ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรก ที่มาแชร์มาเล่าให้ฟังในพันทิปนี้นะคะ
ขอเข้าเรื่องกันเลยค่ะ ในวันที่ 17-23 เมื่อเดือนกันยายน 2016 ที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้ได้ไปเที่ยวที่โตเกียวค่ะ ประเทศญี่ปุ่น หลายคนคงรู้จักเมืองนี้กันเป็นอย่างดี แต่เจ้าของกระทู้และผู้ร่วมทริปอีกสองคนนี้ไปโตเกียวกันครั้งแรกค่ะ และที่สำคัญไปกันเอง โดยเราตั้งข้อกำหนดไว้อย่างนี้ค่ะว่าราคาประหยัด ไม่แพงมาก บินตรง พักโอเค และเวลาเรา 3 คนตรงกันและสามารถไปกันได้ และไม่อยากได้ช่วงที่ไปแบบคนเยอะๆ แย่งกันกินแย่งกันเที่ยว อยากได้สัมผัสบรรยากาศ กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นจริงๆ ได้รู้จักวิถีชีวิตของคนที่นั่นจริงๆ เมื่อทุกอย่างลงตัวเราเลยได้ช่วงเวลานี้ค่ะ
ในช่วงนั้นฤดูกาลของทางญี่ปุ่นเองจะเป็นช่วงมรสุม แต่ตอนที่ไปคือไม่ได้รุนแรง มีฝนตกโปรยปราย ซึ่งเหมือนปลายฝนต้นหนาวของบ้านเรา แต่อากาศและบรรยากาศฝนตกของบ้านเค้าสะอาดกว่าของบ้านเราเยอะค่ะ (โดยส่วนตัวแล้วเป็ภูมิแพ้ค่ะ และแพ้อากาศด้วย โดยเฉพาะความชื้นเวลาฝนตก แต่อากาศที่นั่นไม่แพ้เลยค่ะ) แต่เราได้ศึกษาสภาพอากาศและหนังสือแนะนำพร้อมสอบถามคนที่เคยไป เพื่อเตรียมเผชิญการท่องเที่ยวกันต่อไป เราต้องศึกษาข้อมูลกันดีๆนะคะ (หนังสือรีวิว และรีวิวในเน็ตช่วยท่านได้)
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ เนื่องจากเรายังไม่เคยไปแล้วไปกันเองอีก ทริปนี้เราเลยเลือกไปที่ๆคิดว่าไม่ลำบากนัก โดยการเดินทางครั้งนี้ เดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์พร้อมจองที่พัก ผ่านสายการบิน เป็นเที่ยวบินที่บินตรงไปลงที่สนามบินนาริตะ (Narita) ใช้เวลาการบินประมาณ 6 ชั่วโมง โดยทางเจ้าของกระทู้จองตั๋วแบบได้โปรโมชั่นเพราะเนื่องจากเป็นหน้าโลซีซั่นที่ญี่ปุ่น แต่แค่ค่าตั๋วกับที่พักก็คุ้มแล้ว เบ็ดเสร็จค่าตั๋วบินตรงไปกลับ และค่าที่พักโรงแรม 3 ดาว 5 คืน ราคาไม่ถึง 16,000 บาท/คน (อย่างที่บอกแค่ค่าเดินทางกับที่พักก็คุ้มแล้ว) เราเลือกพักที่ My Stay Hotel Gotanda Shinangawa ค่ะ เป็นโรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟ ทั้ง JR (Yamanote Line) และ Mretro (Arsakusa Line)
เริ่มต้นการเดินทาง เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งบินตรงไปยัง สนามบิน Narita เราขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เราเลือกไฟล์ตบินออกจากกรุงเทพฯตอนกลางคืน เพื่อให้ไปถึงญี่ปุ่นช่วงเช้าเพื่อไปตระเวนลุยกันเลย เราไปถึงสนามบินดอนเมืองเพื่อโหลดกระเป๋าประมาณ 3 ทุ่ม เนื่องจากเราเช็คอินผ่านออนไลน์แล้วเราจึงไม่ต้องเข้าแถวเช็คอิน เราแยกไปใ้อีกช่องนึงได้เลย จึงไม่ต้องรอเช็คอินนาน วันนั้นคนเยอะมาก มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เครื่องเราออกตอนประมาณเกือนเที่ยงคืน เครื่องบินเป็นไฟล์ตที่ดีค่ะ ลำใหญ่ ซึ่งบริการบนนเครื่องก็เหมือนปกติทั่วไปค่ะ เราก็ได้รับการเสิร์ฟอาหารที่เราได้สั่งไว้ผ่านอินเทอร์เน็ต สภาพอากาศในช่วงเดิอนทางไป มีสภาพอากาศแปรปรวนค่ะ อยู่ในขั้นไม่แปรปรวนมาก เพราะเราเดินทางในหน้าฝนค่ะ
