สวัสดีค่ะ... ทุกคน นี่เป็นกระทู้พันทิปแรกของเราเลย ตั้งใจสมัครมาเพื่อจะรีวิวทริปท่องเที่ยวต่างๆ ของเราเองค่ะ
จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เราก็ไปเที่ยวที่ต่างๆ มาเยอะ แต่ก็ขี้เกียจเก็บข้อมูลมารีวิว แต่ครั้งนี้นึกอยากจะลองทำดูบ้างค่ะ เพราะแอบอ่านของคนอื่นมาเยอะ ^^ และเผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเอง แต่ไม่มีรถส่วนตัวค่ะ
หากมีข้อผิดพลาด แนะนะ ติชม อะไร แจ้งมาได้เลยนะคะ
เราจะไม่เกริ่นอะไรมากมาย มาเริ่มต้นกันกับทริป
ดอยหลวงเชียงดาว กันค่ะ
ทริปนี้เราไป 2 คน ออกเดินทางไปคืนวันที่ 24 ก.ย. 59 เป็นอีกคืนที่ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ ค่ะ เราจองตั๋วออนไลน์กับนครชัยแอร์ล่วงหน้าไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ รอบ 23.15 น. จะได้ไปถึงเชียงใหม่เช้าพอดี ซึ่งตามกำหนดเวลาคือ 7.50 น. (เพราะเราต้องต่อรถไปที่เชียงดาวรอบ 9.30 น. แล้วไปให้ทันรถสองแถวที่จะขึ้นดอยก่อนเที่ยงตามที่อ่านรีวิวมา) เราเดินทางมาถึงศูนย์นครชัยแอร์ตอนเกือบๆ สี่ทุ่ม ซึ่ง ณ ขณะนั้นฝนเทลงมาอย่างหนักเลยค่ะ
รถออกจากศูนย์นครชัยแอร์มาแวะรับผู้โดยสารที่หมอชิตอีกแป๊บนึง จากภาพแล้วนี่ชักไม่แน่ใจว่าคือท่ารถหรือท่าเรือค่ะ
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเราต้องถึงเชียงใหม่เวลา 7.50 น. แต่เนื่องจากฝนตกโปรยปรายตลอดการเดินทาง รถจึงน่าจะวิ่งได้ช้าลงค่ะ เพราะเราดูนาฬิกาตอนนั้น 7.55 น. รถเพิ่งเข้าเขตลำปางเอง คาดว่าน่าจะถึงเชียงใหม่เกือบๆ 10 โมง ซึ่งตอนนั้นกลัวว่าจะไปถึงเชียงดาวไม่ทันก่อนเที่ยงแน่ๆ
แล้วเราก็มาถึงเชียงใหม่เวลาประมาณ 9.30 น. ตอนนั้นรีบมองหารถสองแถวแดงเพื่อที่จะไปต่อรถที่ขนส่งช้างเผือก ก็มีคุณลุงขับรถเดินมาถามพอดี ได้ราคาเหมา 2 คน 150 รถออกเลยทันที ตอนนั้นไม่ทันได้คิดก็พยักหน้างึกๆ โอเค แต่พอขึ้นรถมาแล้วก็คิดขึ้นมาว่าราคาโหดอยู่เหมือนกัน เพราะตอนแรกคิดไว้ว่าไม่น่าเกินคนละ 40 บาท แต่ก็เอาเถอะ กลัวไปไม่ทันรถขึ้นดอย (ยังมีความหวังอยู่
)
นั่งรถจากนครชัยแอร์มาขนส่งช้างเผือกประมาณ 10 นาที เราก็รีบมองหารถเมล์ส้ม เชียงใหม่-ท่าตอน เพื่อไปที่เชียงดาว ซึ่งรถก็จอดรอผู้โดยสารอยู่พอดี เลยรีบซื้อตั๋ว คนละ 40 บาท แล้วขึ้นไปจับจองที่นั่ง ประมาณ 10.20 น. รถก็ออกจากเชียงใหม่ (ตอนนั้นก็ยังมีความหวังอยู่ว่าจะไปทันรถขึ้นดอยก่อนเที่ยง)
