สวัสดีครับ พบกับเรื่องราวบนเเผ่นฟิล์มของบุรุษเหล็กสวมผ้าคลุมสีแดง พุ่งทะยานไปในท้องฟ้า ฮีโร่ที่เด็กๆ ทั่วโลกอยากจะเป็น ตลอดระยะเวลา 78 ปี ที่ผ่านมา โดยบทความเป็นงานเก่าที่เคยเขียนไว้ และขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ All About Superman ของ สตาร์ พิคส์ ด้วยครับ
ขอบคุณรูปภาพจาก deadline.com
ต้นกำเนิดของบุรุษเหล็กคนนี้ เราย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1938 ที่หนังสือการ์ตูน Action comics ฉบับแรกออกสู่สายตาประชาชน มีจำนวน 13 หน้า เรื่องราวของเด็กน้อยที่ถูกผู้เป็นพ่อนักวิทยาศาสตร์จากดาวดวงอื่นส่งมายังโลกเพื่อให้รอดพ้นเหตุดาวระเบิด เขามีพละกำลังและความสามารถเหนือมนุษย์ เขาวิ่งเร็วกว่ารถไฟ กระโดดสูงจนเหมือนกับว่าสามารถบินได้ เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยบ้านเลี่ยงเด็กกำพร้าและมีชื่อว่า คลาร์ก เคนท์ เมื่อเติบโตเขาจึงตั้งใจใช้พลังที่มีช่วยเหลือคนอื่นในนามของ ซูเปอร์แมน เนื้อเรื่องข้างต้นคือครั้งแรกโดยการสร้างสรรค์ของนักวาดการ์ตูนอย่าง เจอร์รี่ ซีเกล และ โจ ชูสเตอร์ ที่วาดให้กับสำนักพิมพ์ เนชั่นแนล แอลลาย์ หรือ ดีซี คอมมิคส์ ในสมัยนั้น (เจอร์รี่ ซีเกล คนยืน และ โจ ชูสเตอร์ คนนั่ง)
ขอบคุณรูปภาพจาก Newyorker.com, Comicsalliance.com
“ผม เจอร์รี่ ซีเกล ขอสาปแช่ง SUPERMAN THE MOVIE! หวังว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จ ผมหวังว่าแฟนซูเปอร์แมนทุกคนจะหนีห่างไกลจากมัน”
ข้อความอันร้อนแรงข้างต้น เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งในจดหมายที่ เจอร์รี่ ซีเกล ส่งไปให้กับสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ทุกที่ใน สหรัฐอเมริกาหลังจากมีการประกาศว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องราวของ Superman ซี่งเขาและ โจ ชูสเตอร์ ผู้ร่วมกันสร้างสรรค์ตัวละครอันโด่งดังอย่าง Superman ต้องเป็นไม้ซีกงัดกับไม้ซุง ในวังวนธรุกิจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ได้รับผลตอบแทนอย่างที่ควรจะได้ การต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิตามสิ่งที่เขาทั้งสองได้ลงแรงไปประสบความสำเร็จหลังจากต่อสู้มาเป็นเวลาหลายสิบปี ในปี 1976 โดยวอร์เนอร์ได้แพ้คดีและจ่ายค่าเลี้ยงดูรายปีให้ทั้งคู่คนล่ะ 20,000 ไปจนตลอดชีวิต ผลที่ออกมาทำให้ทั้งคู่พึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเสียชีวิตไปแล้วโดย โจ ชูสเตอร์ เสียชีวิตวันที่ 30 กรกฏาคม 1992 และ เจอร์รี่ ซีเกล เสียชีวิตวันที่ 28 มกราคม 1996 แต่ลิขสิทธิ์ของ Superman จากการสร้างสรรค์ของทั้งคู่ ก็ยังคงมีการต่อสู้แย่งชิงสิทธิกันอยู่จนทุกวันนี้
SUPERMAN บนเเผ่นฟิล์ม
เคิร์ก เอลีน ซูปเปอร์แมนคนแรกบนจอภาพยนตร์ (1948-1950)
ขอบคุณรูปภาพจาก derekwinnert.com