แล้วเวลาผ่านไปประมาณ 6 ชั่วโมง เราก็เดินทางไปถึงสนามบิน Narita กันอย่างปลอดภัย
พอไปถึงสนามบินสนามบินเงียบมาก ไม่ครึกครื้นเหมือนบ้านเรา ก็เดินไปเรื่อยๆตามลูกศร และจะมีเจ้าหน้านที่ของเค้าดูอยู่ค่ะ เพื่อตรวจคนเข้าเมือง ก่อนที่จะไปรับกระเป๋า (ที่สนามบินห้ามถ่ายรูปนะคะ ตอนไปรับกระเป๋า)
เมื่อเรารับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปยังสถานนีรถไฟซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของสนามบินค่ะ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟเข้าไปยัง โตเกียว เราเลือกเข้าไปซื้อตั๋วที่ Office ค่ะ เป็นตั๋วไปกลับ Narita-Tokyo ในราคา 4,000 เยน ค่ะ ตั๋วมีอายุการใช้งานประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ไปทางไหนไม่ถูกสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ และตรวจสอบที่นั่งในรถไฟและตู้ให้ดีนะคะ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึง โตเกียว แต่เราจะลงที่สถานี Shinangawa ชินางาวะ เพื่อเปลี่ยนรถไฟไปยังสถานี Gotanda โกทันดะ เพื่อเช็คอินและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนที่จะไปตะลุยกันต่อค่ะ โดยเราใช้ JR Yamanote Line ยามาโนด ไลน์ โดยสามารถขึ้นรถไฟไปต่อได้เลยค่ะ เพราะเรามีบัตรที่ซื้อจากนาริตะแล้ว (จะเป็นบัตรสีเขียวค่ะเค้าให้มาสองใบ เป็นใบที่ใช้ตอนไป กับใบที่ใช้ตอนกลับ)
เมื่อถึงสถานี โกทันดะ แล้วทางเราก็ได้ออกไปยังทางออกเพื่อไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งโรงแรมเราอยู่งตรงทางแยก ตรงข้ามสถานีโกทันดะ เมื่อเดินออกจากทางออกเราเลี้ยวขวา และหันหน้าเจอถนนเราก็เลี้ยวขวา รอสัญญาณไฟข้ามถนนและเดินข้ามแยกก็จะถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งจะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างๆด้านหน้าโรงแรม
http://www.booking.com/hotel/jp/toko-hotel.th.html?aid=318615;label=New_Thai_TH_TH_27026983225-tgMJ9DUgTmRZ99PnsS41sAS102063663625%3Apl%3Ata%3Ap1%3Ap2%3Aac%3Aap1t1%3Aneg%3Afi%3Atiaud-146342138710%3Adsa-166246053385%3Alp1012728%3Ali%3Adec%3Adm;sid=e4d6d88ba006e10e1cea6df2f3dce980;dest_id=-246227;dest_type=city;dist=0;room1=A%2CA;sb_price_type=total;srfid=f9442a7a3b9327c197ad7a7abcf3255d021da41aX1;type=total;ucfs=1&
เมื่อถึงโรงแรมแล้วตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 11 โมง ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเวลาจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง เราก็ได้เข้าไปเพื่อจะถามเรื่องเช็คอินว่าเช็คอินก่อนเวลาได้หรือไม่ แต่แล้วทางโรงแรมให้เช็คอินได้หลังบ่าย 3 โมง เท่านั้น เราจึงฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม และออกไปตระเวนญี่ปุ่นกัน
