วันเดียวก็เที่ยวได้ ออกเดินทางจางกรุงเทพเวลา 9.30น. ถึงที่ไร่องุ่นพีบีวัลเลย์ 11 โมงนิดหน่อย อากาศกำลังดี เย็นสบาย แต่ฝนทำท่าจะตกซะแล้ว
ขอดื่มกาแฟในร้าน Great Hornbill Bistro เพิ่มคาเฟอีนในเส้นเลือดกันก่อนดีกว่า แต่พอเดินเข้าไปในร้านฝนก็ตกลงมาทันที สรุปคือวันนี้เราโชคดีที่ไม่เปียกใช่ไหม?
ระหว่างที่นั่งรอให้ฝนหยุดตก เพื่อที่เราจะได้ไปทัวร์ชิมไวน์กันต่อในวันนี้ก็ขอเก็บภาพภายในร้านกันสักหน่อย ในหัวก็คิดเพลงนี้ขึ้นมาทันที (อย่าถามว่าอายุเท่าไหร่ คือมันเป็นฟิลลิ่งจริง ๆ )
ฝนยังคงไม่หยุดตก แต่ก็เริ่มเบาลง เราจึงเริ่มทัวร์ของวันนี้ทันทีด้วยรถรางสีสันสดใสของพีบีวัลเล่ย์
จุดแรกที่เราจะไปชมคือโรงบ่มไวน์ ตลอดทางในพีบีวัลเล่ย์เราจะเห็นต้นองุ่นที่ปลูกเรียงรายโดยรอบ ฝนยังคงตกพรำๆ และเห็นเมฆหมอกขาวๆ ที่อยู่บนทิวเขา โอ้ยโรแมนติก (เอามือทาบอกเบาๆ “คุณพระ สวยงามอะไรอย่างนี้”)
ทัวร์ของที่นี่มีทั้งหมด 5 รอบ ใช้ระยะเวลาแต่ละรอบประมาณ 75 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 09:00 น. ,10:30 น., 12:00 น.13:30 น. และรอบสุดท้ายคือ 15:30 น. ราคาค่าทัวร์ 300 บาทต่อรอบ สำหรับผู้ใหญ่ และ ราคา 200 บาท สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 4-12 ปี
โรงบ่มไวน์ ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในโรงบ่มไวน์ ได้กลิ่นของไวน์ขึ้นมาในทันที เดินชมด้านในไปทีละห้อง ตั้งแต่ขั้นตอนแรก
จนถึงขั้นตอนของการบรรจุขวด ถ้าอยู่ในนี้ทั้งวันคงเมากลิ่นไวน์แน่ ๆ ขอข้ามช็อตไปชิมไวน์ให้เมาจริงๆ กันเลยดีกว่า
มาถึงขั้นตอนของการชิมไวน์ ย้ำนะคะว่าชิม ไม่ใช่ดื่มจนเมา ฮ่าๆ
คุณ Heribert Gaksch อธิบายขั้นตอนของการชิมไวน์ รสชาติของไวน์ชนิดต่างๆ และคุณสมบัติพิเศษของไวน์แต่ละชนิด
ไวน์แก้วแรกที่เราชิมคือ PB Khao Yai Reserve Chenin Blanc
จับไวน์ที่ขาของแก้วเพื่อไม่ให้ความร้อนของมือทำลายรสชาติของไวน์
จากนั้นดื่มไวน์ อมไวน์ไว้ในปาก กลั้วไวน์ในปากไปมาก่อนกลืน ตามขั้นตอนทีแนะนำเป๊ะ ๆ กลืนไวน์ลงไป
โอ้วพระเจ้า ร้อนตั้งแต่ปลายคอไปถึงกระเพาะ (เราไม่ใช่นักดื่มจึงไม่ค่อยถนัดแอลกอฮอล์เท่าไหร่)
ขอแก้วที่สองต่อทันที
ไวน์แก้วที่สองคือ PB Khao Yai Rose
ทำตามขั้นตอนของการดื่มไวน์เหมือนเดิม คราวนี้ รสชาติไม่ร้อนคอเท่าไหร่ แต่กลับนุ่มละมุน
แต่ความร้อนเปลี่ยนจากที่กระเพาะมาที่หน้าแทนแล้วคราวนี้