รถวิ่งมาได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็เข้าเขตอำเภอเชียงดาว เราก็เปิดกูเกิ้ลแมบในโทรศัพท์เพื่อหาพิกัดโลตัสเชียงดาว (ตามที่อ่านรีวิวมา ^^) สรุปแล้วก็มาลงรถหน้าโลตัสเวลา 11.40 น. ตอนนั้นหมดหวังไปแล้วว่าไม่มีรถขึ้นดอยแน่ๆ เลยกะว่าจะหาข้าวกินก่อนหารถขึ้นไปบนดอย ข้างๆ โลตัสจะเป็นเซเว่น เราเข้าไปซื้อหนมกะของใช้เล็กน้อย เดินเลยเซเว่นมาหน่อยจะเป็นร้านข้าวขาหมูพรเพ็ญ ก็เลยจัดซะเลย (ตามที่อ่านรีวิวมา ^^)
หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ถามคุณป้าที่ร้านข้าวขาหมูเพื่อความแน่ใจ ว่ายังมีรถที่จะขึ้นไปเชียงดาวอยู่มั้ย ก็ได้คำตอบที่ชัดเจนจากคุณป้าว่า "ป่านนี้หมดแล้วลูก" แต่คุณป้าให้เบอร์คนขับรถมา 2 คน บอกลองโทรหาดูให้เค้ามารับ แต่คุณป้าก็แนะนำให้เดินมาที่ซอยนี้ เพราะมีชาวบ้านที่เค้าเรียกรถให้มารับเพื่อขึ้นไปบนดอยเหมือนกัน เผื่อขอติดรถไปด้วย
ปล. จากในรูปเห็นป้ายเซเว่นเล็กๆ อยู่ข้างหลัง แล้วเรือนไม้นั่นคือร้านข้าวขาหมู เดินเลยมานิดนึงจะเจอซอยเลี้ยวขวาเข้ามา มีป้ายเขียนหน้าซอยว่าวัดอินทาราม
เดินเข้าซอยมานิดนึง ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าแล้วต้องไปยืนรอตรงไหน เพราะยังไม่มีรถคันนี้มาจอด แล้วด้านขวาก็เป็นเหมือนใต้ถุนบ้าน มีชาวบ้าน 2-3 คน นั่งรอรถอยู่ พี่เค้าก็เลยถามว่าจะไปบ้านระเบียงดาวหรอ แน่ะๆ ได้ทีเราเลย รีบตอบไปว่าใช่ค่ะ พี่เค้าก็บอกว่ามานั่งรอตรงนี้แหละ รถกำลังมารับ เดี๋ยวขึ้นไปพร้อมกัน
ได้ยินอย่างนั้นก็คิดในใจว่า "รอดแล้วโว้ยยยย" เลยนั่งคุยกับสนทนากับพี่เค้า คือพีๆ เค้าเป็นชาวบ้านข้างบนดอย ที่อยู่เลยระเบียงดาวขึ้นไปอีกครึ่งทางเลย
แต่นั่งรอไปสักพักพี่เค้าก็เริ่มบ่นว่าโทรเรียกนานแล้วทำไมยังมาไม่ถึง สักพักรถกระบะคันนี้ก็มาจอดเค้ามาแวะซื้อของ พี่เจ้าของรถเป็นผู้หญิง ปรากฏว่ารู้จักกับชาวบ้านที่นั่งรอรถอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ พี่เจ้าของรถคันนี้คือลูกสาวคุณลุงคนขับที่ชาวบ้านเค้าเรียกให้มารับ ลูกสาวเลยโทรตามพ่อให้ สรุปได้ความว่าคุณลุงคนรับ ขับรถพานักท่องเที่ยวแวะเที่ยวที่อื่นอยู่ น่าจะอีกนานคงมาถึง (ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่า
ละ!!) แล้วทีนี้ชาวบ้านกับพี่เจ้าของรถเค้าก็คุยกันประมาณว่าจะขอติดรถพี่เค้าขึ้นไปด้วย แล้วก็ชี้มาทางเราว่ามีน้องอีก 2 คนนะ จะไปบ้านระเบียงดาว พี่ๆกับชาวบ้าน เค้าก็ช่วยกันเคลียของหน้ารถมาไว้ที่กระบะ แล้วก็จัดแจงที่นั่งกัน ชาวบ้าน 3 คน นั่งข้างหน้า ส่วนเราก็นั่งหลังกระบะเลยชิวๆ ตอนนั้นหวั่นๆ ว่าฝนจะตกลงมามั้ย เพราะเหมือนจะเริ่มลงเม็ดมาเปาะแปะ แต่ก็หายไป
รถเลี้ยวออกจากซอยนั้นมาถนนใหญ่ จอดแวะซื้อของแป๊บนึงแล้วก็ตรงมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนี้เลย มีป้ายที่ปากซอยว่า "ถ้ำเชียงดาว" เผื่อใครที่ขับรถมาเอง