โดยเริ่มต้นจาก สิ่งที่สำคัญที่สุดในเที่ยงวันนั้นคือ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจึงมองหาร้านอาหารและเดินสำรวจรอบๆว่าแถวนั้นมีอะไรน่าสนใจในการเพิ่มกำลังเราบ้าง เราเดินมาที่สถานี โกทันดะ และเดินไปทางอีกฝั่งที่เป็นทางออกฝั่งร้าน Uniquo ที่คนไทยรู้จักกันอย่างดี (ที่นั่นร้านนี้เยอะมาก มีทุกที่ พอๆกับห้างโตคิว) เราเดินข้ามสะพานลอยไป และเจอร้านราเมน ร้านนึงน่าสนใจดี อยู่ระหว่างทางเชื่อมสะพานลอย ซึ่งตอนที่เราไปถึงยังไม่มีคนยืนรอหน้าร้าน แต่ข้างในปรากฎว่าไม่มีโต๊ะนั่งสำหรับ 3 ที่ เราจึงยืนรอข้างนอกร้าน เพื่อรอโต๊ะด้วยการดูเมนูอาหารรอ ซึ่งพนักงานน่ารักมาก ตอนแรกเค้านึกว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น เค้าพูดญี่ปุ่นมาชุดใหญ่ประมาณว่า เชิญข้างในร้าน แล้วไม่มีโต๊ะ เลยให้รอข้างนอกก่อน เคลียร์โต๊ะให้ ซึ่งเราฟังไม่ออกแต่พอเดาได้ เราเลยพูดอังกฤษอันน้อยนิดของเรากลับไป 5555 แล้วเราก็มายืนรอหน้าร้านตามแถวที่เค้าจัดไว้ และเลือกเมนูราเมน ยืนได้แป๊บนึงมีคนมายืนต่อแถวจากเรากันเต็มเลย ซึ่งดีมากที่เราเป็นคิวแรก พอได้โต๊ะแล้วพนักงานก็เรียกเข้าไปพร้อมกับเสิร์ฟน้ำชาให้ที่โต๊ะ ราเมนร้านนี้รสชาติอร่อยเลยค่ะ แต่ไม่รู้จักชื่อร้านนะ อ่านไม่ออก
เมื่อเราทานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกันไปที่ย่าน Shibuya ชิบูญ่า ซึ่งเป็นที่ๆทุกคนต้องไป (ซึ่งทำไมทุกคนต้องไปนะ 555) เป็นที่ๆมีของที่คนไทยชอบฝากซื้อของกัน พวกโฟมล้างหน้า ครีม อะไรต่างๆอีกมากมาย เป็นแหล่งช็อบปิ้ง นั่นเอง
เราเดินทางจาก โกทันดะ ไป ชิบูญ่า โดยการใช้รถไฟ JR มุ่งสู่ ชิบูญ่า โดยเราใช้บัตรรถไฟ ที่ใช้ได้กับทุกรถไฟ ซึ่งคล้ายๆบัตร Rabbit บ้านเรา แต่ใช้ได้ไม่ทุกรถไฟนะ แต่สามารถใช้ซื้อของบางอย่างได้ คือบัตร Suica จ้า ใช้แบบเติมเงิน เนื่องจากเรายืมของคนที่มาบ่อยๆมานะคะจากเมืองไทย เราจึงไม่รู้ว่าการซื้อบัตรนี้ทำยังไง แต่บัตรนี้ใช้เติมเงินได้ทั้งเงินสด และผ่านบัตรเครดิต ซึ่งเราใช้แบบเงินสด เติมได้ตั้งแต่ 1,000 เยน ขึ้นไปโดยมีราคาให้เลือกค่ะ (ในการเดินทางตระเวนเที่ยวครั้งนี้เจ้าของกระทู้ได้เติมไปทั้งหมดจนจบทริป 3,000 เยน จ้า)
กลับมาที่ ชิบูญ่า กันต่อ
ด้วยความที่บอกกันไปแล้วว่าเรายังไม่เคยมาที่โตเกียว กันเลย แน่นอนว่าพอมาถึงชิบูญ่า เราจะออกทางไหน ดูแผนที่ไม่รู้เรื่อง เพราะเราก็ไม่รู้จักทิศและ สถานที่ที่ปรากฏในแผนที่นะคะ เราก็ไปด้วยการดูแผนที่แบบคร่าวๆ และสุ่มเดินค่ะ 555 ซึ่งจดมุ่งหมายของเราคือ Shibuya Crossing เมื่อเราไปไม่ถูก เราเห็นตำรวจของเค้ายืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งต้องช่วยเราได้แน่ๆเลย ในขณะที่เราเดินไปนั้นเพื่อเค้าว่า