สวัสดีครับ ผม Yod จากคลับ Chinchilla วันนี้ผมจะมารีวิวรถ SUV สายสปอร์ตที่เพิ่ง Minorchange ไปไม่นานนะครับ นั่นก็คือ Mazda CX-5 ซึ่งรุ่นที่จะรีวิวจะเป็นรุ่นท็อปสุดซึ่งก็คือรุ่นดีเซล AWD ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าใครที่ซื้อรุ่นก่อน Minorchange อาจเกิดอาการเซ็งได้เลยครับเพราะตัว Minorchange ได้อัดของล้ำๆมาให้เราเพียบเลยครับ
Mazda CX-5 ได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ถือเป็นรถมาสด้ารุ่นแรกที่เปิดตัวภายใต้เทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าในยุคใหม่และจะถูกนำไปใช้ในรถมาสด้ารุ่นอื่นๆในอนาคตด้วยครับ ปัจจุบันรถมาสด้าที่มีขายในบ้านเราที่เป็น Skyactiv ก็จะมี Mazda 2, 3, CX-3, CX-5, และ MX-5 ครับ ผมว่าถ้ามาสด้ากล้าเอา Mazda 6 มาขายในไทยก็อาจจะต่อกรกับ Camry, Accord, และ Teana ได้ครับ
ภายนอก
ภายนอกของตัว Minorchange ได้มีการดีไซน์กระจังหน้าใหม่จากเดิมที่เป็นลายรังผึ้งได้ถูกเปลี่ยนเป็นลายเส้น ดูผู้ใหญ่ขึ้นมาเยอะเลยครับ ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกก็เป็นแบบ LED เช่นกัน ส่วนไฟ Daytime Running Light ได้ถูกเปลี่ยนเป็นลายเส้น LED แบบใหม่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของรถมาสด้ารุ่นใหม่ๆ เป็นเทรนด์ของรถรุ่นใหม่ๆที่ชอบนำไฟ LED ต่างๆมาใช้ในรถเพื่อความปลอดภัยและสวยงาม กระจกมองข้างก็ถูกดีไซน์ใหม่เช่นกัน แต่ล้อเป็นขอบ 19 ลายเดิม (ทีแรกนึกว่าจะเอาแบบเมืองนอกมา) งานประกอบถือว่าเนี๊ยบครับ
ด้านท้ายของตัวรถก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก มีแค่เปลี่ยนไฟท้ายและไฟเบรกเป็นแบบ LED แบบใหม่ซึ่งลายก็คล้ายๆ CX-3
ส่วนตัวแล้วผมว่าในบรรดารถใน Segment เดียวกัน ผมว่า Mazda CX-5 ถือว่ามีดีไซน์ภายนอกที่สวยงามที่สุดถ้าเทียบกับ CRV ที่ดูทึ่มไปนิดนึง ส่วน X-Trail ก็ถือว่าสวยแต่ยังไม่บาดใจเท่า CX-5 ก็พี่เล่นดีไซน์แบบ KODO ขนาดนี้ (แอบลอกรถยุโรปมานิดนึง) ใครจะไปสู้พี่ได้ละครับ
ภายใน
ภายในถูกตกแต่งด้วยสีดำตัดด้ายสีแดงเช่นเดิม เบาะหลังมีการขยายส่วนรองก้นให้ยาวขึ้นเล็กน้อย ส่วนพนักพิงหลังก็ชันเหมือนเดิม (ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่เล๊ย) จะบอกว่าผมได้ไปดูของเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาแล้วพบว่าเบาะหลังเค้าเอนมากกว่าชองไทยซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หัวเกียร์ถูกเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้เหมือนกับรถมาสด้ารุ่นอื่นๆ ผมว่าดีไซน์หัวเกียร์ของรถมาสด้าในปัจจุบันนี่เหมือนกับ BMW ช่วงปี 2002-2008 แบบถอดแบบกันมาเลยครับ วัสดุภายในถือว่าใช้ได้เลยครับ พรีเมี่ยมพอตัวเลย ออพชั่นภายในก็จะมีพวงมาลัย Multifunction, ปุ่ม Push Start, Smart Keyless Entry, เบรคมือไฟฟ้า, Cruise Control, แอร์แบบ Dual-Zone, ระบบ i-stop, ระบบควบคุมความปลอดภัยต่างๆซึ่งผมจะพูดถึงในพาร์ทระบบความปลอดภัย, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับสามารถปรับดันหลังได้, เบาะหลังปรับแยกอิสระ 3 ส่วนแบบ 40:20:40 ดีไซน์ภายในนี่ผมขอพูดตรงๆเลยว่าให้ฟีลลิ่งรถยุโรปมากเลยครับ มันเป็นจุดที่แตกต่างกับคู่แข่งจริงๆครับ
