แต่มีรอบ Premiere วันที่ 2 ตุลาคม) โปรดิวเซอร์คือ J. J. Abrams และผู้เขียนบทคือ Jonathan Nolan (น้องชาย Christopher Nolan) ร่วมกับ Lisa Joy (ภรรยาของ Jonathan) แถมมีดาราดังหลายคนนับตั้งแต่ Evan Rachel Wood, James Marsden, Ed Harris และ Anthony Hopkins เรียงหน้ากันเข้ามา พร้อมทั้งเนื้อเรื่องมาแนว Sci-fi โลกอนาคตผสมโลกคาวบอยตะวันตก เกริ่นมาแค่นี้คนก็อยากดูแล้ว
* * * * *
เปิดเรื่องมาคือเป็นบรรยากาศยุคคาวบอย ยุคที่ผู้ชายขี่ม้า ยิงปืน หญิงสาวมีความอ่อนหวานบอบบาง มีโจรที่หลบซ่อนตามหุบเขา มีนายอำเภอดูแลบ้านเมือง โรงเหล้าเคล้าไปด้วยสุราและหญิงคณิกา เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปได้ไม่นานนักจึงได้เฉลยเห็นว่า แท้จริงโลกคาวบอยแห่งนี้เป็นเพียงโลกจำลองที่สร้างโดยบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เพื่อให้บรรดาเศรษฐีมีเงินมาเสพความบันเทิงจากโลกจำลองสมมุติแห่งนี้ ตัวละครที่เราเห็นในโลกนั้นคือหุ่นยนต์ทั้งหมด ปะปนไปกับมนุษย์จริงๆ ที่จ่ายเงินเข้ามาเที่ยวชมโลกสมัยคาวบอย ในเรื่องจะเรียกบรรดาหุ่นยนต์ว่า Host (เจ้าบ้าน) และเรียกมนุษย์ว่า Guest (แขก) และเรียกโลกในนั้นว่า The Park (น่าจะมาจาก Theme Park หรือสวนสนุก)
ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเกม RPG ที่ผู้เล่นเกมสามารถโต้ตอบกับตัวละครในเกมได้ โดยที่ตัวละครในเกมเองก็มีบทบาทเฉพาะของแต่ละตัว แต่ใน Westworld ตัวละครในเกมอาจมีเส้นเรื่องที่หลากหลายมากกว่าเกมที่พวกเราเล่นกันในปัจจุบัน เพราะตัวละครอาจดำเนินเรื่องราวของตนเองต่างไปจากเส้นเรื่องปกติได้ หากบรรดา Guest มามีปฏิสัมพันธ์ด้วยหรือเหตุการณ์ในเรื่องต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ โดยปกติแล้วทุกครั้งที่วันหนึ่งหมดลง พวกหุ่นยนต์จะถูกลบความทรงจำทิ้ง และเช้าวันรุ่งขึ้นก็จะตื่นขึ้นมารับบทบาทเดิมอีกครั้ง โดยจำเรื่องราวของวันวานไม่ได้เลย
จากนั้นเนื้อเรื่องก็ขยายให้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกและโลกจำลองซ้อนทับกันไป เหตุการณ์เริ่มเกิดปัญหาขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเจ้าของบริษัทนามว่า Robert Ford (รับบทโดย Anthony Hopkins) ได้ทำการอัพเดต โปรแกรมของหุ่นยนต์เหล่านี้ใหม่ ใช้ชื่อว่า “Reveries” (แปลว่า ห้วงความนึกคิด หรือ ภวังค์) ซึ่งทำให้หุ่นยนต์ราวกับจะระลึกความทรงจำได้รางๆ ซึ่งส่งผลให้มีขยับเคลื่อนไหวและมีสีหน้าคล้ายกับมนุษย์จริงๆ มากขึ้น เมื่ออัพเดต โปรแกรมนี้แล้ว หุ่นยนต์บางตัวกลับเริ่มดำเนินเรื่องราวของตนเองผิดไปจากลักษณะนิสัยหรือบทบาทปกติ บางตัวราวกับมีความรู้สึกนึกคิดของตนเอง จนนี่เองอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหลายที่จะตามมา
* * * * *
ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงบทจากนิยายชื่อเรื่องเดียวกัน โดยผู้เขียน Michael Crichton (เขียนเรื่อง Jurassic Park) นอกจากนี้ เมื่อราว 30 ปีก่อน นิยายดังกล่าวยังเคยนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ยาวสองชั่วโมงเมื่อปี 1973 (กำกับโดย Michael Crichton ผู้เขียนนิยายเองนี่ล่ะ) ก็ต้องมาดูกันว่า ครั้งนี้เมื่อนำมาทำเป็นซีรีส์ความยาว 10 ตอนแล้วจะมีการขยายสเกลเนื้อเรื่องหรือดัดแปลงให้แตกต่างจากเดิมอย่างไรบ้าง
ฉากและการถ่ายทำนับว่าดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉากในเมืองคาวบอย หรือฉากในอาคารฝ่ายบริหาร Theme Park ที่เต็มไปด้วยห้องทดลอง หรือโกดังเก็บหุ่นยนต์เก่า มุมมองจากตึกสูงเสียดฟ้าลงไปก็แปลกตาดี โครงสร้างของอาคารและโลกจำลองดูมีความซับซ้อนที่รอการเฉลยในตอนต่อๆ ไป
หลังจากดูจบแล้วเราพบว่าเนื้อหาใส่ประเด็นมาหลายอย่าง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เสียหมด ประเด็นส่วนใหญ่เคยถกไปในภาพยนตร์หลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเรื่อง มนุษย์กับ AI หรือเรื่อง Free will แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังพบว่า ซีรีส์เรื่องนี้สามารถแตกประเด็นและลงลึกไปได้อีกเยอะ แล้วแต่ว่าเขาจะเล่นกับประเด็นใด ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์คืออะไร หรือปรัชญาว่าด้วยความจริงที่เราเห็นเป็นความจริงระดับไหน เนื้อเรื่องยังพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดในโลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือการเปรียบหน่วยความจำในหุ่นยนต์กับความทรงจำในชีวิต กระทั่งประเด็นทางเลือกที่เราตัดสินใจนั้นเป็นการเลือกด้วยตนเองหรือถูกกำหนดมาแล้วตามบทบาทที่ได้รับ
แม้จะเพิ่งออกอากาศมาแค่ตอนแรกให้ชิมลางเท่านั้น แต่ก็อยากชวนให้ลองชมกันดู แล้วร่วมพูดคุยถกเถียงกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะแค่ตอนแรกก็มีคำถามมากมายให้คนดูขบคิดแล้ว!
* * * * *
(ในความเห็นที่ 1 จะเป็นการรีวิวแบบเปิดเผยเนื้อหาตอนที่ 1 ใครดูแล้วเชิญอ่านต่อได้เลย)