Shibuya Crossing ไปทางไหน ซึ่งแน่นอนเค้าตอบมาเป็นภาษาญี่ปุ่น และเราก็อธิบายกับเค้าลำบากเหมือนกัน ในขณะเดียวกันเค้าต้องดูแลขบวนแห่อะไรสักอย่าง ที่กำลังแห่ไปมากัน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่างานอะไร แต่เค้าช่วยเหลือเราเต็มที่ จนพี่ที่ไปด้วยกันก็นึกออกว่าตรง แยกชิบูญ่านั้น มีสิ่งที่เป็นจุดสำคัฯอีกหนึ่งจุดคือ อนุสาวรีย์ของสุนัขซื่อสัตย์ตัวนึง ที่เป็นที่รู้จักกันมากมาย ที่ชิบูญ่า และทั่วโลก ที่รอเจ้านายกลับมาบ้านอย่างสัตย์ซื่อ คือ อนุสาวรีย์ของ "ฮาจิโกะ"
คุณตำรวจเลยพาเดินมาเล็กน้อย และบอกทางเดินไป และชี้จุดสังเกตุตึกชื่อโตเกียวให้เราเห็น และให้เดินไป แน่นอนค่ะ บอกเป็นภาษาญี่ปุ่น และภาษามือ ซึ่งเราก็เข้าใจนะ แปลกเหมือนกัน ฟังไม่ออกแต่เดาได้และเดาอย่างเข้าใจค่ะ
แล้วเราก็เดินมาถึงตรงแยก ซึ่งคนเยอะมาก
แน่นอนเมื่อเรามาถึงเราก็สัมผัสบรรยากาศผู้คนมหาศาลกำลังรอเดินข้ามถนนกันเยอะมาก เยอะมากจริงๆ ส่วนเรานั้นเดินข้ามเพื่อหาร้านขายของที่เป็นเครื่องสำอางค์โฟมล้างหน้าต่างๆ และในร้านค้าต่างๆทุกร้านจะมีร่มใสๆขายทุกร้นในเวลาที่ฝนตก ในราคาไม่แพง ประมาณ 200-500 เยน ตามขนาดของร่ม ที่เค้าใช้กันเพราะราคาไม่แพง และหาซื้อได้เมื่อเวลาฝนตก ไม่ต้องกลัวเปียกฝนเวลาไม่มีร่ม
สำหรับนักท่องเที่ยวร้านค้าร้านเครื่องสำอางเหล่านี้จะเขียนไว้ว่าไม่มี Tax นะจ๊ะ สำหรับนักท่องเที่ยว จะซื้อแบบไม่มี Tax ได้ก็ต่อเมื่อซื้อของเหล่านั้น ในราคารวม 5,400 เยน ขึ้นไป ถึงจะไม่คิด Tax และจะต้องใช้คู่กับพาสปอร์ตนะจ๊า
ขอแนะนำว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจช็อปจนกว่าจะเทียบราคาสินค้ากับร้านใกล้เคียงนะจ๊ะ เดี๋ยวพลาดของถูกจ้า
เมื่อเราช็อปกันอย่างเมามัน ได้ของตามที่มีคนออร์เดอร์มาแล้วนั้น เวลานั้นผ่านไปตกเย็นพอดี เราก็ได้เดินหาร้าน ฮันนี่โทส อันมีชื่อทางเน็ตที่เราเจอที่เมืองไทยของชิบูญ่า เป็นร้านอาหาร และร้านของหวานจ้า
ร้านอยู่ตรง ร้าน Pasela Resorts อยู่ชั้นใต้ดินค่ะ บอกได้คำเดียวค่ะ ว่า "อร่อยมาก"
เมื่ออิ่มหน่ำกันเสร็จแล้ว ก็ค่ำกันแล้ว ก็ได้เวลากลับโรงแรมค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะกลับไปเช็คอินตอน่าย 3 แต่นี้ผ่านไป 3 ทุ่มแล้วค่ะ เราก็เดินทางกลับกัน
เมื่อไปถึงโรงแรมที่พัก เราก็ไปเช็คอินปรากฏว่า เช็คอินเสร็จ พนักงาานบอกว่ากระเป๋าเอาขึ้นไปห้องพักให้หมดแล้วค่ะ (พนักงานที่เราเจอหน้าตาดีมากค่ะ ทั้งหญิงและชาย 5555)
วันแรกกับการเผชิญญี่ปุ่นก็จบลงเท่านั้น วันที่สองที่เราจะไปกันในวันรุ่งขึ้นก็คือ Arsakusa ค่ะ
(จริงก่อนมาญี่ปุ่นเราวางแผนเดินทางไว้เยอะมาก แต่ถึงเวลาจริง เราก็ดูสภาพอากาศและสภาพร่างกายเราด้วย และเวลาเราด้วย ที่จะไม่บีบรัดเกินไปจนเที่ยวไม่สนุกนะคะ)
**เดี๋ยวมาเล่าวันที่ 2 กันนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไป**
มีต่อด้านล่างนะคะ ^^