ต่อไปจะเป็นภาพธรรมชาติสองข้างทาง ด้านหน้า และด้านหลัง เรียกว่าภูเขาโอบล้อมรอบกาย ลมตีหน้าเย็นๆ อากาศชื้นหน่อยๆ ฟีลกู๊ดมากกกกกกกกกก
คือถ้าขับรถมาเอง หรือนั่งรถสองแถว คงไม่ได้ความรู้สึกนี้มาก เพราะฉะนั้นแนะนำคนที่มาเอง หาโบกรถชาวบ้านขึ้นไปนะคะ ขอนั่งกระบะหลังด้วยนะ แต่ก็ต้องวัดดวงหน่อยแหละ ว่าจะรอนานขนาดไหน ^^ ไปชื่นชมภาพกันดีกว่าค่ะ (ถ่ายมาหรือแต่งให้สวยยังไง ก็ไม่ประทับใจเท่าเห็นด้วยตาเปล่านะ)
รถขับมาได้สักพัก ก็จะเจอกับด่านตรวจ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าเขต คนละ 20 บาท ซึ่งหลังจากผ่านด่านนี้ไป เราไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้เลย ไม่ใช่ว่าเป็นเขตหวงห้าม หรือห้ามถ่ายรูปอะไรนะ แต่คือเราปล่อยมือออกจากข้างรถไม่ได้ต้องจับแน่นๆ เพราะเส้นทางต่อไปนี้เป็นทางขึ้นเขาคดโค้ง เลี้ยวลด สูงชัน หักศอก สลับกันไป ซึ่งพี่ที่ขับรถเค้าขับเก่งมาก เรานี่โยกเยกไปมาตลอดทาง สนุกมากกกกก
*วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวหลังจากนี้จะเป็นทางเข้าบ้านระเบียงดาวละ แต่เราไม่ได้พักที่ระเบียงดาวนะคะ เพราะวันที่เราไป บ้านระเบียงดาวเต็ม เลยไปพักอีกที่นึงชื่อ "บ้านวิวดอยหลวง" มาชมภาพต่อพรุ่งนี้น้าาาา ^^
[CR] หนีน้ำท่วมในเมืองกรุง ไปอยู่ดอย...หลวง @เชียงดาว
จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เราก็ไปเที่ยวที่ต่างๆ มาเยอะ แต่ก็ขี้เกียจเก็บข้อมูลมารีวิว แต่ครั้งนี้นึกอยากจะลองทำดูบ้างค่ะ เพราะแอบอ่านของคนอื่นมาเยอะ ^^ และเผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเอง แต่ไม่มีรถส่วนตัวค่ะ
หากมีข้อผิดพลาด แนะนะ ติชม อะไร แจ้งมาได้เลยนะคะ
เราจะไม่เกริ่นอะไรมากมาย มาเริ่มต้นกันกับทริป ดอยหลวงเชียงดาว กันค่ะ
ทริปนี้เราไป 2 คน ออกเดินทางไปคืนวันที่ 24 ก.ย. 59 เป็นอีกคืนที่ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ ค่ะ เราจองตั๋วออนไลน์กับนครชัยแอร์ล่วงหน้าไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ รอบ 23.15 น. จะได้ไปถึงเชียงใหม่เช้าพอดี ซึ่งตามกำหนดเวลาคือ 7.50 น. (เพราะเราต้องต่อรถไปที่เชียงดาวรอบ 9.30 น. แล้วไปให้ทันรถสองแถวที่จะขึ้นดอยก่อนเที่ยงตามที่อ่านรีวิวมา) เราเดินทางมาถึงศูนย์นครชัยแอร์ตอนเกือบๆ สี่ทุ่ม ซึ่ง ณ ขณะนั้นฝนเทลงมาอย่างหนักเลยค่ะ
รถออกจากศูนย์นครชัยแอร์มาแวะรับผู้โดยสารที่หมอชิตอีกแป๊บนึง จากภาพแล้วนี่ชักไม่แน่ใจว่าคือท่ารถหรือท่าเรือค่ะ
