สำหรับครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สี่ ไม่ก็ครั้งที่ห้าของผมสำหรับประเทศนี้ แต่ทุกครั้งที่ไปสิงคโปร์ ก็มักจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ ไม่งั้นคงไม่กลับมาบ่อยๆ แบบนี้หรอก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน จะว่าบังเอิญก็ไม่ใช่ แต่ดันไปจองบัตร Ultra Singapore ในช่วยที่เขาเปิด Pre-sell หรือ Early bird ไว้มาครอบครอง รวมภาษีก็ราวๆ เกือบ 6,000 บาท ตอนนั้นหน้ามืดตามัวอย่างไรไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็มีบัตร Ultra Singapore 2016 อยู่ในมือสะแล้ว...
ก่อนหน้านี้ทำใจอยู่นาน ว่าจะมาดีมั้ย? เพราะไม่มีเพื่อนมาด้วย คือไปเที่ยวคนเดียวอ่ะ ไม่มีปัญหานะ แต่ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวนี่สิ เคยไปคนเดียวตอน Potato Live
จะบ้าตาย จะเต้นก็เต้นไม่สุด จะร้องก็ร้องไม่สุด มันอึดอัด แต่ก็นะ บัตรมันแพง เหมือนเป็นไฟลท์บังคับบอกเราว่า "ยังไงเมิงก็ต้องไป" ฮาๆๆ เออๆ กูไปก็ได้ ไม่นานนัก ก็โพสต์เฟสบุ๊ค ในกลุ่ม EDM Thailand และก็ Facebook ส่วนตัว หาคนที่ไปงานนี้เหมือนกัน จะขอไปแจม...
แน่นอนว่ามันต้องมีคนไทยที่บ้าเหมือนกัน ใช่ ผมมีเพื่อนหนึ่งกลุ่มให้ไปแจมกันที่นู่น นัดกันเจอหน้างานเลย สำหรับการติดต่อไม่ต้องห่วง ทริปนี้ได้ Tripizee Pocket Wifi มาใช้ เรียกได้ว่าเครื่อง Landed เปิ๊บ กู Check in ปั๊บ Feel good โคตรๆ
พอออกมาที่ตัวห้องสนามบิน ก็มุ่งหน้าไปที่ Terminal 3 เลยครับ เพราะจะมีสถานีรถไฟเข้าเมืองอยู่ ทริปนี้เตรียมของมาน้อยมาก มีกระเป๋าแค่หนึ่งใบ ในกระเป๋าหนึ่งใบนั้นมี
Tripizee pocket wifi
Gopro
Huwei P9
กางเกงใน 1 ตัว
เสื้อสองตัว 1 ตัว (
เป็นผ้าเช็ดตัวด้วย)
กางเกงก็ตัวที่ใส่มาตั้งแต่ต้นจนจบ
สายชาร์จต่างๆ และ Adapter
หมอนรองคอ Urbi Lifestyle
เครื่องใช้ส่วนตัว
เงิน 126 USD
คือเมิงไม่ต้องตกใจครับ อย่างที่บอก เอามาแค่นี้จริงๆ แล้วคือเงินเนี่ย ก็ควักจากกระเป๋าตังค์ที่มีทั้งหมด เพราะลืมเอาบัตร ATM มา คือเป็นการเดินทางที่เหมือนกับว่ากูนั่งบัสจาก กทม. ไปเชียงใหม่อะไรทำนองนั้น ฮาๆ เอาล่ะ เงินมีแค่นี้ ยังไงก็ต้องประหยัดและต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ผมเดินลงไปที่ชั้นล่าง ไปที่ Counter ซื้อตั๋ว Ez link การเดินทางท่องเที่ยวสำหรับประเทศนี้นั้นง่ายโคตร ซื้อเหมาไปเลยครับ เรียกว่า Traveling card จะอยู่กี่วันก็ซื้อเท่านั้นครับ อย่างกรณีของผม อยู่ 2 วันก็บอกเขาว่า 2 days traveling card Please แค่นี้ เราก็จะได้ Item สำหรับการเดินทางตลอดทั้งทริปแล้ว ซึ่งเจ้าตั๋วนี้ ราคา 16 SGD (สำหรับ 2 วัน) แต่จะต้องจ่ายมัดจำบาทเพิ่ม 10 SGD ครับ เพื่อประกันบัตรสูญหาย และมารับมัดจำได้ก็ต่อเมื่อเอาบัตรมาคืน เป็นไงล่ะ ง่ายมั้ย