ไวน์แก้วที่สามคือ PB Khao Yai Reserve Shiraz คราวนี้ขออนุญาติไม่ชิมแต่ขอชิมน้ำองุ่นแทน
เพราะเกรงว่าจะเก็บภาพของไร่พีบีต่อๆ ไปไม่สวย ฮ่าๆๆ
จุดต่อไปของทัวร์คือชมไร่องุ่น ที่ตอนนี้ออกผลและพร้อมที่จะเก็บภายในสองหรือสามอาทิตย์ข้างหน้า
เห็นแล้วอยากเอาปากงับจากต้นกันเลยทีเดียว
สถานที่ต่อไปคือชมโรงคั่วกาแฟ เหมาะกับคอกาแฟอย่างเราเลยทีเดียว
หลังจากจบทัวร์ เราทานอาหารกันที่ร้าน Great Hornbill Bistro กับเมนูอาหารแนะนำ
รสชาติอาหารต้องบอกเลยว่าอร่อยทุกจาน ทานอาหารกับบรรยากาศดีดีแบบนี้ ให้ทานยังไงก็อร่อย
หลังจากทานอาหารเสร็จเราต่อด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่เย็นอีกหนึ่งแก้ว
ก่อนกลับแวะซื้อของฝากจากร้านซึ่งอยู่ในส่วนของร้านอาหาร มีสินค้าให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งไวน์ น้ำผลไม้ และสินค้าที่ผลิต
จากไร่พีบีวัลเล่ย์ ส่วนตัวเราชอบเห็ดและน้ำองุ่น ถ้าไม่เดินทางมาที่พีบีวัลเล่ย์ ค่อนข้างหาซื้อยากสักหน่อย นอกจากตามอีเว้นท์
ที่ทางพีบีวัลเล่ย์ไปออกงานแสดงสินค้าเท่านั้น
[SR] เที่ยว ชิม ชม อุ่นไอดิน หอมกลิ่นไวน์ พีบีวัลเล่ย์
วันเดียวก็เที่ยวได้ ออกเดินทางจางกรุงเทพเวลา 9.30น. ถึงที่ไร่องุ่นพีบีวัลเลย์ 11 โมงนิดหน่อย อากาศกำลังดี เย็นสบาย แต่ฝนทำท่าจะตกซะแล้ว
ขอดื่มกาแฟในร้าน Great Hornbill Bistro เพิ่มคาเฟอีนในเส้นเลือดกันก่อนดีกว่า แต่พอเดินเข้าไปในร้านฝนก็ตกลงมาทันที สรุปคือวันนี้เราโชคดีที่ไม่เปียกใช่ไหม?
ระหว่างที่นั่งรอให้ฝนหยุดตก เพื่อที่เราจะได้ไปทัวร์ชิมไวน์กันต่อในวันนี้ก็ขอเก็บภาพภายในร้านกันสักหน่อย ในหัวก็คิดเพลงนี้ขึ้นมาทันที (อย่าถามว่าอายุเท่าไหร่ คือมันเป็นฟิลลิ่งจริง ๆ )
ฝนยังคงไม่หยุดตก แต่ก็เริ่มเบาลง เราจึงเริ่มทัวร์ของวันนี้ทันทีด้วยรถรางสีสันสดใสของพีบีวัลเล่ย์
จุดแรกที่เราจะไปชมคือโรงบ่มไวน์ ตลอดทางในพีบีวัลเล่ย์เราจะเห็นต้นองุ่นที่ปลูกเรียงรายโดยรอบ ฝนยังคงตกพรำๆ และเห็นเมฆหมอกขาวๆ ที่อยู่บนทิวเขา โอ้ยโรแมนติก (เอามือทาบอกเบาๆ “คุณพระ สวยงามอะไรอย่างนี้”)
ทัวร์ของที่นี่มีทั้งหมด 5 รอบ ใช้ระยะเวลาแต่ละรอบประมาณ 75 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 09:00 น. ,10:30 น., 12:00 น.13:30 น. และรอบสุดท้ายคือ 15:30 น. ราคาค่าทัวร์ 300 บาทต่อรอบ สำหรับผู้ใหญ่ และ ราคา 200 บาท สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 4-12 ปี