เที่ยวโตเกียว ญี่ปุ่น ไปกันเอง ทริป 6-7 วัน 5 คืน เดินทางแบบบินตรงและที่พัก ในงบรวม 35,000 บาท
ขอเข้าเรื่องกันเลยค่ะ ในวันที่ 17-23 เมื่อเดือนกันยายน 2016 ที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้ได้ไปเที่ยวที่โตเกียวค่ะ ประเทศญี่ปุ่น หลายคนคงรู้จักเมืองนี้กันเป็นอย่างดี แต่เจ้าของกระทู้และผู้ร่วมทริปอีกสองคนนี้ไปโตเกียวกันครั้งแรกค่ะ และที่สำคัญไปกันเอง โดยเราตั้งข้อกำหนดไว้อย่างนี้ค่ะว่าราคาประหยัด ไม่แพงมาก บินตรง พักโอเค และเวลาเรา 3 คนตรงกันและสามารถไปกันได้ และไม่อยากได้ช่วงที่ไปแบบคนเยอะๆ แย่งกันกินแย่งกันเที่ยว อยากได้สัมผัสบรรยากาศ กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นจริงๆ ได้รู้จักวิถีชีวิตของคนที่นั่นจริงๆ เมื่อทุกอย่างลงตัวเราเลยได้ช่วงเวลานี้ค่ะ
ในช่วงนั้นฤดูกาลของทางญี่ปุ่นเองจะเป็นช่วงมรสุม แต่ตอนที่ไปคือไม่ได้รุนแรง มีฝนตกโปรยปราย ซึ่งเหมือนปลายฝนต้นหนาวของบ้านเรา แต่อากาศและบรรยากาศฝนตกของบ้านเค้าสะอาดกว่าของบ้านเราเยอะค่ะ (โดยส่วนตัวแล้วเป็ภูมิแพ้ค่ะ และแพ้อากาศด้วย โดยเฉพาะความชื้นเวลาฝนตก แต่อากาศที่นั่นไม่แพ้เลยค่ะ) แต่เราได้ศึกษาสภาพอากาศและหนังสือแนะนำพร้อมสอบถามคนที่เคยไป เพื่อเตรียมเผชิญการท่องเที่ยวกันต่อไป เราต้องศึกษาข้อมูลกันดีๆนะคะ (หนังสือรีวิว และรีวิวในเน็ตช่วยท่านได้)
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ เนื่องจากเรายังไม่เคยไปแล้วไปกันเองอีก ทริปนี้เราเลยเลือกไปที่ๆคิดว่าไม่ลำบากนัก โดยการเดินทางครั้งนี้ เดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์พร้อมจองที่พัก ผ่านสายการบิน เป็นเที่ยวบินที่บินตรงไปลงที่สนามบินนาริตะ (Narita) ใช้เวลาการบินประมาณ 6 ชั่วโมง โดยทางเจ้าของกระทู้จองตั๋วแบบได้โปรโมชั่นเพราะเนื่องจากเป็นหน้าโลซีซั่นที่ญี่ปุ่น แต่แค่ค่าตั๋วกับที่พักก็คุ้มแล้ว เบ็ดเสร็จค่าตั๋วบินตรงไปกลับ และค่าที่พักโรงแรม 3 ดาว 5 คืน ราคาไม่ถึง 16,000 บาท/คน (อย่างที่บอกแค่ค่าเดินทางกับที่พักก็คุ้มแล้ว) เราเลือกพักที่ My Stay Hotel Gotanda Shinangawa ค่ะ เป็นโรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟ ทั้ง JR (Yamanote Line) และ Mretro (Arsakusa Line)
เริ่มต้นการเดินทาง เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งบินตรงไปยัง สนามบิน Narita เราขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เราเลือกไฟล์ตบินออกจากกรุงเทพฯตอนกลางคืน เพื่อให้ไปถึงญี่ปุ่นช่วงเช้าเพื่อไปตระเวนลุยกันเลย เราไปถึงสนามบินดอนเมืองเพื่อโหลดกระเป๋าประมาณ 3 ทุ่ม เนื่องจากเราเช็คอินผ่านออนไลน์แล้วเราจึงไม่ต้องเข้าแถวเช็คอิน เราแยกไปใ้อีกช่องนึงได้เลย จึงไม่ต้องรอเช็คอินนาน วันนั้นคนเยอะมาก มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เครื่องเราออกตอนประมาณเกือนเที่ยงคืน เครื่องบินเป็นไฟล์ตที่ดีค่ะ ลำใหญ่ ซึ่งบริการบนนเครื่องก็เหมือนปกติทั่วไปค่ะ เราก็ได้รับการเสิร์ฟอาหารที่เราได้สั่งไว้ผ่านอินเทอร์เน็ต สภาพอากาศในช่วงเดิอนทางไป มีสภาพอากาศแปรปรวนค่ะ อยู่ในขั้นไม่แปรปรวนมาก เพราะเราเดินทางในหน้าฝนค่ะ