(ก็รู้ๆกันอยู่นะว่าคล้ายรุ่นไหน)
ด้านระบบ Infotainment มีการใส่ระบบ MZD Connect หน้าจอ 7 นิ้ว มาให้พร้อม Center Commander คล้ายๆ iDrive ใน BMW มีช่องต่อ USB และ AUX, เครื่องเล่น DVD, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบนำทาง Navigator พร้อม SD Card, ลำโพง Bose 9 ตำแหน่ง อันนี้ขอบอกเลยว่าลำโพงนี่สุดติ่งจริงๆครับ เสียงละเอียดมาก เบสก็หนักพอตัวเวลาเปิดเพลง EDM ปกติลำโพงเดิมๆของมาสด้าก็ตึ๊บอยู่แล้วครับ พอได้ลำโพง Bose มาใส่นี่สุดๆไปเลยครับ ผมว่าระบบ Infotainment ของมาสด้าในปัจจุบันถือว่าใช้งานง่ายและปลอดภัยที่สุดแล้ว ระบบนี้จะตัดการ Touch Screen หน้าจอเมื่อความเร็วเกิน 9 กม./ชม. และถือว่าเป็นระบบที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ได้อย่างดีเลยครับ
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์เป็นเครื่องดีเซล Skyactiv เทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ชั้นขนาด 2.2 ลิตรให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที เช่นเดียวกับรุ่นก่อน MC เครื่องยนต์ตัวนี้ถือว่าแรงใช้ได้เลยครับ ช่วงต้นนี่กระชากแรงจริงครับ แต่ความเร็วจะเริ่มตันที่ 150 กม./ชม.
อัตราเร่ง 0-100 ผมจับเวลาได้ 9.3 วินาที ถือว่าโอเคเลยสำหรับรถไซส์นี้ (ถ้าเป็นตัวขับ 2 จะได้ 8 วิกว่า)
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้แบบ 6 สปีดพร้อมโหมด Manual น่าเสียดายที่มาสด้าไม่ได้ให้ Paddle Shift มาไม่งั้นสายซิ่งหลายคนคงจะหันมาขับ SUV ตัวนี้แทน จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นี่ไหลลื่นดีมากครับ แทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อการ Shift เกียร์ ทำให้ไม่เสียจังหวะในการเร่ง (มันส์พะย่ะค่ะ) ในรุ่นดีเซลจะไม่มีโหมด Sport มาให้ โหมด Sport จะมีเฉพาะในรุ่นเบนซินเท่านั้น
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ AWD ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ จะปรับการขับขี่ตามสภาพถนน ซึ่งผมว่าถ้าเจอทางขรุขระน่าจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
อัตราสิ้นเปลืองทางมาสด้าได้เคลมไว้ที่ 18 กม./ลิตร เกือบๆเท่า BMW X3 เลยครับ ประหยัดโคตรๆ แต่ผมได้ลองขับจริงแล้วได้ประมาณ 16.3 กม./ลิตร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ของแต่ละคนด้วยครับ
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยใน Mazda CX-5 AWD Minorchange เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มจริงๆครับ ระบบนี้ทางมาสด้าได้เรียกมันว่า i-Activsense มาดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
• Adaptive Front-lightning System (AFS) – ระบบปรับมุมแสงไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ
https://www.youtube.com/watch?v=dFVDAEukvbg&index=4&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Adaptive LED Headlamps (ALH) – ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ระบบจะปรับลดแสงอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนมา
ผมว่า Fortuner กับ Pajero Sport น่าจะใส่มาให้ด้วยนะครับ เจอ 2 พี่เบิ้มสวนมาตอนกลางคืนทีไรนี่ แสบตาชิหายเลย
https://www.youtube.com/watch?v=EefvPe8i7Ik&index=1&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Lane Departure Warning System (LDWS) – ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน
https://www.youtube.com/watch?v=y1jqhgEi0hw&index=9&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Lane-keep Assist System (LAS) – ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
อันนี้ผมว่าคล้าย Volvo XC60 นะ น่าจะมาจาก Supplier เดียวกัน
https://www.youtube.com/watch?v=B2jfpsICv5o&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F&index=2
• Smart City Brake Support (SCBS) – ระบบเบรกด้านหน้าอัตโนมัติ
ระบบนี้เหมาะกับพวกชอบเหม่อมากครับ ลดอุบัติเหตุได้เยอะเลย
https://www.youtube.com/watch?v=db4crSJsY7Y&index=6&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Smart City Brake Support-Reverse (SCBS-R) – ระบบเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง
ผมว่ามือใหม่หัดขับน่าจะชอบระบบนี้ครับ ช่วยตอนถอยรถเข้าซองได้มากเลย
https://www.youtube.com/watch?v=L6UXfImN8x4&index=5&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Driver Attention Alert (DAA) – ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่
ระบบนี้ทำงานเหมือนกับ Attention Assist ใน Mercedes-Benz เลยครับ Supplier เดียวกันชัวร์
https://www.youtube.com/watch?v=_OMj0kv9qFE&index=3&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) – ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
https://www.youtube.com/watch?v=GfTCevKfXJA&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F&index=7
• Rear Cross Traffic Alert (RCTA) – ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
อันนี้เป็นอีกระบบที่ผมชอบที่สุดเพราะมันช่วยลดอุบัติเหตุได้เยอะจริงๆครับ
https://www.youtube.com/watch?v=YdbWv2Ud5DE&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F&index=10
จัดเต็มจริงๆครับสำหรับระบบความปลอดภัย แต่ยังไงก็ควรขับขี่อย่างมีสติและคำนึงถึงผู้ใช้ถนนผู้อื่นด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่ามีระบบพวกนี้แล้วจะขับยังไงก็ได้ จะได้ใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย
Test Drive