เคิร์ก เอลีน นักแสดงที่เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวประกอบในคณะละครเร่ จนเมื่อเขาได้รับการทาบทามจาก เเซม เเคมซ์แมน โปรดิวเซอร์ที่ต้องการสร้างโปรเจคซูเปอร์แมนฉบับคนแสดง แม้ว่าการทำงานจะยากลำบากเพียงใด แต่เคิร์กก็ยังคงตั้งใจทำหน้าที่ในบทบาทของ ซูเปอร์แมน ให้ดีที่สุดจนเมื่อภาพยนตร์ชุด Superman (1948) ฉายจำนวนทั้งสิ้น 15 ตอน เรื่องราวของ คลาร์ก เคนท์ นักข่าวของเดลี่ เเพลนเนตพบกับ โลอิส เลน และการต่อสู้กับศัตรูอย่าง เดอะ สไปเดอร์ เลดี้ กำกับการแสดงโดย กอร์ดอน เบนเน็ท ตัวหนังเองได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำรายได้แบบที่ไม่คาดคิดส่งผลให้ เคิร์ก เอลีน กลายเป็นดาราดาวรุ่งในทันทีโดยคนที่มารับบท โลอิส เลน คือ โนเอล นีลล์ ก็ถือว่าเป็นดาราคู่ขวัญที่ทำงานร่วมกัน เคิร์ก ได้แสดงบทเดิมอีกในหนัง Atom man Vs. Superman (1950) แต่ผลตอบรับก็ไม่ได้ดังอย่างภาคแรก จากนั้นเขาเองก็ไม่มีบทบาทไหนที่เป็นที่จดจำอีก หากนับว่าเขาเป็นคนแรกที่ได้รับคำสาปของบทบาทซูเปอร์แมนก็ว่าได้ แต่อย่างน้อยเขาจะได้รับการจดจำว่าคือ ซูเปอร์แมนคนแรกบนจอภาพยนตร์
จอร์จ รีฟส์ การตายปริศนาของซูเปอร์เเมน (1952-1958)
ขอบคุณรูปภาพจาก www.flickr.com
จอร์จ รีฟส์ เริ่มต้นการแสดงของเขาตั้งแต่มัธยม ความใฝ่ฝันของเขาคือการหวังที่จะเป็นดาราแสดงนำแต่เส้นทางฝันของ จอร์จ ก็ขรุขระอยู่บ่อยครั้งซึ่งมันก็ทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่ หลังจากสงครามสงบลงการสร้างภาพยนตร์ทางโทรทัศน์อย่าง Adventures of Superman (1952-1958) ได้เกิดขึ้นและ จอร์จ ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าแสดงเพราะ เคิร์ก เอลีน ปฎิเสธบทนี้เพราะเขาเห็นว่าตนเองแก่เกินไปแล้ว Adventures of Superman ดังแบบถล่มทลาย ทำให้ จอร์จ มีชื่อเสียงมากขึ้นครอบครองฐานความนิยมมาได้ถึงหกปี ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกบุหรี่เพราะอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาคือนักดื่มตัวยง อีกทั้งยังชอบหว่านเสน่ห์ให้แก่สาวไปทั่ว หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ แมนนิกซ์ ภรรยาของผู้จัดการทั่วไปของสตูดิโอ MGM อย่าง เอ็ดดี้ แมนนิกซ์ ซึ่งทั้งคู่อยู่ในระหว่างการเลิกรา จอร์จ จบชีวิตลงแบบปริศนาด้วยเสียงปืนหนึ่งนัดในคืนวันที่ 15 มิถุนายน 1959 ในบ้านพักในสภาพเปลือยเปล่า พร้อมปืนที่ตกอยู่ แม้ทุกคนจะเชื่อว่ามันคือการฆ่าตัวตายจากสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ แต่สภาพที่เกิดเหตุก็ทำให้บางคนตั้งทฤษฎีว่าเขาอาจจะถูกฆาตรกรรรม ทั้งการที่ไม่มีรอยเขม่าปืนที่ขมับและปืนที่ชโลมด้วยน้ำมัน เขาคืออีกคนที่โดนอาถรรพ์ของซูเปอร์แมน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวตลอดระยะเวลาที่ จอร์จ รีฟส์ เฉิดฉายบทจอทีวีได้หมดเสน่ห์ลงไป
คริสโตเฟอร์ รีฟ ซูเปอร์แมนในชีวิตจริง (1978-1987)
ขอบคุณรูปภาพจาก movies.film.cine.com
คริสโตเฟอร์ รีฟ เริ่มต้นการแสดงของเขาในปี 1974 ในบทตัวประกอบในละครโทรทัศน์ ก่อนที่จะได้มารับบท ซูเปอร์แมน โดยการกำกับของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ เมื่อคริสได้ลองสวมแว่นตา ริชาร์ด ก็มั่นใจว่าเขานี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุด รีฟต้องเพิ่มน้ำหนักและออกกำลังกายมาขึ้นเพื่อให้ดูบึกบีนสมกับบทบาทบุรุษเหล็ก จากที่เคยหนัก 86 กิโลกรัม เป็น 100 กิโลกรัม ทางด้านการแสดง รีฟ ไม่เคยอ่านการ์ตูนซูเปอร์แมนมาก่อน