สวัสดีครับ พอดีผมสนใจกล้องเพราะว่าเตรียมตัวจะไปเที่ยวปลายปีอย่างภูทับเบิก จะซื้อ dslr หรือ mirrorless ก็เกินงบไปมาก เลยหาๆข้อมูลสักพักแล้วก็ได้มาเจอพวก Action Camera ซึ่งพกพาไปด้วยสะดวกทุกที่เนื่องจากความเล็กจิ๋วและน้ำหนักที่เบาหวิวของมันนั่นเอง
จากนั้นก็มาดูเรื่องราคาและคุณสมบัติของหลายๆยี่ห้อ แล้วสุดท้ายก็ได้ไปสู่ขอ EZVIZ รุ่นน้องเล็กสุด S1 มา ผมเลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจจะซื้อกล้อง Action Camera เหมือนผมได้มีตัวเลือกเพิ่มอีกสักรายการครับ
หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อแบรนนี้ ผมเองก็เช่นกัน จากที่หาข้อมูลแล้ว EZVIZ เป็นแบรนจากฝั่งอเมริกาซึ่งผลิตและจำหน่ายกล้องวงจรปิดมาก่อน ซึ่งก็มีชื่อเสียงพอสมควร จากนั้นก็มาลองทำ Action Camera จำหน่ายตามกระแสบูมของกล้องประเภทนี้กับเขาบอก แล้วทาง Strek ผู้จำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ในประเทศไทยนำ EZVIZ เข้ามาจำหน่ายพร้อมการรับประกันให้คนชาวไทยเราครับ
เริ่มกันเลยดีกว่า แพ็คเกจของเจ้า S1 นี่จะมาเป็นทรงกระบอก โดยจะมีตัวเฮ้าส์ซิ่ง(เคส)และกล้อง S1 อยู่ด้านใน ซึ่งผมแกะฝาครอบแล้วไป ลืมไว้ที่ไหนก็ไม่รู้เลยเหลือแค่ตามภาพครับ
จากนั้นเมื่อยกแท่นวางกล้องขึ้น ด้านล่างก็จะเป็นที่เก็บอุปกรณ์อื่นๆที่แถมมาทั้งสายชาร์จ คู่มือและขายึดตัวกล้องแบบต่างๆ
โดยคู่มือที่ให้มามีหลายภาษาซึ่งแน่นอนว่ามีภาษาไทย ผมลองอ่านแล้วเข้าใจง่าย คนไม่เคยเล่นกล้องก็น่าจะใช้งานเป็นได้ไม่ยาก (แค่ขอให้อ่านเถอะ)
มาดูที่ตัวกล้องกัน ตามสเป็คแล้วกล้องมีขนาด 45 มม. x 58 มม. x 22 มม. และนำหนักเพียง 70 กรัม ซึ่งพกพาใส่กระเป๋าเสื้อ/กางเกงได้สบาย S1 ตัวนี้เปลี่ยนแบตไม่ได้ ฝังอยู่ในตัวเลยนะครับ แต่แบตที่ให้มาก็อยู่ที่ 1480mAh ซึ่งก็ถือว่าเยอะอยู่
สำหรับอีกฝั่งของกล้องจะเป็นช่องสำหรับเสียบเม็มโมรี่การ์ดโดยจะใช้เป็นขนาด Micro SD ช่องสำหรับต่อ HDMI ซึ่งสามารถต่อกับทีวีเพื่อแสดงไฟล์ภาพและวีดีโอจากตัวกล้องได้เลย ส่วนอีกช่องสำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลในสายเส้นเดียวกันครับ (เม็มโมรี่การ์ดควรเลือกใช้ที่คลาสสูงๆหน่อยนะครับ เพราะผมเคยใช้แบบถูกๆ กล้องเตือนว่าการ์ดบันทึกได้ช้าเกินไป)
ปุ่มต่างๆบนตัวกล้องก็จะมีด้วยกัน 3 ปุ่ม
- 1 ปุ่มเปิดและปิดกล้อง
- 2 ปุ่มสำหรับกดบันทึกหรือถ่ายภาพและหยุดบันทึก
- 3 ปุ่มเปิด/ปิด wifi
ที่ตูดกล้องจะมีเกลียวสำหรับใช้กับขาตั้งกล้องได้ ไม่ต้องซื้ออะไรมาแปลงเพิ่ม
สำหรับวิธีใช้งานกล้อง เมื่อจะใช้งานกล้องก็กดปุ่มทางด้านข้างของกล้อง (ปุ่มใหญ่) ค้างไว้ 3 วิ ก็จะมีสัญญาณไฟกระพริบทั้งด้านบนและด้านข้างอีกฝั่งของตัวกล้องพร้อมเสียงปี๊ปๆๆ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ว่ากล้องพร้อมทำงานแล้ว
แล้วไงต่อ แล้วผู้ใช้จะรู้ได้ยังไงว่าเล็งถ่ายอะไรอยู่ ในเมื่อตัวกล้องไม่มีจอด้านหลัง??