ผมได้ทดลองขับเจ้า CX-5 MC มาแล้วครับ เส้นทางที่ทดสอบคือ พระราม 5-กาญจนาภิเษก ช่วงออกตัวจากโชว์รูมมาสด้าวง-เวียนพระราม 5 ผมได้ลองกดคันเร่งแบบมิดเท้าดู รถกระชากแรงมากครับ ต้นจัดจริงๆ ทำให้ผมลืมความเชื่อเก่าๆสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ว่าอืด เร่งไม่ขึ้นไปเลยครับ ตอนเร่งแซงนี่สะใจมากครับ เหมือนขับรถเก๋งเลย ช่วงล่างถือว่าหนึบ แน่น ให้ความมั่นใจในย่านความเร็วสูงได้ดีมากครับ ผมเหยียบไปถึง 160 พวงมาลัยกับช่วงล่างยังนิ่งอยู่เลยครับ เหมือน BMW X3 เลย ตอนเข้าโค้งนี่ผมสาดโค้งที่ความเร็ว 130 รถไม่มีอาการโคลงเลยครับ จนบางทีขับเพลินๆนี่คงลืมไปว่านี่เป็น SUV คงคิดว่า เห้ย นี่กูขับรถเก๋งหรือ SUV เนี่ยแต่ได้ทัศนวิสัยที่ดีกว่า ระยะเบรกถือว่าสั้นครับ ปลอดภัยมากแถมหน้าไม่ทิ่ม ท้ายไม่ยกเลยครับ บาลานซ์มาดีมากครับ
คราวนี้ผมได้พาเจ้ากฤต เพื่อนผมในคลับ Chinchilla ไปนั่งเป็นเพื่อนด้วย เจ้ากฤตได้นั่งเบาะหลังแล้วบอกว่าที่วางขาก็กว้างดีนะแต่ทำไมเบาะหลังมันชันอย่างงี้ นี่หรือรถครอบครัว? สำหรับเบาะหลังนี่ถ้านั่งนานๆมีปวดครับผมบอกเลย
Mazda CX-5 ถือว่าเป็นรถที่ขับสนุก ช่วงล่างเยี่ยม สมรรถนะดีจริงๆครับ แต่ว่าเรื่องเบาะทั้งหน้าและหลังน่าจะปรับให้นั่งสบายกว่านี้ครับถึงจะเหมาะกับการเป็นรถครอบครัว ถ้าอยากได้รถ SUV นั่งสบายๆ นี่ผมแนะนำให้ไป Honda CRV ดีกว่าครับ แต่ก็ต้องยอมแลกกับเรื่องสมรรถนะและช่วงล่างที่ด้อยกว่า CX-5
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกสวย ดูดีที่สุดในคลาส
• งานประกอบเนี๊ยบทั้งภายนอกและภายใน อันนี้เป็นข้อดีของมาสด้า
• พื้นที่ใช้สอยถือว่าเยอะอยู่
• อุปกรณ์ภายในใช้งานง่ายและปลอดภัย
• ดีไซน์ภายในห้องโดยสารนี่เหมือนกินราเมนใส่เส้นสปาเกตตี้ครับ เป็นรถญี่ปุ่นที่มีกลิ่นอายยุโรปมากครับ
• เครื่องเสียงโหดสุดๆ ถูกใจสายตื๊ดแน่นอน
• เร่งแซงสนุก ไม่มีอาการโยนตัวเลยครับ
• เบรกดีมาก ปลอดภัยสุด หน้าไม่ทิ่มทั้งที่เป็นรถสูง อันนี้ถูกใจจริงบอกเลย
• ช่วงล่างดีที่สุดในคลาส ทัดเทียมรถยุโรปเลย
• สมรรถนะถือว่าโหดสุดถ้าเทียบกับคู่แข่ง
• อัตราสิ้นเปลืองถือว่าไม่เลวในรถไซส์นี้
• ระบบความปลอดภัยจัดเต็มสุดๆ ยกนิ้วให้เลย
• เบาะนั่งไม่ค่อยสบาย โดยเฉพาะด้านหลัง จะชันไปไหนครับขุ่นพี่ ไม่น่าจะถูกใจอาม่า อาซิ่มซะเท่าไหร่
• วัสดุภายในผมว่าดูพรีเมี่ยมครับ แต่เจ้ากฤตบอกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
• เป็นรถครอบครัวที่ไม่เหมาะกับครอบครัวเพราะเน้นคนขับแบบสุดโต่งเลยครับ น่าจะเหมาะกับคนโสดมากกว่า
Mazda CX-5 AWD Minorchange สนนราคาอยู่ที่ 1,690,000 บาท แพงขึ้นมาจากรุ่นก่อน MC เล็กน้อยครับ รุ่นก่อน MC ราคาอยู่ที่ 1,679,000 บาท แต่ได้ออพชั่นเพิ่มมาแบบคุ้มครับ สำหรับใครที่กำลังมองหา SUV ที่เน้นสมรรถนะ ผมแนะนำเจ้านี่เลยครับ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้าใครที่เป็นคนเน้นครอบครัว ผมแนะนำ CRV และ X-Trail ดีกว่าครับ
ขอขอบคุณ คุณหนึ่ง ที่ปรึกษาด้านการขายศูนย์มาสด้าพระราม 5 สำหรับรถทดสอบครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ รถแต่ง เทคนิคยานยนต์ สามารถ Follow Instagram ของเราได้ครับ