หมายเหตุ : 1 SGD = 26 บาท
หลังจากที่เราจ่ายค่าบัตรไป เราก็จะได้แผนที่มาหนึ่งฉบับครับ สำหรับใครที่ไม่เคยมา อยากให้ศึกษาและจำเส้นทางหลักๆ ตามสีครับ ว่าแต่ละที่จะต้องขึ้นสีไหนอะไรอย่างไร หรือไม่ก็ใช้วิธีเหมือนเด็กประถมครับ ลากเส้นจาก A ไป B อะไรทำนองนี้ ง่ายนิดเดียว ทริปนี้ของผมไม่มีแพลนและไม่มีเพื่อน เพราะฉะนั้นที่เอากระเป๋ามาใบเดียว คือหมายถึงความพร้อมที่จะนอนตาม Mac Donald หรืออะไรก็ได้ที่มันเปิด 24 ชั่วโมง แต่ผมเชื่อ ว่าที่พักไม่เต็มหรอกน้าาาา...
จาก Airport สายสีเขียว ผมนั่งมาลง Bugis Station สายสีน้ำเงิน จากนั้นก็นั่งต่อมายัง China Town ใช่แล้วครับ สำหรับคืนนี้ ผมจะหาที่นอนแถว China Town นี่แหละ เพราะวันพรุ่งนี้ กะเดินเที่ยวเล่นบริเวณนี้ และหาของกินที่นี่ไปในตัว คือบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มี Hostel เยอะมาก ผมเดินไป Hostel ที่ผมเคยพักเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากนั้นเข้าไปถาม ปรากฏว่ามีห้องว่างครับ เป็นเตียงสองชั้น ห้องรวม รวมอาหารเช้า ตู้ Locker ค่าห้องคืนละ 29 SGD ต่อคนต่อคืน จะไปรออะไรครับ จัดไปสิ ตอนนี้ไม่เกิน 30 SGD สำหรับผมถือว่าถูกหมดนั่นแหละ...
ผมเก็บข้าวของ ติดต่อกับน้องอีกคน และนัดเจอกันที่สถานี Bayfont ครับ เป็นสถานีที่อยู่ใต้ Marina Bay Sand เลย เพื่อที่จะเข้าไปดู EDM Concert กัน ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากประตู ก็เหลือบไปเห็นข้อความที่เคยเขียนเอาไว้เมื่อสองปีที่แล้วครับ แล้วก็มีคนไทยมาเขียนต่อจากผมอีก รู้สึกดีใจและประหลาดใจมาก รู้สึกดีจริงๆ ผมเขียนเอาไว้ว่า "เด๋วกูมาใหม่ PALAPILII Thailand" ไม่คิดเลย ว่าจะได้กลับมาที่นี่จริงๆ ฮาๆ
ต้องบอกว่าทริปนี้ทั้งทริปผมใช้มือถือเครื่องใหม่จากจีนนามว่า Huawei ในการเก็บภาพทั้งหมดครับ รุ่นที่ผมใช้คือ P9 ต้องบอกก่อนเลยว่าใช้ไม่เป็น ภาพที่เพื่อนๆ เห็นในช่วงนี้คือกดถ่ายลูกเดียว ถ่ายแบบ Auto คือเห็นหลายคนบอกว่ามันเป็นเลนไลก้า แล้วมันถ่ายได้หลายแบบ ถ่ายตอนกลางคืนก็สวย หน้าชัดหลังเบลอก็ได้ เออ คือเห็นรีวิวมาเยอะ แต่พอมือถืออยู่กับตัวเอง กูทำห่าอะไรไม่เป็นเลย ฮาๆๆ ช่างมันครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งไป Focus ที่เรื่องมือถือ ไปดูบรรยากาศงาน Ultra Singapore กันก่อนดีกว่า...