โรงบ่มไวน์ ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในโรงบ่มไวน์ ได้กลิ่นของไวน์ขึ้นมาในทันที เดินชมด้านในไปทีละห้อง ตั้งแต่ขั้นตอนแรก
จนถึงขั้นตอนของการบรรจุขวด ถ้าอยู่ในนี้ทั้งวันคงเมากลิ่นไวน์แน่ ๆ ขอข้ามช็อตไปชิมไวน์ให้เมาจริงๆ กันเลยดีกว่า
มาถึงขั้นตอนของการชิมไวน์ ย้ำนะคะว่าชิม ไม่ใช่ดื่มจนเมา ฮ่าๆ
คุณ Heribert Gaksch อธิบายขั้นตอนของการชิมไวน์ รสชาติของไวน์ชนิดต่างๆ และคุณสมบัติพิเศษของไวน์แต่ละชนิด
ไวน์แก้วแรกที่เราชิมคือ PB Khao Yai Reserve Chenin Blanc
จับไวน์ที่ขาของแก้วเพื่อไม่ให้ความร้อนของมือทำลายรสชาติของไวน์
จากนั้นดื่มไวน์ อมไวน์ไว้ในปาก กลั้วไวน์ในปากไปมาก่อนกลืน ตามขั้นตอนทีแนะนำเป๊ะ ๆ กลืนไวน์ลงไป
โอ้วพระเจ้า ร้อนตั้งแต่ปลายคอไปถึงกระเพาะ (เราไม่ใช่นักดื่มจึงไม่ค่อยถนัดแอลกอฮอล์เท่าไหร่)
ขอแก้วที่สองต่อทันที
ไวน์แก้วที่สองคือ PB Khao Yai Rose
ทำตามขั้นตอนของการดื่มไวน์เหมือนเดิม คราวนี้ รสชาติไม่ร้อนคอเท่าไหร่ แต่กลับนุ่มละมุน
แต่ความร้อนเปลี่ยนจากที่กระเพาะมาที่หน้าแทนแล้วคราวนี้
ไวน์แก้วที่สามคือ PB Khao Yai Reserve Shiraz คราวนี้ขออนุญาติไม่ชิมแต่ขอชิมน้ำองุ่นแทน
เพราะเกรงว่าจะเก็บภาพของไร่พีบีต่อๆ ไปไม่สวย ฮ่าๆๆ
จุดต่อไปของทัวร์คือชมไร่องุ่น ที่ตอนนี้ออกผลและพร้อมที่จะเก็บภายในสองหรือสามอาทิตย์ข้างหน้า
เห็นแล้วอยากเอาปากงับจากต้นกันเลยทีเดียว
สถานที่ต่อไปคือชมโรงคั่วกาแฟ เหมาะกับคอกาแฟอย่างเราเลยทีเดียว
หลังจากจบทัวร์ เราทานอาหารกันที่ร้าน Great Hornbill Bistro กับเมนูอาหารแนะนำ
รสชาติอาหารต้องบอกเลยว่าอร่อยทุกจาน ทานอาหารกับบรรยากาศดีดีแบบนี้ ให้ทานยังไงก็อร่อย
หลังจากทานอาหารเสร็จเราต่อด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่เย็นอีกหนึ่งแก้ว
ก่อนกลับแวะซื้อของฝากจากร้านซึ่งอยู่ในส่วนของร้านอาหาร มีสินค้าให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งไวน์ น้ำผลไม้ และสินค้าที่ผลิต
จากไร่พีบีวัลเล่ย์ ส่วนตัวเราชอบเห็ดและน้ำองุ่น ถ้าไม่เดินทางมาที่พีบีวัลเล่ย์ ค่อนข้างหาซื้อยากสักหน่อย นอกจากตามอีเว้นท์
ที่ทางพีบีวัลเล่ย์ไปออกงานแสดงสินค้าเท่านั้น
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น