(Instagram: Chinchilla_autoholic)
รีวิว: Mazda CX-5 AWD Minorchange MY2016 สปอร์ตคอมแพ็ค SUV ภายใต้เทคโนโลยี Skyactiv
Mazda CX-5 ได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ถือเป็นรถมาสด้ารุ่นแรกที่เปิดตัวภายใต้เทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าในยุคใหม่และจะถูกนำไปใช้ในรถมาสด้ารุ่นอื่นๆในอนาคตด้วยครับ ปัจจุบันรถมาสด้าที่มีขายในบ้านเราที่เป็น Skyactiv ก็จะมี Mazda 2, 3, CX-3, CX-5, และ MX-5 ครับ ผมว่าถ้ามาสด้ากล้าเอา Mazda 6 มาขายในไทยก็อาจจะต่อกรกับ Camry, Accord, และ Teana ได้ครับ
ภายนอก
ภายนอกของตัว Minorchange ได้มีการดีไซน์กระจังหน้าใหม่จากเดิมที่เป็นลายรังผึ้งได้ถูกเปลี่ยนเป็นลายเส้น ดูผู้ใหญ่ขึ้นมาเยอะเลยครับ ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกก็เป็นแบบ LED เช่นกัน ส่วนไฟ Daytime Running Light ได้ถูกเปลี่ยนเป็นลายเส้น LED แบบใหม่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของรถมาสด้ารุ่นใหม่ๆ เป็นเทรนด์ของรถรุ่นใหม่ๆที่ชอบนำไฟ LED ต่างๆมาใช้ในรถเพื่อความปลอดภัยและสวยงาม กระจกมองข้างก็ถูกดีไซน์ใหม่เช่นกัน แต่ล้อเป็นขอบ 19 ลายเดิม (ทีแรกนึกว่าจะเอาแบบเมืองนอกมา) งานประกอบถือว่าเนี๊ยบครับ
ด้านท้ายของตัวรถก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก มีแค่เปลี่ยนไฟท้ายและไฟเบรกเป็นแบบ LED แบบใหม่ซึ่งลายก็คล้ายๆ CX-3
ส่วนตัวแล้วผมว่าในบรรดารถใน Segment เดียวกัน ผมว่า Mazda CX-5 ถือว่ามีดีไซน์ภายนอกที่สวยงามที่สุดถ้าเทียบกับ CRV ที่ดูทึ่มไปนิดนึง ส่วน X-Trail ก็ถือว่าสวยแต่ยังไม่บาดใจเท่า CX-5 ก็พี่เล่นดีไซน์แบบ KODO ขนาดนี้ (แอบลอกรถยุโรปมานิดนึง) ใครจะไปสู้พี่ได้ละครับ
ภายใน
ภายในถูกตกแต่งด้วยสีดำตัดด้ายสีแดงเช่นเดิม เบาะหลังมีการขยายส่วนรองก้นให้ยาวขึ้นเล็กน้อย ส่วนพนักพิงหลังก็ชันเหมือนเดิม (ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่เล๊ย) จะบอกว่าผมได้ไปดูของเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาแล้วพบว่าเบาะหลังเค้าเอนมากกว่าชองไทยซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หัวเกียร์ถูกเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้เหมือนกับรถมาสด้ารุ่นอื่นๆ ผมว่าดีไซน์หัวเกียร์ของรถมาสด้าในปัจจุบันนี่เหมือนกับ BMW ช่วงปี 2002-2008 แบบถอดแบบกันมาเลยครับ วัสดุภายในถือว่าใช้ได้เลยครับ พรีเมี่ยมพอตัวเลย ออพชั่นภายในก็จะมีพวงมาลัย Multifunction, ปุ่ม Push Start, Smart Keyless Entry, เบรคมือไฟฟ้า, Cruise Control, แอร์แบบ Dual-Zone, ระบบ i-stop, ระบบควบคุมความปลอดภัยต่างๆซึ่งผมจะพูดถึงในพาร์ทระบบความปลอดภัย, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับสามารถปรับดันหลังได้, เบาะหลังปรับแยกอิสระ 3 ส่วนแบบ 40:20:40 ดีไซน์ภายในนี่ผมขอพูดตรงๆเลยว่าให้ฟีลลิ่งรถยุโรปมากเลยครับ มันเป็นจุดที่แตกต่างกับคู่แข่งจริงๆครับ