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเราต้องถึงเชียงใหม่เวลา 7.50 น. แต่เนื่องจากฝนตกโปรยปรายตลอดการเดินทาง รถจึงน่าจะวิ่งได้ช้าลงค่ะ เพราะเราดูนาฬิกาตอนนั้น 7.55 น. รถเพิ่งเข้าเขตลำปางเอง คาดว่าน่าจะถึงเชียงใหม่เกือบๆ 10 โมง ซึ่งตอนนั้นกลัวว่าจะไปถึงเชียงดาวไม่ทันก่อนเที่ยงแน่ๆ
แล้วเราก็มาถึงเชียงใหม่เวลาประมาณ 9.30 น. ตอนนั้นรีบมองหารถสองแถวแดงเพื่อที่จะไปต่อรถที่ขนส่งช้างเผือก ก็มีคุณลุงขับรถเดินมาถามพอดี ได้ราคาเหมา 2 คน 150 รถออกเลยทันที ตอนนั้นไม่ทันได้คิดก็พยักหน้างึกๆ โอเค แต่พอขึ้นรถมาแล้วก็คิดขึ้นมาว่าราคาโหดอยู่เหมือนกัน เพราะตอนแรกคิดไว้ว่าไม่น่าเกินคนละ 40 บาท แต่ก็เอาเถอะ กลัวไปไม่ทันรถขึ้นดอย (ยังมีความหวังอยู่ )
นั่งรถจากนครชัยแอร์มาขนส่งช้างเผือกประมาณ 10 นาที เราก็รีบมองหารถเมล์ส้ม เชียงใหม่-ท่าตอน เพื่อไปที่เชียงดาว ซึ่งรถก็จอดรอผู้โดยสารอยู่พอดี เลยรีบซื้อตั๋ว คนละ 40 บาท แล้วขึ้นไปจับจองที่นั่ง ประมาณ 10.20 น. รถก็ออกจากเชียงใหม่ (ตอนนั้นก็ยังมีความหวังอยู่ว่าจะไปทันรถขึ้นดอยก่อนเที่ยง)
รถวิ่งมาได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็เข้าเขตอำเภอเชียงดาว เราก็เปิดกูเกิ้ลแมบในโทรศัพท์เพื่อหาพิกัดโลตัสเชียงดาว (ตามที่อ่านรีวิวมา ^^) สรุปแล้วก็มาลงรถหน้าโลตัสเวลา 11.40 น. ตอนนั้นหมดหวังไปแล้วว่าไม่มีรถขึ้นดอยแน่ๆ เลยกะว่าจะหาข้าวกินก่อนหารถขึ้นไปบนดอย ข้างๆ โลตัสจะเป็นเซเว่น เราเข้าไปซื้อหนมกะของใช้เล็กน้อย เดินเลยเซเว่นมาหน่อยจะเป็นร้านข้าวขาหมูพรเพ็ญ ก็เลยจัดซะเลย (ตามที่อ่านรีวิวมา ^^)
หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ถามคุณป้าที่ร้านข้าวขาหมูเพื่อความแน่ใจ ว่ายังมีรถที่จะขึ้นไปเชียงดาวอยู่มั้ย ก็ได้คำตอบที่ชัดเจนจากคุณป้าว่า "ป่านนี้หมดแล้วลูก" แต่คุณป้าให้เบอร์คนขับรถมา 2 คน บอกลองโทรหาดูให้เค้ามารับ แต่คุณป้าก็แนะนำให้เดินมาที่ซอยนี้ เพราะมีชาวบ้านที่เค้าเรียกรถให้มารับเพื่อขึ้นไปบนดอยเหมือนกัน เผื่อขอติดรถไปด้วย
ปล. จากในรูปเห็นป้ายเซเว่นเล็กๆ อยู่ข้างหลัง แล้วเรือนไม้นั่นคือร้านข้าวขาหมู เดินเลยมานิดนึงจะเจอซอยเลี้ยวขวาเข้ามา มีป้ายเขียนหน้าซอยว่าวัดอินทาราม
เดินเข้าซอยมานิดนึง ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าแล้วต้องไปยืนรอตรงไหน เพราะยังไม่มีรถคันนี้มาจอด แล้วด้านขวาก็เป็นเหมือนใต้ถุนบ้าน มีชาวบ้าน 2-3 คน นั่งรอรถอยู่ พี่เค้าก็เลยถามว่าจะไปบ้านระเบียงดาวหรอ แน่ะๆ ได้ทีเราเลย รีบตอบไปว่าใช่ค่ะ พี่เค้าก็บอกว่ามานั่งรอตรงนี้แหละ รถกำลังมารับ เดี๋ยวขึ้นไปพร้อมกัน ได้ยินอย่างนั้นก็คิดในใจว่า "รอดแล้วโว้ยยยย" เลยนั่งคุยกับสนทนากับพี่เค้า คือพีๆ เค้าเป็นชาวบ้านข้างบนดอย ที่อยู่เลยระเบียงดาวขึ้นไปอีกครึ่งทางเลย