สำหรับการที่ผู้ใช้งานจะดูภาพจากกล้องว่าตอนนี้ กำลังส่องไปทางไหน กำลังจะบันทึกอะไร ได้ภาพตามมุมที่ต้องการหรือไม่นั้น กล้อง s1 ตัวนี้ใช้งานร่วมกับ Smartphone เพื่อเป็นเสมือนช่องมองภาพจากตัวกล้องครับ โดยผ่านทางสัญญาณ Wi-Fi นั่นเองก่อนอื่นก็กดปุ่มด้านข้าง (ปุ่มเล็กล่าง) ค้างไว้ 3 วิ เพื่อเป็นการเปิดสัญญาน Wi-Fi จากตัวกล้อง ก็จะมีเสียงและไฟแสดงสถานะว่าตอนนี้ Wi-Fi เปิดใช้งานแล้ว พร้อมที่จะเชื่อมต่อกับ Smartphone ของท่าน
** สามารถตั้งให้เมื่อเวลาเปิดใช้งานกล้องก็ให้ต่อ Wi-Fi แบบอัตโนมัติเลยก็ได้นะครับ
จากนั้นก็ทำการดาวโหลดแอพของ EZVIZ SPORTS ซึ่งก็มีให้โหลดทั้งของ android และ ios (ของผมเป็น android) เมื่อโหลดและ
ติดตั้งแล้วก็จะได้หน้าตาประมาณนี้
เมื่อทำการใช้งานแอพ ก็จะพบหน้าตาแบบนี้ซึ่งมี 2 ปุ่ม คือ "อัลบั้ม"สำหรับดูรูปที่เราถ่ายและบันทึกไว้ ส่วนอีกปุ่มคือ "ป้อน" เป็นส่วนการ
ควบคุมกล้อง
จากนั้นเราจะทำการเชื่อมต่อกับตัวกล้องโดยกดที่ปุ่ม"ป้อน" ก็จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาว่ายังไม่ได้เชื่อมต่อกับกล้อง เราก็จะกดที่ปุ่ม "ตั้งค่า
Wi-Fi"
โทรศัพท์ของเราก็จะทำการสแกนสัญญาณแถวๆนั้นว่ามีอะไรบ้าง สักพักก็จะพบ EZVIZ-XXXX แบบของผม เราก็ทำการเชื่อมต่อได้ทันที
ทีนี้ก็ย้อนกลับมาที่ตัวแอพ EZVIZ SPORTS เราก็จะได้เห็นภาพจากกล้องแบบเวลาจริงแล้ว
ตัวแอพจะมีให้เราเลือกได้ว่าจะเลือก บันทึกวีดีโอ, ถ่ายภาพ, ถ่ายแบบต่อเนื่อง ,หรือถ่ายแบบหน่วงเวลา (time-lapse) หรือจะดูภาพที่เราถ่ายแล้วก็ได้ รวมถึงแสดงสถานะจำนวนภาพที่เหลือที่ถ่ายได้และสถานะของแบต
เมื่อถ่ายวีดีโอหรือภาพนิ่งแล้ว เราก็สามารถจะดูได้ทันทีเลยครับ
ผมเลือกถ่ายภาพที่ความละเอียด 16mp มาให้ชมเป็นตัวอย่าง (ทำการย่อภาพลงอย่างเดียว ไม่มีการตกต่างภาพเพิ่มเติม)
เราสามารถตั้งค่าต่างๆให้กับตัวกล้องได้ ซึ่งสเปคกล้องนั้น สำหรับการถ่ายวีดีโอได้สูงสุดที่ Full HD (1080x60fps และ 30fps) และ super slow 720p ที่120fps และบันทึกได้ถึง 240 fps ที่ความละเอียด 480p ดังนั้นใครจะเอาไปถ่ายน้ำกระจายเวลากระโดดลงคลองก็จะได้ภาพที่แปลกตาเลย รวมถึงกล้องสามารถบันทึกวนซ้ำได้ เมื่อเมมโมรี่การ์ดเต็มแล้ว S1 จึงนำไปเป็นกล้องติดรถหรือบันทึกภาพในเวลานานๆได้ ตราบเท่าที่ยังมีไฟแบตกล้องอยู่เพียงพอ