(ก็รู้ๆกันอยู่นะว่าคล้ายรุ่นไหน)
ด้านระบบ Infotainment มีการใส่ระบบ MZD Connect หน้าจอ 7 นิ้ว มาให้พร้อม Center Commander คล้ายๆ iDrive ใน BMW มีช่องต่อ USB และ AUX, เครื่องเล่น DVD, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบนำทาง Navigator พร้อม SD Card, ลำโพง Bose 9 ตำแหน่ง อันนี้ขอบอกเลยว่าลำโพงนี่สุดติ่งจริงๆครับ เสียงละเอียดมาก เบสก็หนักพอตัวเวลาเปิดเพลง EDM ปกติลำโพงเดิมๆของมาสด้าก็ตึ๊บอยู่แล้วครับ พอได้ลำโพง Bose มาใส่นี่สุดๆไปเลยครับ ผมว่าระบบ Infotainment ของมาสด้าในปัจจุบันถือว่าใช้งานง่ายและปลอดภัยที่สุดแล้ว ระบบนี้จะตัดการ Touch Screen หน้าจอเมื่อความเร็วเกิน 9 กม./ชม. และถือว่าเป็นระบบที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ได้อย่างดีเลยครับ
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์เป็นเครื่องดีเซล Skyactiv เทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ชั้นขนาด 2.2 ลิตรให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที เช่นเดียวกับรุ่นก่อน MC เครื่องยนต์ตัวนี้ถือว่าแรงใช้ได้เลยครับ ช่วงต้นนี่กระชากแรงจริงครับ แต่ความเร็วจะเริ่มตันที่ 150 กม./ชม.
อัตราเร่ง 0-100 ผมจับเวลาได้ 9.3 วินาที ถือว่าโอเคเลยสำหรับรถไซส์นี้ (ถ้าเป็นตัวขับ 2 จะได้ 8 วิกว่า)
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้แบบ 6 สปีดพร้อมโหมด Manual น่าเสียดายที่มาสด้าไม่ได้ให้ Paddle Shift มาไม่งั้นสายซิ่งหลายคนคงจะหันมาขับ SUV ตัวนี้แทน จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นี่ไหลลื่นดีมากครับ แทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อการ Shift เกียร์ ทำให้ไม่เสียจังหวะในการเร่ง (มันส์พะย่ะค่ะ) ในรุ่นดีเซลจะไม่มีโหมด Sport มาให้ โหมด Sport จะมีเฉพาะในรุ่นเบนซินเท่านั้น
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ AWD ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ จะปรับการขับขี่ตามสภาพถนน ซึ่งผมว่าถ้าเจอทางขรุขระน่าจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
อัตราสิ้นเปลืองทางมาสด้าได้เคลมไว้ที่ 18 กม./ลิตร เกือบๆเท่า BMW X3 เลยครับ ประหยัดโคตรๆ แต่ผมได้ลองขับจริงแล้วได้ประมาณ 16.3 กม./ลิตร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ของแต่ละคนด้วยครับ
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยใน Mazda CX-5 AWD Minorchange เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มจริงๆครับ ระบบนี้ทางมาสด้าได้เรียกมันว่า i-Activsense มาดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
• Adaptive Front-lightning System (AFS) – ระบบปรับมุมแสงไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ
https://www.youtube.com/watch?v=dFVDAEukvbg&index=4&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Adaptive LED Headlamps (ALH) – ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ระบบจะปรับลดแสงอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนมา
ผมว่า Fortuner กับ Pajero Sport น่าจะใส่มาให้ด้วยนะครับ เจอ 2 พี่เบิ้มสวนมาตอนกลางคืนทีไรนี่ แสบตาชิหายเลย
https://www.youtube.com/watch?v=EefvPe8i7Ik&index=1&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Lane Departure Warning System (LDWS) – ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน
https://www.youtube.com/watch?v=y1jqhgEi0hw&index=9&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Lane-keep Assist System (LAS) – ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
อันนี้ผมว่าคล้าย Volvo XC60 นะ น่าจะมาจาก Supplier เดียวกัน
https://www.youtube.com/watch?v=B2jfpsICv5o&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F&index=2
• Smart City Brake Support (SCBS) – ระบบเบรกด้านหน้าอัตโนมัติ
ระบบนี้เหมาะกับพวกชอบเหม่อมากครับ ลดอุบัติเหตุได้เยอะเลย
https://www.youtube.com/watch?v=db4crSJsY7Y&index=6&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Smart City Brake Support-Reverse (SCBS-R) – ระบบเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง
ผมว่ามือใหม่หัดขับน่าจะชอบระบบนี้ครับ ช่วยตอนถอยรถเข้าซองได้มากเลย
https://www.youtube.com/watch?v=L6UXfImN8x4&index=5&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Driver Attention Alert (DAA) – ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่
ระบบนี้ทำงานเหมือนกับ Attention Assist ใน Mercedes-Benz เลยครับ Supplier เดียวกันชัวร์
https://www.youtube.com/watch?v=_OMj0kv9qFE&index=3&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F
• Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) – ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
https://www.youtube.com/watch?v=GfTCevKfXJA&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F&index=7
• Rear Cross Traffic Alert (RCTA) – ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
อันนี้เป็นอีกระบบที่ผมชอบที่สุดเพราะมันช่วยลดอุบัติเหตุได้เยอะจริงๆครับ
https://www.youtube.com/watch?v=YdbWv2Ud5DE&list=PLd1_gPLJcPHn4WZSfS1AXwrTOMPnRb8-F&index=10
จัดเต็มจริงๆครับสำหรับระบบความปลอดภัย แต่ยังไงก็ควรขับขี่อย่างมีสติและคำนึงถึงผู้ใช้ถนนผู้อื่นด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่ามีระบบพวกนี้แล้วจะขับยังไงก็ได้ จะได้ใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย
Test Drive