แต่นั่งรอไปสักพักพี่เค้าก็เริ่มบ่นว่าโทรเรียกนานแล้วทำไมยังมาไม่ถึง สักพักรถกระบะคันนี้ก็มาจอดเค้ามาแวะซื้อของ พี่เจ้าของรถเป็นผู้หญิง ปรากฏว่ารู้จักกับชาวบ้านที่นั่งรอรถอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ พี่เจ้าของรถคันนี้คือลูกสาวคุณลุงคนขับที่ชาวบ้านเค้าเรียกให้มารับ ลูกสาวเลยโทรตามพ่อให้ สรุปได้ความว่าคุณลุงคนรับ ขับรถพานักท่องเที่ยวแวะเที่ยวที่อื่นอยู่ น่าจะอีกนานคงมาถึง (ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่าละ!!) แล้วทีนี้ชาวบ้านกับพี่เจ้าของรถเค้าก็คุยกันประมาณว่าจะขอติดรถพี่เค้าขึ้นไปด้วย แล้วก็ชี้มาทางเราว่ามีน้องอีก 2 คนนะ จะไปบ้านระเบียงดาว พี่ๆกับชาวบ้าน เค้าก็ช่วยกันเคลียของหน้ารถมาไว้ที่กระบะ แล้วก็จัดแจงที่นั่งกัน ชาวบ้าน 3 คน นั่งข้างหน้า ส่วนเราก็นั่งหลังกระบะเลยชิวๆ ตอนนั้นหวั่นๆ ว่าฝนจะตกลงมามั้ย เพราะเหมือนจะเริ่มลงเม็ดมาเปาะแปะ แต่ก็หายไป
รถเลี้ยวออกจากซอยนั้นมาถนนใหญ่ จอดแวะซื้อของแป๊บนึงแล้วก็ตรงมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนี้เลย มีป้ายที่ปากซอยว่า "ถ้ำเชียงดาว" เผื่อใครที่ขับรถมาเอง
ต่อไปจะเป็นภาพธรรมชาติสองข้างทาง ด้านหน้า และด้านหลัง เรียกว่าภูเขาโอบล้อมรอบกาย ลมตีหน้าเย็นๆ อากาศชื้นหน่อยๆ ฟีลกู๊ดมากกกกกกกกกก
คือถ้าขับรถมาเอง หรือนั่งรถสองแถว คงไม่ได้ความรู้สึกนี้มาก เพราะฉะนั้นแนะนำคนที่มาเอง หาโบกรถชาวบ้านขึ้นไปนะคะ ขอนั่งกระบะหลังด้วยนะ แต่ก็ต้องวัดดวงหน่อยแหละ ว่าจะรอนานขนาดไหน ^^ ไปชื่นชมภาพกันดีกว่าค่ะ (ถ่ายมาหรือแต่งให้สวยยังไง ก็ไม่ประทับใจเท่าเห็นด้วยตาเปล่านะ)
รถขับมาได้สักพัก ก็จะเจอกับด่านตรวจ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าเขต คนละ 20 บาท ซึ่งหลังจากผ่านด่านนี้ไป เราไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้เลย ไม่ใช่ว่าเป็นเขตหวงห้าม หรือห้ามถ่ายรูปอะไรนะ แต่คือเราปล่อยมือออกจากข้างรถไม่ได้ต้องจับแน่นๆ เพราะเส้นทางต่อไปนี้เป็นทางขึ้นเขาคดโค้ง เลี้ยวลด สูงชัน หักศอก สลับกันไป ซึ่งพี่ที่ขับรถเค้าขับเก่งมาก เรานี่โยกเยกไปมาตลอดทาง สนุกมากกกกก
*วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวหลังจากนี้จะเป็นทางเข้าบ้านระเบียงดาวละ แต่เราไม่ได้พักที่ระเบียงดาวนะคะ เพราะวันที่เราไป บ้านระเบียงดาวเต็ม เลยไปพักอีกที่นึงชื่อ "บ้านวิวดอยหลวง" มาชมภาพต่อพรุ่งนี้น้าาาา ^^