พอขึ้นมาจากสถานี BayFont ก็อีกโลกหนึ่งเลยครับ ผู้คนแต่งตัวกันแบบกูนิบ้านนอกไปเลย แต่ละคนจัดเต็มทั้งนั้น ผมเดินเข้าไปที่ Hall A ของตึก Marina เพื่อไปแลก Wristband จากนั้นก็เดินตามผู้คนเป็นร้อยไปเรื่อยๆ นึกภาพมดที่มันเดินเป็นแถว ผม
คือหนึ่งในนั้น และไม่นานนักก็ถึงหน้า Gate เพื่อ Scan Bar Code แล้วเข้าไปในงาน คนต่อแถวกันเยอะเหมือนในภาพเลยครับ
หลังจากติดไฟแดงรอ Scan Barcode อยู่ข้างนอกนานกว่าครึ่งชั่วโมง ผมก็เอาร่างกายอันช้ำชีที่ถูกการเบียดเสียดเข้ามาภายในงาน Ultra Singapore ได้เป็นที่เรียบร้อย และนี่คือภาพแรกที่ผมถ่ายเก็บมาให้เพื่อนๆ ดูครับ ฮาๆ
คือมันเป็นเทศกาลดนตรีที่รวมเหล่าประชาชาติมากๆ มีมาจากหลายประเทศโคตรๆ นี่คือช่วงที่ผมไปร้อนๆ ตอนบ่ายสองยังมีคนเยอะขนาดนี้ แล้วตอนกลางคืนจะมีคนเยอะขนาดไหน คิดไม่ออกเลยครับเพื่อนๆ ระหว่างนี้ผมคงพูดอะไรไม่ได้มาก ปล่อยให้ภาพบรรยายบรรยากาศของงานแทนคำพูดของผม น่าจะดีที่สุด
ในช่วงที่เต้นจนปวดหลังหมดแรง ผมเดินออกมาข้างนอกครับ ออกมาจากกลางฝูงชน แล้วก็ถ่ายรูปเล่นตามประสาของคนที่เอามือถือตัวใหม่ไป แล้วอยากรู้ว่าแต่ละโหมดใช้งานอย่างไร ภาพกว้างๆ แบบนี้เลยจัดโหดม Panorama มาดูสักสองรูป
ก็ใช้ได้ของมันแฮะ แล้วรู้สึกว่าจะถ่ายง่ายด้วยนะ บวกกับภาพที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งแล้วได้ออกมาแบบนี้เลย ผมว่าเวิร์คทีเดียว
ในงาน Ultra Singapore ในครั้งนี้ หลักๆ ที่เรียกคนมาดู ก็คงจะหนีไม่พ้น Line Up ที่ Main Stage อย่าง Afrojack Deadmua5 และ DJ Snake นั่นเอง คือระเบิดความมันตลอดทั้งงานอะไรเบอร์นั้น
ในคืนแรกช่วงที่ Deadmua5 เล่น ผมยืนไม่ไหวแล้วครับ หมดแรง เหงื่อเต็มตัว แล้วขอตัวเพื่อนๆ ที่นัดเจอกันในงานกลับมาก่อน ก็นั่งจาก Bay Font มาลงที่ Clack Quay เพื่อที่จะกินบากุเต๋ครับ
คือร้านมันอยู่บริเวณแถบๆ Night Life Clack Quay เลยครับ ผมอ่านภาษาจีนไม่ออก แต่เอาเป็นว่าการันตีความอร่อย ที่ผมสั่งชามละประมาณ 7-10 SGD ครับ บวกนู้นบวกนี้ ทานคนเดียวหมด 26 SGD ให้ตายเถอะ แค่มื้อเดียว ทำตังค์เกือบหมดกระเป๋า ฮาๆ เอออออ... แล้วระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ผมค้นพบกับโหมดอีกโหมดหนึ่งของมือถือเครื่องนี้ครับ นั่นก็คือหน้าชัดหลังเบลอ (wide aperture) มันไม่ใช่แค่ทำหน้าชัดหลังเบลอนะครับ แต่มันมีมากกว่านั้น...
ที่บอกว่ามันมีมากกว่านั้นคือ หลังจากที่เราถ่ายเสร็จไป เราสามารถมาปรับแก้ค่า Focus ในภาพได้อีกครั้งแล้ว save เป็นอีกภาพหนึ่งภาพใหม่เลยก็ได้ครับ ถือตอนแรกก็ใช้ไมเป็น แต่พอเริ่มใช้เป็นแล้วสนุกโคตรๆ ผมว่าพรุ่งนี้ผมมีอะไรเล่นแล้วล่ะ ฮาๆๆๆ
ภาพนี้ลองเน้นที่ล้อและตัวรถสามล้อดูครับ เพื่อนๆ สังเกตุไหมว่า ข้างหลังรถสามล้อจะเบลอหมดแล้ว แล้วหากอยากให้สามล้อเบลอก็ทำได้เช่นกัน เพียงแค่เอาภาพที่ถ่ายในโหมด wide aperture มาปรับค่าและตำแหน่งของ Focus แค่นี้เพื่อนๆ ก็จะได้ภาพที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อีกแบบครับ แต่อย่างว่า เค้าบอกว่า Huawei P9 ถ่ายตอนกลางคืนสวย ไหน ขอดูโหมดกลางคืนสักภาพหนึ่งก่อนเข้านอนสิ จะเป็นอย่างไร
เชี่ยยยยยยยยยยยยย กระเป๋าตังค์กูสั่นคลอน ฮาๆๆ เอาล่ะ วันนี้เหนื่อยแล้ว เด่วพรุ่งนี้จะมาเล่นกล้องถ่ายรูปในมือถือทั้งวันเลย ราตรีสวัสดิ์ครับเพื่อนๆ
เมื่อคืนทานไม่หมดครับ เอา Spare Pork soup กลับมากินตอนเช้าด้วย ที่ที่พัก มีอาหารเช้าให้ และก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครับ ไม่ต้องกังวลหากมีของเหลือที่ทานไม่หมด เอามาแช่ตู้เย็น ติดป้ายชื่อ แล้วเอามาอุ่นทานเมื่อไหร่ก็ได้ครับ วันนี้ทั้งวันผมจะยอมสละตั๋ว Ultra Singapore ในวันที่สองทิ้งครับ รู้สึกว่าเหนื่อย ไม่อยากไปยืนเต้นแร้งเต้นกาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว เอาเวลามาเดินเล่นในสิงคโปร์เป็น Guideline ให้เพื่อนๆ น่าจะมีประโยชน์กว่า ผมตื่นโคตรสายครับ เพื่อที่จะไปทานข้าวมันไก่เทียนเทียน
เดินออกมาจากที่พัก ตรงไปทางตลาด Max Well ครับ ก็จะเห็นตึกที่โดดเด่นสวยสง่ามากๆ อดใจไม่ได้ที่จะต้องถ่ายเก็บไว้ ช่วงนี้ทั้งวันเป็นช่วงลองกล้องของ Huawei P9 ครับ กดไปมั่วๆ ไปเจอโหมด Vivid Colour ครับเพื่อนๆ มันคือโหมดเร่งสีดึงสีนั่นเอง หาดสังเกตุ ภาพด้านบนกับด้านล่างของผม ทุกภาพถ่ายออกมาโดยไม่มีการแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ภาพด้านบนใช้โหมดปกติ ส่วนภาพด้านล่าง ใช้โหมด Vivid Colour เพื่อนๆ เห็นความต่างไหมล่ะครับ ฮาๆ
[CR] สิงคโปร์ ไปแล้วไปอีก
สำหรับครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สี่ ไม่ก็ครั้งที่ห้าของผมสำหรับประเทศนี้ แต่ทุกครั้งที่ไปสิงคโปร์ ก็มักจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ ไม่งั้นคงไม่กลับมาบ่อยๆ แบบนี้หรอก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน จะว่าบังเอิญก็ไม่ใช่ แต่ดันไปจองบัตร Ultra Singapore ในช่วยที่เขาเปิด Pre-sell หรือ Early bird ไว้มาครอบครอง รวมภาษีก็ราวๆ เกือบ 6,000 บาท ตอนนั้นหน้ามืดตามัวอย่างไรไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็มีบัตร Ultra Singapore 2016 อยู่ในมือสะแล้ว...