แล้วเวลาผ่านไปประมาณ 6 ชั่วโมง เราก็เดินทางไปถึงสนามบิน Narita กันอย่างปลอดภัย
พอไปถึงสนามบินสนามบินเงียบมาก ไม่ครึกครื้นเหมือนบ้านเรา ก็เดินไปเรื่อยๆตามลูกศร และจะมีเจ้าหน้านที่ของเค้าดูอยู่ค่ะ เพื่อตรวจคนเข้าเมือง ก่อนที่จะไปรับกระเป๋า (ที่สนามบินห้ามถ่ายรูปนะคะ ตอนไปรับกระเป๋า)
เมื่อเรารับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปยังสถานนีรถไฟซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของสนามบินค่ะ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟเข้าไปยัง โตเกียว เราเลือกเข้าไปซื้อตั๋วที่ Office ค่ะ เป็นตั๋วไปกลับ Narita-Tokyo ในราคา 4,000 เยน ค่ะ ตั๋วมีอายุการใช้งานประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ไปทางไหนไม่ถูกสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ และตรวจสอบที่นั่งในรถไฟและตู้ให้ดีนะคะ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึง โตเกียว แต่เราจะลงที่สถานี Shinangawa ชินางาวะ เพื่อเปลี่ยนรถไฟไปยังสถานี Gotanda โกทันดะ เพื่อเช็คอินและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนที่จะไปตะลุยกันต่อค่ะ โดยเราใช้ JR Yamanote Line ยามาโนด ไลน์ โดยสามารถขึ้นรถไฟไปต่อได้เลยค่ะ เพราะเรามีบัตรที่ซื้อจากนาริตะแล้ว (จะเป็นบัตรสีเขียวค่ะเค้าให้มาสองใบ เป็นใบที่ใช้ตอนไป กับใบที่ใช้ตอนกลับ)
เมื่อถึงสถานี โกทันดะ แล้วทางเราก็ได้ออกไปยังทางออกเพื่อไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งโรงแรมเราอยู่งตรงทางแยก ตรงข้ามสถานีโกทันดะ เมื่อเดินออกจากทางออกเราเลี้ยวขวา และหันหน้าเจอถนนเราก็เลี้ยวขวา รอสัญญาณไฟข้ามถนนและเดินข้ามแยกก็จะถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งจะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างๆด้านหน้าโรงแรม
http://www.booking.com/hotel/jp/toko-hotel.th.html?aid=318615;label=New_Thai_TH_TH_27026983225-tgMJ9DUgTmRZ99PnsS41sAS102063663625%3Apl%3Ata%3Ap1%3Ap2%3Aac%3Aap1t1%3Aneg%3Afi%3Atiaud-146342138710%3Adsa-166246053385%3Alp1012728%3Ali%3Adec%3Adm;sid=e4d6d88ba006e10e1cea6df2f3dce980;dest_id=-246227;dest_type=city;dist=0;room1=A%2CA;sb_price_type=total;srfid=f9442a7a3b9327c197ad7a7abcf3255d021da41aX1;type=total;ucfs=1&
เมื่อถึงโรงแรมแล้วตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 11 โมง ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเวลาจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง เราก็ได้เข้าไปเพื่อจะถามเรื่องเช็คอินว่าเช็คอินก่อนเวลาได้หรือไม่ แต่แล้วทางโรงแรมให้เช็คอินได้หลังบ่าย 3 โมง เท่านั้น เราจึงฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม และออกไปตระเวนญี่ปุ่นกัน