เขาอาศัยการศึกษาบทตัวละครจากละครที่ จอร์จ รีฟฟ์ เคยเเสดงไว้ใน Adventures of Superman ซึ่งหลังจากที่ Superman (1978) ภาคแรกออกฉายเขาได้รับคำชื่นชมมากมายและหนังก็ทำรายได้เกิดความคาดหมายเป็นอย่างมา หลังจากนั้นเขายังได้กลับมาเล่นเป็นซูเปอร์แมนอีกถึงสามครั้ง ด้านชีวิตส่วนตัว คริส แต่งงานกับ ดาน่า โมโรซีนี ในปี 1992 ทั้งสองมีลูกชาย และครอบครัวที่อบอุ่น เรียกได้ว่าชีวิตนั้นเกือบจะสมบูรณ์แบบ จนเมื่อปี 1995 คริส ประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้าในการแข่งขันขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ด้วยน้ำหนักที่มากของเขา ทำให้แรงกระแทกสร้างความเสียหายแก่กระดูกสันหลังและหยุดหายใจไป 3 นาที ก่อนจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป
ขอบคุณรูปภาพจาก www.alvintoy.com
“หมอมาอธิบายอาการให้ผมฟัง ผมไม่สามารถเดินหรือทำอะไรได้อีกต่อไป ผมอยากตาย ผมเป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้ต้องมารับผิดชอบผม เธอควรจะมีชีวีตที่ดี มันไม่ยุติธรรมกับเธอ ผมพยายามบอกดาน่าว่า บางทีควรจะปล่อยผมไปนะ ดาน่าร้องไห้ น้ำตาของเธอทำให้ผมเจ็บปวด เธอบอกว่า เธอจะพูดครั้งนี้ครั้งเดียว เธอจะสนับสนุนผมทุกอย่าง เพราะนี่คือชีวีตผม แต่เธออยากให้รู้ว่า เธอจะอยู่กับผมไปตราบนานเท่านาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและจะรักผมเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง กำลังใจจากเธอทำให้ผมรักที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วก็ตาม”
นี่คือเรื่องราวในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของคริส หลังจากอาการดีขึ้นคริสก็ฝึกใช้เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้า และปรากฏตัวอีกครั้งในงานประกาศรางวัลออสการ์ ปี 1996 ซึ่งเขาได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง คริสก่อตั้งมูลนิธิคริสโตเฟอร์ รีฟ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอาการเดียวอย่างเขา เขายังโลดเเล่นอยู่ในวงการบันเทิงอยู่บ้างในผลงานซีรีส์เรื่อง Smallville คริส จากไปด้วยอาการหัวใจวายโดยเขามีอายุ 52 ปี คนทั่วโลกเสียใจกับข่าวนี้ ทุกครั้งที่มีการพูดถึงซูเปอร์แมนผู้คนจะยังจดจำเขา คริสโตเฟอร์ รีฟ ซูเปอร์แมนในชีวิตจริง
เรื่องราวบนเเผ่นฟิล์มของ SUPERMAN
ขอบคุณรูปภาพจาก deadline.com
ต้นกำเนิดของบุรุษเหล็กคนนี้ เราย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1938 ที่หนังสือการ์ตูน Action comics ฉบับแรกออกสู่สายตาประชาชน มีจำนวน 13 หน้า เรื่องราวของเด็กน้อยที่ถูกผู้เป็นพ่อนักวิทยาศาสตร์จากดาวดวงอื่นส่งมายังโลกเพื่อให้รอดพ้นเหตุดาวระเบิด เขามีพละกำลังและความสามารถเหนือมนุษย์ เขาวิ่งเร็วกว่ารถไฟ กระโดดสูงจนเหมือนกับว่าสามารถบินได้ เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยบ้านเลี่ยงเด็กกำพร้าและมีชื่อว่า คลาร์ก เคนท์ เมื่อเติบโตเขาจึงตั้งใจใช้พลังที่มีช่วยเหลือคนอื่นในนามของ ซูเปอร์แมน เนื้อเรื่องข้างต้นคือครั้งแรกโดยการสร้างสรรค์ของนักวาดการ์ตูนอย่าง เจอร์รี่ ซีเกล และ โจ ชูสเตอร์ ที่วาดให้กับสำนักพิมพ์ เนชั่นแนล แอลลาย์ หรือ ดีซี คอมมิคส์ ในสมัยนั้น (เจอร์รี่ ซีเกล คนยืน และ โจ ชูสเตอร์ คนนั่ง)