ก่อนหน้านี้ทำใจอยู่นาน ว่าจะมาดีมั้ย? เพราะไม่มีเพื่อนมาด้วย คือไปเที่ยวคนเดียวอ่ะ ไม่มีปัญหานะ แต่ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวนี่สิ เคยไปคนเดียวตอน Potato Live จะบ้าตาย จะเต้นก็เต้นไม่สุด จะร้องก็ร้องไม่สุด มันอึดอัด แต่ก็นะ บัตรมันแพง เหมือนเป็นไฟลท์บังคับบอกเราว่า "ยังไงเมิงก็ต้องไป" ฮาๆๆ เออๆ กูไปก็ได้ ไม่นานนัก ก็โพสต์เฟสบุ๊ค ในกลุ่ม EDM Thailand และก็ Facebook ส่วนตัว หาคนที่ไปงานนี้เหมือนกัน จะขอไปแจม...
แน่นอนว่ามันต้องมีคนไทยที่บ้าเหมือนกัน ใช่ ผมมีเพื่อนหนึ่งกลุ่มให้ไปแจมกันที่นู่น นัดกันเจอหน้างานเลย สำหรับการติดต่อไม่ต้องห่วง ทริปนี้ได้ Tripizee Pocket Wifi มาใช้ เรียกได้ว่าเครื่อง Landed เปิ๊บ กู Check in ปั๊บ Feel good โคตรๆ
พอออกมาที่ตัวห้องสนามบิน ก็มุ่งหน้าไปที่ Terminal 3 เลยครับ เพราะจะมีสถานีรถไฟเข้าเมืองอยู่ ทริปนี้เตรียมของมาน้อยมาก มีกระเป๋าแค่หนึ่งใบ ในกระเป๋าหนึ่งใบนั้นมี
Tripizee pocket wifi
Gopro
Huwei P9
กางเกงใน 1 ตัว
เสื้อสองตัว 1 ตัว (เป็นผ้าเช็ดตัวด้วย)
กางเกงก็ตัวที่ใส่มาตั้งแต่ต้นจนจบ
สายชาร์จต่างๆ และ Adapter
หมอนรองคอ Urbi Lifestyle
เครื่องใช้ส่วนตัว
เงิน 126 USD
คือเมิงไม่ต้องตกใจครับ อย่างที่บอก เอามาแค่นี้จริงๆ แล้วคือเงินเนี่ย ก็ควักจากกระเป๋าตังค์ที่มีทั้งหมด เพราะลืมเอาบัตร ATM มา คือเป็นการเดินทางที่เหมือนกับว่ากูนั่งบัสจาก กทม. ไปเชียงใหม่อะไรทำนองนั้น ฮาๆ เอาล่ะ เงินมีแค่นี้ ยังไงก็ต้องประหยัดและต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ผมเดินลงไปที่ชั้นล่าง ไปที่ Counter ซื้อตั๋ว Ez link การเดินทางท่องเที่ยวสำหรับประเทศนี้นั้นง่ายโคตร ซื้อเหมาไปเลยครับ เรียกว่า Traveling card จะอยู่กี่วันก็ซื้อเท่านั้นครับ อย่างกรณีของผม อยู่ 2 วันก็บอกเขาว่า 2 days traveling card Please แค่นี้ เราก็จะได้ Item สำหรับการเดินทางตลอดทั้งทริปแล้ว ซึ่งเจ้าตั๋วนี้ ราคา 16 SGD (สำหรับ 2 วัน) แต่จะต้องจ่ายมัดจำบาทเพิ่ม 10 SGD ครับ เพื่อประกันบัตรสูญหาย และมารับมัดจำได้ก็ต่อเมื่อเอาบัตรมาคืน เป็นไงล่ะ ง่ายมั้ย
หมายเหตุ : 1 SGD = 26 บาท