โดยเริ่มต้นจาก สิ่งที่สำคัญที่สุดในเที่ยงวันนั้นคือ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจึงมองหาร้านอาหารและเดินสำรวจรอบๆว่าแถวนั้นมีอะไรน่าสนใจในการเพิ่มกำลังเราบ้าง เราเดินมาที่สถานี โกทันดะ และเดินไปทางอีกฝั่งที่เป็นทางออกฝั่งร้าน Uniquo ที่คนไทยรู้จักกันอย่างดี (ที่นั่นร้านนี้เยอะมาก มีทุกที่ พอๆกับห้างโตคิว) เราเดินข้ามสะพานลอยไป และเจอร้านราเมน ร้านนึงน่าสนใจดี อยู่ระหว่างทางเชื่อมสะพานลอย ซึ่งตอนที่เราไปถึงยังไม่มีคนยืนรอหน้าร้าน แต่ข้างในปรากฎว่าไม่มีโต๊ะนั่งสำหรับ 3 ที่ เราจึงยืนรอข้างนอกร้าน เพื่อรอโต๊ะด้วยการดูเมนูอาหารรอ ซึ่งพนักงานน่ารักมาก ตอนแรกเค้านึกว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น เค้าพูดญี่ปุ่นมาชุดใหญ่ประมาณว่า เชิญข้างในร้าน แล้วไม่มีโต๊ะ เลยให้รอข้างนอกก่อน เคลียร์โต๊ะให้ ซึ่งเราฟังไม่ออกแต่พอเดาได้ เราเลยพูดอังกฤษอันน้อยนิดของเรากลับไป 5555 แล้วเราก็มายืนรอหน้าร้านตามแถวที่เค้าจัดไว้ และเลือกเมนูราเมน ยืนได้แป๊บนึงมีคนมายืนต่อแถวจากเรากันเต็มเลย ซึ่งดีมากที่เราเป็นคิวแรก พอได้โต๊ะแล้วพนักงานก็เรียกเข้าไปพร้อมกับเสิร์ฟน้ำชาให้ที่โต๊ะ ราเมนร้านนี้รสชาติอร่อยเลยค่ะ แต่ไม่รู้จักชื่อร้านนะ อ่านไม่ออก
เมื่อเราทานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกันไปที่ย่าน Shibuya ชิบูญ่า ซึ่งเป็นที่ๆทุกคนต้องไป (ซึ่งทำไมทุกคนต้องไปนะ 555) เป็นที่ๆมีของที่คนไทยชอบฝากซื้อของกัน พวกโฟมล้างหน้า ครีม อะไรต่างๆอีกมากมาย เป็นแหล่งช็อบปิ้ง นั่นเอง
เราเดินทางจาก โกทันดะ ไป ชิบูญ่า โดยการใช้รถไฟ JR มุ่งสู่ ชิบูญ่า โดยเราใช้บัตรรถไฟ ที่ใช้ได้กับทุกรถไฟ ซึ่งคล้ายๆบัตร Rabbit บ้านเรา แต่ใช้ได้ไม่ทุกรถไฟนะ แต่สามารถใช้ซื้อของบางอย่างได้ คือบัตร Suica จ้า ใช้แบบเติมเงิน เนื่องจากเรายืมของคนที่มาบ่อยๆมานะคะจากเมืองไทย เราจึงไม่รู้ว่าการซื้อบัตรนี้ทำยังไง แต่บัตรนี้ใช้เติมเงินได้ทั้งเงินสด และผ่านบัตรเครดิต ซึ่งเราใช้แบบเงินสด เติมได้ตั้งแต่ 1,000 เยน ขึ้นไปโดยมีราคาให้เลือกค่ะ (ในการเดินทางตระเวนเที่ยวครั้งนี้เจ้าของกระทู้ได้เติมไปทั้งหมดจนจบทริป 3,000 เยน จ้า)
กลับมาที่ ชิบูญ่า กันต่อ
ด้วยความที่บอกกันไปแล้วว่าเรายังไม่เคยมาที่โตเกียว กันเลย แน่นอนว่าพอมาถึงชิบูญ่า เราจะออกทางไหน ดูแผนที่ไม่รู้เรื่อง เพราะเราก็ไม่รู้จักทิศและ สถานที่ที่ปรากฏในแผนที่นะคะ เราก็ไปด้วยการดูแผนที่แบบคร่าวๆ และสุ่มเดินค่ะ 555 ซึ่งจดมุ่งหมายของเราคือ Shibuya Crossing เมื่อเราไปไม่ถูก เราเห็นตำรวจของเค้ายืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งต้องช่วยเราได้แน่ๆเลย