ส่วนโหมดการถ่ายภาพก็จะถ่ายได้สูงสุดที่ความละเอียด 16 ล้าน (4608x3456)
นี่ก็เป็นส่วนนึงของเจ้า EZVIZ s1 เท่าที่ผมได้ลองใช้งานดูและนำมารีวิวให้ได้อ่านกันครับ คือดีในความเห็นของผมคือ
ส่วนที่ชอบ
- S1 มีน้ำหนักเบามากอาจจะเนื่องด้วยไม่มีจอด้านหลังเลยไม่ต้องแบบน้ำหนักจอ
- กล้องสามารถพลิกกลับโดยซอฟแวร์กรณีเราถือกล้องกลับหัว ดังนั้นจะไม่พลาดเปิดดูคลิปแล้วเจอกลับหัว
- สามารถใช้เป็นกล้องหน้ารถได้ถ้าเสียบชาร์ไฟไว้ตลอด
- ราคาที่ไม่แพงสำหรับสเปคขนาดนี้
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบ
- แบตเปลี่ยนไม่ได้ ต้องพกเพาเวอร์แบงค์ไปด้วย แม้แบตที่ให้มาจะอึดก็ตาม
- เฮ้าส์ซิ่งฟิตแน่นไปหน่อย เวลาใส่กล้องจะเปิดทันทีเพราะไปโดนปุ่มกดของตัวเฮ้าส์ซิ่ง
สุดท้ายก็หวังว่าข้อมูลรีวิว EZVIZ s1 ของผมจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหากล้อง Action Camera มาใช้เวลาออกเดินทางท่อง
เที่ยวเพื่อเก็บความประทับใจและความทรงจำเอาไว้ครับ
[CR] รีวิว EZVIZ S1 กล้อง Action Camera จากอเมริกา
จากนั้นก็มาดูเรื่องราคาและคุณสมบัติของหลายๆยี่ห้อ แล้วสุดท้ายก็ได้ไปสู่ขอ EZVIZ รุ่นน้องเล็กสุด S1 มา ผมเลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจจะซื้อกล้อง Action Camera เหมือนผมได้มีตัวเลือกเพิ่มอีกสักรายการครับ
หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อแบรนนี้ ผมเองก็เช่นกัน จากที่หาข้อมูลแล้ว EZVIZ เป็นแบรนจากฝั่งอเมริกาซึ่งผลิตและจำหน่ายกล้องวงจรปิดมาก่อน ซึ่งก็มีชื่อเสียงพอสมควร จากนั้นก็มาลองทำ Action Camera จำหน่ายตามกระแสบูมของกล้องประเภทนี้กับเขาบอก แล้วทาง Strek ผู้จำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ในประเทศไทยนำ EZVIZ เข้ามาจำหน่ายพร้อมการรับประกันให้คนชาวไทยเราครับ
เริ่มกันเลยดีกว่า แพ็คเกจของเจ้า S1 นี่จะมาเป็นทรงกระบอก โดยจะมีตัวเฮ้าส์ซิ่ง(เคส)และกล้อง S1 อยู่ด้านใน ซึ่งผมแกะฝาครอบแล้วไป ลืมไว้ที่ไหนก็ไม่รู้เลยเหลือแค่ตามภาพครับ
จากนั้นเมื่อยกแท่นวางกล้องขึ้น ด้านล่างก็จะเป็นที่เก็บอุปกรณ์อื่นๆที่แถมมาทั้งสายชาร์จ คู่มือและขายึดตัวกล้องแบบต่างๆ
โดยคู่มือที่ให้มามีหลายภาษาซึ่งแน่นอนว่ามีภาษาไทย ผมลองอ่านแล้วเข้าใจง่าย คนไม่เคยเล่นกล้องก็น่าจะใช้งานเป็นได้ไม่ยาก (แค่ขอให้อ่านเถอะ)