หลังจากที่เราจ่ายค่าบัตรไป เราก็จะได้แผนที่มาหนึ่งฉบับครับ สำหรับใครที่ไม่เคยมา อยากให้ศึกษาและจำเส้นทางหลักๆ ตามสีครับ ว่าแต่ละที่จะต้องขึ้นสีไหนอะไรอย่างไร หรือไม่ก็ใช้วิธีเหมือนเด็กประถมครับ ลากเส้นจาก A ไป B อะไรทำนองนี้ ง่ายนิดเดียว ทริปนี้ของผมไม่มีแพลนและไม่มีเพื่อน เพราะฉะนั้นที่เอากระเป๋ามาใบเดียว คือหมายถึงความพร้อมที่จะนอนตาม Mac Donald หรืออะไรก็ได้ที่มันเปิด 24 ชั่วโมง แต่ผมเชื่อ ว่าที่พักไม่เต็มหรอกน้าาาา...
จาก Airport สายสีเขียว ผมนั่งมาลง Bugis Station สายสีน้ำเงิน จากนั้นก็นั่งต่อมายัง China Town ใช่แล้วครับ สำหรับคืนนี้ ผมจะหาที่นอนแถว China Town นี่แหละ เพราะวันพรุ่งนี้ กะเดินเที่ยวเล่นบริเวณนี้ และหาของกินที่นี่ไปในตัว คือบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มี Hostel เยอะมาก ผมเดินไป Hostel ที่ผมเคยพักเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากนั้นเข้าไปถาม ปรากฏว่ามีห้องว่างครับ เป็นเตียงสองชั้น ห้องรวม รวมอาหารเช้า ตู้ Locker ค่าห้องคืนละ 29 SGD ต่อคนต่อคืน จะไปรออะไรครับ จัดไปสิ ตอนนี้ไม่เกิน 30 SGD สำหรับผมถือว่าถูกหมดนั่นแหละ...
ผมเก็บข้าวของ ติดต่อกับน้องอีกคน และนัดเจอกันที่สถานี Bayfont ครับ เป็นสถานีที่อยู่ใต้ Marina Bay Sand เลย เพื่อที่จะเข้าไปดู EDM Concert กัน ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากประตู ก็เหลือบไปเห็นข้อความที่เคยเขียนเอาไว้เมื่อสองปีที่แล้วครับ แล้วก็มีคนไทยมาเขียนต่อจากผมอีก รู้สึกดีใจและประหลาดใจมาก รู้สึกดีจริงๆ ผมเขียนเอาไว้ว่า "เด๋วกูมาใหม่ PALAPILII Thailand" ไม่คิดเลย ว่าจะได้กลับมาที่นี่จริงๆ ฮาๆ
ต้องบอกว่าทริปนี้ทั้งทริปผมใช้มือถือเครื่องใหม่จากจีนนามว่า Huawei ในการเก็บภาพทั้งหมดครับ รุ่นที่ผมใช้คือ P9 ต้องบอกก่อนเลยว่าใช้ไม่เป็น ภาพที่เพื่อนๆ เห็นในช่วงนี้คือกดถ่ายลูกเดียว ถ่ายแบบ Auto คือเห็นหลายคนบอกว่ามันเป็นเลนไลก้า แล้วมันถ่ายได้หลายแบบ ถ่ายตอนกลางคืนก็สวย หน้าชัดหลังเบลอก็ได้ เออ คือเห็นรีวิวมาเยอะ แต่พอมือถืออยู่กับตัวเอง กูทำห่าอะไรไม่เป็นเลย ฮาๆๆ ช่างมันครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งไป Focus ที่เรื่องมือถือ ไปดูบรรยากาศงาน Ultra Singapore กันก่อนดีกว่า...