ผมได้ทดลองขับเจ้า CX-5 MC มาแล้วครับ เส้นทางที่ทดสอบคือ พระราม 5-กาญจนาภิเษก ช่วงออกตัวจากโชว์รูมมาสด้าวง-เวียนพระราม 5 ผมได้ลองกดคันเร่งแบบมิดเท้าดู รถกระชากแรงมากครับ ต้นจัดจริงๆ ทำให้ผมลืมความเชื่อเก่าๆสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ว่าอืด เร่งไม่ขึ้นไปเลยครับ ตอนเร่งแซงนี่สะใจมากครับ เหมือนขับรถเก๋งเลย ช่วงล่างถือว่าหนึบ แน่น ให้ความมั่นใจในย่านความเร็วสูงได้ดีมากครับ ผมเหยียบไปถึง 160 พวงมาลัยกับช่วงล่างยังนิ่งอยู่เลยครับ เหมือน BMW X3 เลย ตอนเข้าโค้งนี่ผมสาดโค้งที่ความเร็ว 130 รถไม่มีอาการโคลงเลยครับ จนบางทีขับเพลินๆนี่คงลืมไปว่านี่เป็น SUV คงคิดว่า เห้ย นี่กูขับรถเก๋งหรือ SUV เนี่ยแต่ได้ทัศนวิสัยที่ดีกว่า ระยะเบรกถือว่าสั้นครับ ปลอดภัยมากแถมหน้าไม่ทิ่ม ท้ายไม่ยกเลยครับ บาลานซ์มาดีมากครับ
คราวนี้ผมได้พาเจ้ากฤต เพื่อนผมในคลับ Chinchilla ไปนั่งเป็นเพื่อนด้วย เจ้ากฤตได้นั่งเบาะหลังแล้วบอกว่าที่วางขาก็กว้างดีนะแต่ทำไมเบาะหลังมันชันอย่างงี้ นี่หรือรถครอบครัว? สำหรับเบาะหลังนี่ถ้านั่งนานๆมีปวดครับผมบอกเลย
Mazda CX-5 ถือว่าเป็นรถที่ขับสนุก ช่วงล่างเยี่ยม สมรรถนะดีจริงๆครับ แต่ว่าเรื่องเบาะทั้งหน้าและหลังน่าจะปรับให้นั่งสบายกว่านี้ครับถึงจะเหมาะกับการเป็นรถครอบครัว ถ้าอยากได้รถ SUV นั่งสบายๆ นี่ผมแนะนำให้ไป Honda CRV ดีกว่าครับ แต่ก็ต้องยอมแลกกับเรื่องสมรรถนะและช่วงล่างที่ด้อยกว่า CX-5
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกสวย ดูดีที่สุดในคลาส
• งานประกอบเนี๊ยบทั้งภายนอกและภายใน อันนี้เป็นข้อดีของมาสด้า
• พื้นที่ใช้สอยถือว่าเยอะอยู่
• อุปกรณ์ภายในใช้งานง่ายและปลอดภัย
• ดีไซน์ภายในห้องโดยสารนี่เหมือนกินราเมนใส่เส้นสปาเกตตี้ครับ เป็นรถญี่ปุ่นที่มีกลิ่นอายยุโรปมากครับ
• เครื่องเสียงโหดสุดๆ ถูกใจสายตื๊ดแน่นอน
• เร่งแซงสนุก ไม่มีอาการโยนตัวเลยครับ
• เบรกดีมาก ปลอดภัยสุด หน้าไม่ทิ่มทั้งที่เป็นรถสูง อันนี้ถูกใจจริงบอกเลย
• ช่วงล่างดีที่สุดในคลาส ทัดเทียมรถยุโรปเลย
• สมรรถนะถือว่าโหดสุดถ้าเทียบกับคู่แข่ง
• อัตราสิ้นเปลืองถือว่าไม่เลวในรถไซส์นี้
• ระบบความปลอดภัยจัดเต็มสุดๆ ยกนิ้วให้เลย
• เบาะนั่งไม่ค่อยสบาย โดยเฉพาะด้านหลัง จะชันไปไหนครับขุ่นพี่ ไม่น่าจะถูกใจอาม่า อาซิ่มซะเท่าไหร่
• วัสดุภายในผมว่าดูพรีเมี่ยมครับ แต่เจ้ากฤตบอกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
• เป็นรถครอบครัวที่ไม่เหมาะกับครอบครัวเพราะเน้นคนขับแบบสุดโต่งเลยครับ น่าจะเหมาะกับคนโสดมากกว่า
Mazda CX-5 AWD Minorchange สนนราคาอยู่ที่ 1,690,000 บาท แพงขึ้นมาจากรุ่นก่อน MC เล็กน้อยครับ รุ่นก่อน MC ราคาอยู่ที่ 1,679,000 บาท แต่ได้ออพชั่นเพิ่มมาแบบคุ้มครับ สำหรับใครที่กำลังมองหา SUV ที่เน้นสมรรถนะ ผมแนะนำเจ้านี่เลยครับ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้าใครที่เป็นคนเน้นครอบครัว ผมแนะนำ CRV และ X-Trail ดีกว่าครับ
ขอขอบคุณ คุณหนึ่ง ที่ปรึกษาด้านการขายศูนย์มาสด้าพระราม 5 สำหรับรถทดสอบครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ รถแต่ง เทคนิคยานยนต์ สามารถ Follow Instagram ของเราได้ครับ
(Instagram: Chinchilla_autoholic)