มาดูที่ตัวกล้องกัน ตามสเป็คแล้วกล้องมีขนาด 45 มม. x 58 มม. x 22 มม. และนำหนักเพียง 70 กรัม ซึ่งพกพาใส่กระเป๋าเสื้อ/กางเกงได้สบาย S1 ตัวนี้เปลี่ยนแบตไม่ได้ ฝังอยู่ในตัวเลยนะครับ แต่แบตที่ให้มาก็อยู่ที่ 1480mAh ซึ่งก็ถือว่าเยอะอยู่
สำหรับอีกฝั่งของกล้องจะเป็นช่องสำหรับเสียบเม็มโมรี่การ์ดโดยจะใช้เป็นขนาด Micro SD ช่องสำหรับต่อ HDMI ซึ่งสามารถต่อกับทีวีเพื่อแสดงไฟล์ภาพและวีดีโอจากตัวกล้องได้เลย ส่วนอีกช่องสำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลในสายเส้นเดียวกันครับ (เม็มโมรี่การ์ดควรเลือกใช้ที่คลาสสูงๆหน่อยนะครับ เพราะผมเคยใช้แบบถูกๆ กล้องเตือนว่าการ์ดบันทึกได้ช้าเกินไป)
ปุ่มต่างๆบนตัวกล้องก็จะมีด้วยกัน 3 ปุ่ม
- 1 ปุ่มเปิดและปิดกล้อง
- 2 ปุ่มสำหรับกดบันทึกหรือถ่ายภาพและหยุดบันทึก
- 3 ปุ่มเปิด/ปิด wifi
ที่ตูดกล้องจะมีเกลียวสำหรับใช้กับขาตั้งกล้องได้ ไม่ต้องซื้ออะไรมาแปลงเพิ่ม
สำหรับวิธีใช้งานกล้อง เมื่อจะใช้งานกล้องก็กดปุ่มทางด้านข้างของกล้อง (ปุ่มใหญ่) ค้างไว้ 3 วิ ก็จะมีสัญญาณไฟกระพริบทั้งด้านบนและด้านข้างอีกฝั่งของตัวกล้องพร้อมเสียงปี๊ปๆๆ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ว่ากล้องพร้อมทำงานแล้ว
แล้วไงต่อ แล้วผู้ใช้จะรู้ได้ยังไงว่าเล็งถ่ายอะไรอยู่ ในเมื่อตัวกล้องไม่มีจอด้านหลัง??
สำหรับการที่ผู้ใช้งานจะดูภาพจากกล้องว่าตอนนี้ กำลังส่องไปทางไหน กำลังจะบันทึกอะไร ได้ภาพตามมุมที่ต้องการหรือไม่นั้น กล้อง s1 ตัวนี้ใช้งานร่วมกับ Smartphone เพื่อเป็นเสมือนช่องมองภาพจากตัวกล้องครับ โดยผ่านทางสัญญาณ Wi-Fi นั่นเองก่อนอื่นก็กดปุ่มด้านข้าง (ปุ่มเล็กล่าง) ค้างไว้ 3 วิ เพื่อเป็นการเปิดสัญญาน Wi-Fi จากตัวกล้อง ก็จะมีเสียงและไฟแสดงสถานะว่าตอนนี้ Wi-Fi เปิดใช้งานแล้ว พร้อมที่จะเชื่อมต่อกับ Smartphone ของท่าน
** สามารถตั้งให้เมื่อเวลาเปิดใช้งานกล้องก็ให้ต่อ Wi-Fi แบบอัตโนมัติเลยก็ได้นะครับ
จากนั้นก็ทำการดาวโหลดแอพของ EZVIZ SPORTS ซึ่งก็มีให้โหลดทั้งของ android และ ios (ของผมเป็น android) เมื่อโหลดและ
ติดตั้งแล้วก็จะได้หน้าตาประมาณนี้
เมื่อทำการใช้งานแอพ ก็จะพบหน้าตาแบบนี้ซึ่งมี 2 ปุ่ม คือ "อัลบั้ม"สำหรับดูรูปที่เราถ่ายและบันทึกไว้ ส่วนอีกปุ่มคือ "ป้อน" เป็นส่วนการ
ควบคุมกล้อง