ขอบคุณรูปภาพจาก Newyorker.com, Comicsalliance.com
ข้อความอันร้อนแรงข้างต้น เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งในจดหมายที่ เจอร์รี่ ซีเกล ส่งไปให้กับสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ทุกที่ใน สหรัฐอเมริกาหลังจากมีการประกาศว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องราวของ Superman ซี่งเขาและ โจ ชูสเตอร์ ผู้ร่วมกันสร้างสรรค์ตัวละครอันโด่งดังอย่าง Superman ต้องเป็นไม้ซีกงัดกับไม้ซุง ในวังวนธรุกิจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ได้รับผลตอบแทนอย่างที่ควรจะได้ การต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิตามสิ่งที่เขาทั้งสองได้ลงแรงไปประสบความสำเร็จหลังจากต่อสู้มาเป็นเวลาหลายสิบปี ในปี 1976 โดยวอร์เนอร์ได้แพ้คดีและจ่ายค่าเลี้ยงดูรายปีให้ทั้งคู่คนล่ะ 20,000 ไปจนตลอดชีวิต ผลที่ออกมาทำให้ทั้งคู่พึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเสียชีวิตไปแล้วโดย โจ ชูสเตอร์ เสียชีวิตวันที่ 30 กรกฏาคม 1992 และ เจอร์รี่ ซีเกล เสียชีวิตวันที่ 28 มกราคม 1996 แต่ลิขสิทธิ์ของ Superman จากการสร้างสรรค์ของทั้งคู่ ก็ยังคงมีการต่อสู้แย่งชิงสิทธิกันอยู่จนทุกวันนี้
ขอบคุณรูปภาพจาก derekwinnert.com
เคิร์ก เอลีน นักแสดงที่เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวประกอบในคณะละครเร่ จนเมื่อเขาได้รับการทาบทามจาก เเซม เเคมซ์แมน โปรดิวเซอร์ที่ต้องการสร้างโปรเจคซูเปอร์แมนฉบับคนแสดง แม้ว่าการทำงานจะยากลำบากเพียงใด แต่เคิร์กก็ยังคงตั้งใจทำหน้าที่ในบทบาทของ ซูเปอร์แมน ให้ดีที่สุดจนเมื่อภาพยนตร์ชุด Superman (1948) ฉายจำนวนทั้งสิ้น 15 ตอน เรื่องราวของ คลาร์ก เคนท์ นักข่าวของเดลี่ เเพลนเนตพบกับ โลอิส เลน และการต่อสู้กับศัตรูอย่าง เดอะ สไปเดอร์ เลดี้ กำกับการแสดงโดย กอร์ดอน เบนเน็ท ตัวหนังเองได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำรายได้แบบที่ไม่คาดคิดส่งผลให้ เคิร์ก เอลีน กลายเป็นดาราดาวรุ่งในทันทีโดยคนที่มารับบท โลอิส เลน คือ โนเอล นีลล์ ก็ถือว่าเป็นดาราคู่ขวัญที่ทำงานร่วมกัน เคิร์ก ได้แสดงบทเดิมอีกในหนัง Atom man Vs. Superman (1950) แต่ผลตอบรับก็ไม่ได้ดังอย่างภาคแรก จากนั้นเขาเองก็ไม่มีบทบาทไหนที่เป็นที่จดจำอีก หากนับว่าเขาเป็นคนแรกที่ได้รับคำสาปของบทบาทซูเปอร์แมนก็ว่าได้ แต่อย่างน้อยเขาจะได้รับการจดจำว่าคือ ซูเปอร์แมนคนแรกบนจอภาพยนตร์
ขอบคุณรูปภาพจาก www.flickr.com
จอร์จ รีฟส์ เริ่มต้นการแสดงของเขาตั้งแต่มัธยม ความใฝ่ฝันของเขาคือการหวังที่จะเป็นดาราแสดงนำแต่เส้นทางฝันของ จอร์จ ก็ขรุขระอยู่บ่อยครั้งซึ่งมันก็ทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่ หลังจากสงครามสงบลงการสร้างภาพยนตร์ทางโทรทัศน์อย่าง Adventures of Superman (1952-1958) ได้เกิดขึ้นและ จอร์จ ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าแสดงเพราะ เคิร์ก เอลีน ปฎิเสธบทนี้เพราะเขาเห็นว่าตนเองแก่เกินไปแล้ว Adventures of Superman ดังแบบถล่มทลาย ทำให้ จอร์จ มีชื่อเสียงมากขึ้นครอบครองฐานความนิยมมาได้ถึงหกปี ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกบุหรี่เพราะอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาคือนักดื่มตัวยง อีกทั้งยังชอบหว่านเสน่ห์ให้แก่สาวไปทั่ว หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ แมนนิกซ์ ภรรยาของผู้จัดการทั่วไปของสตูดิโอ MGM อย่าง เอ็ดดี้ แมนนิกซ์ ซึ่งทั้งคู่อยู่ในระหว่างการเลิกรา จอร์จ จบชีวิตลงแบบปริศนาด้วยเสียงปืนหนึ่งนัดในคืนวันที่ 15 มิถุนายน 1959 ในบ้านพักในสภาพเปลือยเปล่า พร้อมปืนที่ตกอยู่ แม้ทุกคนจะเชื่อว่ามันคือการฆ่าตัวตายจากสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ แต่สภาพที่เกิดเหตุก็ทำให้บางคนตั้งทฤษฎีว่าเขาอาจจะถูกฆาตรกรรรม ทั้งการที่ไม่มีรอยเขม่าปืนที่ขมับและปืนที่ชโลมด้วยน้ำมัน เขาคืออีกคนที่โดนอาถรรพ์ของซูเปอร์แมน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวตลอดระยะเวลาที่ จอร์จ รีฟส์ เฉิดฉายบทจอทีวีได้หมดเสน่ห์ลงไป
ขอบคุณรูปภาพจาก movies.film.cine.com
คริสโตเฟอร์ รีฟ เริ่มต้นการแสดงของเขาในปี 1974 ในบทตัวประกอบในละครโทรทัศน์ ก่อนที่จะได้มารับบท ซูเปอร์แมน โดยการกำกับของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ เมื่อคริสได้ลองสวมแว่นตา ริชาร์ด ก็มั่นใจว่าเขานี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุด รีฟต้องเพิ่มน้ำหนักและออกกำลังกายมาขึ้นเพื่อให้ดูบึกบีนสมกับบทบาทบุรุษเหล็ก จากที่เคยหนัก 86 กิโลกรัม เป็น 100 กิโลกรัม ทางด้านการแสดง รีฟ ไม่เคยอ่านการ์ตูนซูเปอร์แมนมาก่อน เขาอาศัยการศึกษาบทตัวละครจากละครที่ จอร์จ รีฟฟ์ เคยเเสดงไว้ใน Adventures of Superman ซึ่งหลังจากที่ Superman (1978) ภาคแรกออกฉายเขาได้รับคำชื่นชมมากมายและหนังก็ทำรายได้เกิดความคาดหมายเป็นอย่างมา หลังจากนั้นเขายังได้กลับมาเล่นเป็นซูเปอร์แมนอีกถึงสามครั้ง ด้านชีวิตส่วนตัว คริส แต่งงานกับ ดาน่า โมโรซีนี ในปี 1992 ทั้งสองมีลูกชาย และครอบครัวที่อบอุ่น เรียกได้ว่าชีวิตนั้นเกือบจะสมบูรณ์แบบ จนเมื่อปี 1995 คริส ประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้าในการแข่งขันขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ด้วยน้ำหนักที่มากของเขา ทำให้แรงกระแทกสร้างความเสียหายแก่กระดูกสันหลังและหยุดหายใจไป 3 นาที ก่อนจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป
ขอบคุณรูปภาพจาก www.alvintoy.com
นี่คือเรื่องราวในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของคริส หลังจากอาการดีขึ้นคริสก็ฝึกใช้เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้า และปรากฏตัวอีกครั้งในงานประกาศรางวัลออสการ์ ปี 1996 ซึ่งเขาได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง คริสก่อตั้งมูลนิธิคริสโตเฟอร์ รีฟ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอาการเดียวอย่างเขา เขายังโลดเเล่นอยู่ในวงการบันเทิงอยู่บ้างในผลงานซีรีส์เรื่อง Smallville คริส จากไปด้วยอาการหัวใจวายโดยเขามีอายุ 52 ปี คนทั่วโลกเสียใจกับข่าวนี้ ทุกครั้งที่มีการพูดถึงซูเปอร์แมนผู้คนจะยังจดจำเขา คริสโตเฟอร์ รีฟ ซูเปอร์แมนในชีวิตจริง