พอขึ้นมาจากสถานี BayFont ก็อีกโลกหนึ่งเลยครับ ผู้คนแต่งตัวกันแบบกูนิบ้านนอกไปเลย แต่ละคนจัดเต็มทั้งนั้น ผมเดินเข้าไปที่ Hall A ของตึก Marina เพื่อไปแลก Wristband จากนั้นก็เดินตามผู้คนเป็นร้อยไปเรื่อยๆ นึกภาพมดที่มันเดินเป็นแถว ผมคือหนึ่งในนั้น และไม่นานนักก็ถึงหน้า Gate เพื่อ Scan Bar Code แล้วเข้าไปในงาน คนต่อแถวกันเยอะเหมือนในภาพเลยครับ
หลังจากติดไฟแดงรอ Scan Barcode อยู่ข้างนอกนานกว่าครึ่งชั่วโมง ผมก็เอาร่างกายอันช้ำชีที่ถูกการเบียดเสียดเข้ามาภายในงาน Ultra Singapore ได้เป็นที่เรียบร้อย และนี่คือภาพแรกที่ผมถ่ายเก็บมาให้เพื่อนๆ ดูครับ ฮาๆ
คือมันเป็นเทศกาลดนตรีที่รวมเหล่าประชาชาติมากๆ มีมาจากหลายประเทศโคตรๆ นี่คือช่วงที่ผมไปร้อนๆ ตอนบ่ายสองยังมีคนเยอะขนาดนี้ แล้วตอนกลางคืนจะมีคนเยอะขนาดไหน คิดไม่ออกเลยครับเพื่อนๆ ระหว่างนี้ผมคงพูดอะไรไม่ได้มาก ปล่อยให้ภาพบรรยายบรรยากาศของงานแทนคำพูดของผม น่าจะดีที่สุด
ในช่วงที่เต้นจนปวดหลังหมดแรง ผมเดินออกมาข้างนอกครับ ออกมาจากกลางฝูงชน แล้วก็ถ่ายรูปเล่นตามประสาของคนที่เอามือถือตัวใหม่ไป แล้วอยากรู้ว่าแต่ละโหมดใช้งานอย่างไร ภาพกว้างๆ แบบนี้เลยจัดโหดม Panorama มาดูสักสองรูป ก็ใช้ได้ของมันแฮะ แล้วรู้สึกว่าจะถ่ายง่ายด้วยนะ บวกกับภาพที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งแล้วได้ออกมาแบบนี้เลย ผมว่าเวิร์คทีเดียว
ในงาน Ultra Singapore ในครั้งนี้ หลักๆ ที่เรียกคนมาดู ก็คงจะหนีไม่พ้น Line Up ที่ Main Stage อย่าง Afrojack Deadmua5 และ DJ Snake นั่นเอง คือระเบิดความมันตลอดทั้งงานอะไรเบอร์นั้น
ในคืนแรกช่วงที่ Deadmua5 เล่น ผมยืนไม่ไหวแล้วครับ หมดแรง เหงื่อเต็มตัว แล้วขอตัวเพื่อนๆ ที่นัดเจอกันในงานกลับมาก่อน ก็นั่งจาก Bay Font มาลงที่ Clack Quay เพื่อที่จะกินบากุเต๋ครับ
คือร้านมันอยู่บริเวณแถบๆ Night Life Clack Quay เลยครับ ผมอ่านภาษาจีนไม่ออก แต่เอาเป็นว่าการันตีความอร่อย ที่ผมสั่งชามละประมาณ 7-10 SGD ครับ บวกนู้นบวกนี้ ทานคนเดียวหมด 26 SGD ให้ตายเถอะ แค่มื้อเดียว ทำตังค์เกือบหมดกระเป๋า ฮาๆ เอออออ... แล้วระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ผมค้นพบกับโหมดอีกโหมดหนึ่งของมือถือเครื่องนี้ครับ นั่นก็คือหน้าชัดหลังเบลอ (wide aperture) มันไม่ใช่แค่ทำหน้าชัดหลังเบลอนะครับ แต่มันมีมากกว่านั้น...