จากนั้นเราจะทำการเชื่อมต่อกับตัวกล้องโดยกดที่ปุ่ม"ป้อน" ก็จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาว่ายังไม่ได้เชื่อมต่อกับกล้อง เราก็จะกดที่ปุ่ม "ตั้งค่า
Wi-Fi"
โทรศัพท์ของเราก็จะทำการสแกนสัญญาณแถวๆนั้นว่ามีอะไรบ้าง สักพักก็จะพบ EZVIZ-XXXX แบบของผม เราก็ทำการเชื่อมต่อได้ทันที
ทีนี้ก็ย้อนกลับมาที่ตัวแอพ EZVIZ SPORTS เราก็จะได้เห็นภาพจากกล้องแบบเวลาจริงแล้ว
ตัวแอพจะมีให้เราเลือกได้ว่าจะเลือก บันทึกวีดีโอ, ถ่ายภาพ, ถ่ายแบบต่อเนื่อง ,หรือถ่ายแบบหน่วงเวลา (time-lapse) หรือจะดูภาพที่เราถ่ายแล้วก็ได้ รวมถึงแสดงสถานะจำนวนภาพที่เหลือที่ถ่ายได้และสถานะของแบต
เมื่อถ่ายวีดีโอหรือภาพนิ่งแล้ว เราก็สามารถจะดูได้ทันทีเลยครับ
ผมเลือกถ่ายภาพที่ความละเอียด 16mp มาให้ชมเป็นตัวอย่าง (ทำการย่อภาพลงอย่างเดียว ไม่มีการตกต่างภาพเพิ่มเติม)
เราสามารถตั้งค่าต่างๆให้กับตัวกล้องได้ ซึ่งสเปคกล้องนั้น สำหรับการถ่ายวีดีโอได้สูงสุดที่ Full HD (1080x60fps และ 30fps) และ super slow 720p ที่120fps และบันทึกได้ถึง 240 fps ที่ความละเอียด 480p ดังนั้นใครจะเอาไปถ่ายน้ำกระจายเวลากระโดดลงคลองก็จะได้ภาพที่แปลกตาเลย รวมถึงกล้องสามารถบันทึกวนซ้ำได้ เมื่อเมมโมรี่การ์ดเต็มแล้ว S1 จึงนำไปเป็นกล้องติดรถหรือบันทึกภาพในเวลานานๆได้ ตราบเท่าที่ยังมีไฟแบตกล้องอยู่เพียงพอ
ส่วนโหมดการถ่ายภาพก็จะถ่ายได้สูงสุดที่ความละเอียด 16 ล้าน (4608x3456)
นี่ก็เป็นส่วนนึงของเจ้า EZVIZ s1 เท่าที่ผมได้ลองใช้งานดูและนำมารีวิวให้ได้อ่านกันครับ คือดีในความเห็นของผมคือ
ส่วนที่ชอบ
- S1 มีน้ำหนักเบามากอาจจะเนื่องด้วยไม่มีจอด้านหลังเลยไม่ต้องแบบน้ำหนักจอ
- กล้องสามารถพลิกกลับโดยซอฟแวร์กรณีเราถือกล้องกลับหัว ดังนั้นจะไม่พลาดเปิดดูคลิปแล้วเจอกลับหัว
- สามารถใช้เป็นกล้องหน้ารถได้ถ้าเสียบชาร์ไฟไว้ตลอด
- ราคาที่ไม่แพงสำหรับสเปคขนาดนี้
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบ
- แบตเปลี่ยนไม่ได้ ต้องพกเพาเวอร์แบงค์ไปด้วย แม้แบตที่ให้มาจะอึดก็ตาม
- เฮ้าส์ซิ่งฟิตแน่นไปหน่อย เวลาใส่กล้องจะเปิดทันทีเพราะไปโดนปุ่มกดของตัวเฮ้าส์ซิ่ง
สุดท้ายก็หวังว่าข้อมูลรีวิว EZVIZ s1 ของผมจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหากล้อง Action Camera มาใช้เวลาออกเดินทางท่อง
เที่ยวเพื่อเก็บความประทับใจและความทรงจำเอาไว้ครับ