ในขณะที่เราเดินไปนั้นเพื่อเค้าว่า Shibuya Crossing ไปทางไหน ซึ่งแน่นอนเค้าตอบมาเป็นภาษาญี่ปุ่น และเราก็อธิบายกับเค้าลำบากเหมือนกัน ในขณะเดียวกันเค้าต้องดูแลขบวนแห่อะไรสักอย่าง ที่กำลังแห่ไปมากัน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่างานอะไร แต่เค้าช่วยเหลือเราเต็มที่ จนพี่ที่ไปด้วยกันก็นึกออกว่าตรง แยกชิบูญ่านั้น มีสิ่งที่เป็นจุดสำคัฯอีกหนึ่งจุดคือ อนุสาวรีย์ของสุนัขซื่อสัตย์ตัวนึง ที่เป็นที่รู้จักกันมากมาย ที่ชิบูญ่า และทั่วโลก ที่รอเจ้านายกลับมาบ้านอย่างสัตย์ซื่อ คือ อนุสาวรีย์ของ "ฮาจิโกะ"
คุณตำรวจเลยพาเดินมาเล็กน้อย และบอกทางเดินไป และชี้จุดสังเกตุตึกชื่อโตเกียวให้เราเห็น และให้เดินไป แน่นอนค่ะ บอกเป็นภาษาญี่ปุ่น และภาษามือ ซึ่งเราก็เข้าใจนะ แปลกเหมือนกัน ฟังไม่ออกแต่เดาได้และเดาอย่างเข้าใจค่ะ
แล้วเราก็เดินมาถึงตรงแยก ซึ่งคนเยอะมาก
แน่นอนเมื่อเรามาถึงเราก็สัมผัสบรรยากาศผู้คนมหาศาลกำลังรอเดินข้ามถนนกันเยอะมาก เยอะมากจริงๆ ส่วนเรานั้นเดินข้ามเพื่อหาร้านขายของที่เป็นเครื่องสำอางค์โฟมล้างหน้าต่างๆ และในร้านค้าต่างๆทุกร้านจะมีร่มใสๆขายทุกร้นในเวลาที่ฝนตก ในราคาไม่แพง ประมาณ 200-500 เยน ตามขนาดของร่ม ที่เค้าใช้กันเพราะราคาไม่แพง และหาซื้อได้เมื่อเวลาฝนตก ไม่ต้องกลัวเปียกฝนเวลาไม่มีร่ม
สำหรับนักท่องเที่ยวร้านค้าร้านเครื่องสำอางเหล่านี้จะเขียนไว้ว่าไม่มี Tax นะจ๊ะ สำหรับนักท่องเที่ยว จะซื้อแบบไม่มี Tax ได้ก็ต่อเมื่อซื้อของเหล่านั้น ในราคารวม 5,400 เยน ขึ้นไป ถึงจะไม่คิด Tax และจะต้องใช้คู่กับพาสปอร์ตนะจ๊า
ขอแนะนำว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจช็อปจนกว่าจะเทียบราคาสินค้ากับร้านใกล้เคียงนะจ๊ะ เดี๋ยวพลาดของถูกจ้า
เมื่อเราช็อปกันอย่างเมามัน ได้ของตามที่มีคนออร์เดอร์มาแล้วนั้น เวลานั้นผ่านไปตกเย็นพอดี เราก็ได้เดินหาร้าน ฮันนี่โทส อันมีชื่อทางเน็ตที่เราเจอที่เมืองไทยของชิบูญ่า เป็นร้านอาหาร และร้านของหวานจ้า
ร้านอยู่ตรง ร้าน Pasela Resorts อยู่ชั้นใต้ดินค่ะ บอกได้คำเดียวค่ะ ว่า "อร่อยมาก"
เมื่ออิ่มหน่ำกันเสร็จแล้ว ก็ค่ำกันแล้ว ก็ได้เวลากลับโรงแรมค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะกลับไปเช็คอินตอน่าย 3 แต่นี้ผ่านไป 3 ทุ่มแล้วค่ะ เราก็เดินทางกลับกัน
เมื่อไปถึงโรงแรมที่พัก เราก็ไปเช็คอินปรากฏว่า เช็คอินเสร็จ พนักงาานบอกว่ากระเป๋าเอาขึ้นไปห้องพักให้หมดแล้วค่ะ (พนักงานที่เราเจอหน้าตาดีมากค่ะ ทั้งหญิงและชาย 5555)
วันแรกกับการเผชิญญี่ปุ่นก็จบลงเท่านั้น วันที่สองที่เราจะไปกันในวันรุ่งขึ้นก็คือ Arsakusa ค่ะ
(จริงก่อนมาญี่ปุ่นเราวางแผนเดินทางไว้เยอะมาก แต่ถึงเวลาจริง เราก็ดูสภาพอากาศและสภาพร่างกายเราด้วย และเวลาเราด้วย ที่จะไม่บีบรัดเกินไปจนเที่ยวไม่สนุกนะคะ)
**เดี๋ยวมาเล่าวันที่ 2 กันนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไป**
มีต่อด้านล่างนะคะ ^^