ที่บอกว่ามันมีมากกว่านั้นคือ หลังจากที่เราถ่ายเสร็จไป เราสามารถมาปรับแก้ค่า Focus ในภาพได้อีกครั้งแล้ว save เป็นอีกภาพหนึ่งภาพใหม่เลยก็ได้ครับ ถือตอนแรกก็ใช้ไมเป็น แต่พอเริ่มใช้เป็นแล้วสนุกโคตรๆ ผมว่าพรุ่งนี้ผมมีอะไรเล่นแล้วล่ะ ฮาๆๆๆ
ภาพนี้ลองเน้นที่ล้อและตัวรถสามล้อดูครับ เพื่อนๆ สังเกตุไหมว่า ข้างหลังรถสามล้อจะเบลอหมดแล้ว แล้วหากอยากให้สามล้อเบลอก็ทำได้เช่นกัน เพียงแค่เอาภาพที่ถ่ายในโหมด wide aperture มาปรับค่าและตำแหน่งของ Focus แค่นี้เพื่อนๆ ก็จะได้ภาพที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อีกแบบครับ แต่อย่างว่า เค้าบอกว่า Huawei P9 ถ่ายตอนกลางคืนสวย ไหน ขอดูโหมดกลางคืนสักภาพหนึ่งก่อนเข้านอนสิ จะเป็นอย่างไร
เชี่ยยยยยยยยยยยยย กระเป๋าตังค์กูสั่นคลอน ฮาๆๆ เอาล่ะ วันนี้เหนื่อยแล้ว เด่วพรุ่งนี้จะมาเล่นกล้องถ่ายรูปในมือถือทั้งวันเลย ราตรีสวัสดิ์ครับเพื่อนๆ
เมื่อคืนทานไม่หมดครับ เอา Spare Pork soup กลับมากินตอนเช้าด้วย ที่ที่พัก มีอาหารเช้าให้ และก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครับ ไม่ต้องกังวลหากมีของเหลือที่ทานไม่หมด เอามาแช่ตู้เย็น ติดป้ายชื่อ แล้วเอามาอุ่นทานเมื่อไหร่ก็ได้ครับ วันนี้ทั้งวันผมจะยอมสละตั๋ว Ultra Singapore ในวันที่สองทิ้งครับ รู้สึกว่าเหนื่อย ไม่อยากไปยืนเต้นแร้งเต้นกาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว เอาเวลามาเดินเล่นในสิงคโปร์เป็น Guideline ให้เพื่อนๆ น่าจะมีประโยชน์กว่า ผมตื่นโคตรสายครับ เพื่อที่จะไปทานข้าวมันไก่เทียนเทียน
เดินออกมาจากที่พัก ตรงไปทางตลาด Max Well ครับ ก็จะเห็นตึกที่โดดเด่นสวยสง่ามากๆ อดใจไม่ได้ที่จะต้องถ่ายเก็บไว้ ช่วงนี้ทั้งวันเป็นช่วงลองกล้องของ Huawei P9 ครับ กดไปมั่วๆ ไปเจอโหมด Vivid Colour ครับเพื่อนๆ มันคือโหมดเร่งสีดึงสีนั่นเอง หาดสังเกตุ ภาพด้านบนกับด้านล่างของผม ทุกภาพถ่ายออกมาโดยไม่มีการแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ภาพด้านบนใช้โหมดปกติ ส่วนภาพด้านล่าง ใช้โหมด Vivid Colour เพื่อนๆ เห็นความต่างไหมล่ะครับ ฮาๆ