[รีวิวนอกรอบ] Breaking Bad - มาสเตอร์พีซ ; (Vince Gilligan, 2008-2013)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++++++++++++++++++ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เหตุเกิดขึ้นในเมืองแอลบูเคอร์คี, รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อ 'วอลเตอร์ ไวท์'(Bryan Cranston) ครูสอนวิชาเคมีมัธยมปลายที่แสนจะธรรมด๊า-ธรรมดาคนนึง ถูกวินิจฉัยว่าตนเองเป็น 'มะเร็งปอด' ระยะรุนแรงและอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก ด้วยความสิ้นหวังอับจนหนทาง วอลต์จึงไปร่วมมือกับอดีตศิษย์เก่าขี้ยาอย่าง 'เจสซี พิงค์แมน' (Aaron Paul) เพื่อที่จะปรุงยาไอซ์ (Meth)ขายเองโดยใช้เส้นสายของเจสซีและทักษะทางเคมีวิทยาของวอลต์ โดยวอลต์เองก็หวังลึกๆว่าก่อนที่ตนจะตายจากไปก็อยากจะเก็บเงินไว้ซักก้อนเล็กๆก้อนนึงทิ้งไว้ให้กับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ 'สกายเลอร์' (Anna Gunn) และลูกชายวัยรุ่นอย่าง 'วอลเตอร์ จูเนียร์' (RJ Mitte) ... โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งเขาก้าวขาเข้าไปในวงการนี้ลึกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในโลกของอาชญากรและยาเสพติดที่ยากจะถอนตัวมากขึ้นเท่านั้น.
ก่อนอื่นขอสารภาพบาปก่อนเลยว่ารู้สึกผิดมากกกกกกกที่ได้ดูช้าขนาดนี้ในฐานะคอซีรีย์คนหนึ่ง แรกเริ่มเดิมทีก็แค่อยากจะหยิบมาดูแก้เบื่อเฉยๆ .. แต่พอจบตอนแรกเท่านั้นแหละ โอ้โห ถอนตัวไม่ได้แล้วจ้าา หนังมีความชาญฉลาดในการผูกปมความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเป็นอีกหนึ่งน้อยเรื่องที่สามารถใช้ตัวละครได้ 'คุ้มค่า' ขนาดนี้ (ในเรื่องจะมีตัวละครหลักไม่ถึงสิบตัว) โดยที่ไม่ทำให้เราเบือหรือเอียนหน้าตัวละครเหล่านี้เลย
แน่นอนว่าธีมเรื่องก็จะตรงกับชื่อหนังที่เกี่ยวกับ 'การเสียคน' (Breaking Bad) ของ วอลต์ที่แรกเริ่มเดิมทีหวังแค่จะหาเงินก้อนเล็กๆทิ้งไว้ให้ครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งทำไปทำมาตัวเองก็ถลำลึกลงไปในโลกของ 'คนเลว' อย่างเต็มตัวเสียแล้ว ซึ่งเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ก็คือตัวละครทุกตัวล้วนเป็น 'คนธรรมดา' ทั้งหมด ที่ต่างก็มีปัญหาน้อยใหญ่เหมือนคนทั่วๆไปที่พอเอามารวมๆผสมโยงใยเข้าด้วยกันแล้วมันก็เป็น 'เรื่องใหญ่' ได้ และด้วยความที่มันเป็นเรื่องที่เราไม่รู้สึกว่าไกลตัวเราด้วยความรู้สึกแบบว่า "เฮ้ย ปัญหาแบบนี้ชีวิตอั๊วะก็มีนี่หว่า" เราก็เลยอินกับมันมากขึ้นได้ไม่ยาก
เสน่ห์หลักๆของเรื่องก็คงหนีไม่พ้นบรรดานักแสดงนำที่เรียกได้ว่าฝีมือและอินเนอร์มาเต็มมากๆ โดยเฉพาะสองนักแสดงนำที่น่าจดจำอย่าง อารอน พอลในบทบาทของเจสซี่ เด็กหนุ่มขี้ยาที่ไม่มีจุดหมายของชีวิตแต่กลับต้องมาวนเวียนอยู่ในวงการอาชญากรรมยาเสพติดแบบเสียไม่ได้
และไบรอัน แครนสตันในบทวอลต์ ที่ไม่แปลกใจเลยที่แกได้รับรางวัลแสดงนำดีเด่นมาเป็นกระบุงขนาดนั้น เพราะการแสดงในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ประสบวิบากกรรมของชีวิตก็ถือว่ายอดเยี่ยมไร้ที่ติ อีกทั้งตัวละครวอลต์เองก็สามารถ 'เอาหนังอยู่' ได้อย่างน่าชื่นชมตลอด 5 ซีซั่น และค่อยๆนำพาเราไปเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ไร้พิษภัยอย่างวอลเตอร์ที่ค่อยๆกลายเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดตัวอันตราย 'ไฮเซนเบิร์ก' ได้อย่างน่าติดตาม
สิ่งที่ดีสำหรับซีรีย์เรื่องนี้คือการที่มันถูกสร้างขึ้นมาบนเส้นเรื่องที่ชัดเจนและกระชับฉับไวภายใต้กรอบ 5 ซีซั่นโดยไม่มีตอนไหนที่ใส่เข้ามายืดเรื่องเวิ่นเว้อเหมือนกับเรื่องอื่นๆเลย ความพิเศษคือทุกๆตอน ทุกๆฉากล้วนเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกในภายภาคหน้า ซึ่งบางครั้งเราลืมไปแล้วว่ามันเคยทำไอ้นี่ไว้นะ ซึ่งห้าตอนต่อไปไอ้การกระทำนี้อาจจะเกิดผลกระทบต่อตัวละครอื่นอีกทีก็ได้ ซึ่งสิ่งนี้ผู้เขียนถือว่าเป็นอัจฉริยะภาพของผู้กำกับอย่าง Vince Gilligan ที่ใส่ใจรายละเอียดกับผลงานของตัวเองจนมันออกมาเป็นมาสเตอร์พีซได้ขนาดนี้
สำหรับใครที่กังวลว่าถ้าเจนเรของเรื่องมันคือดราม่าชีวิตที่ประกอบไปด้วยดราม่าครอบครัว/คนรัก/เพื่อนฝูง ซึ่งเน้นบทพูดเป็นหลักแล้วมันจะง่วงนอนชวนหลับรึเปล่า? .. ขอบอกว่าไม่เลย! เพราะตัวบทพูดต่างๆนี่แหละที่เป็นความมันส์ของเรื่อง มันมีการเฉือนคมปมดราม่าในวงการอาชญากรรมที่แฝงไปด้วยความฉลาดมากมาย พ่วงไปด้วยอารมขันแบบตลกร้ายและคิวบู๊ที่ฉับไวและโหดเหี้ยม เรียกได้ว่าหนังประเคนความสมจริงที่สุดเท่าที่เราจะหาได้มาให้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย!!
.... ขอการันตีเลยว่าถ้าดู 2 ตอนแรกจบแล้วไม่ติด ให้มาด่าแอดมินเพจได้เลยครับ
ป.ล.ขอสดุดีรีวิวนี้ให้กับความบันเทิงตลอด 5 ซีซั่นกับผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[รีวิวนอกรอบ] Breaking Bad - มาสเตอร์พีซ by ตั๋วหนังมันแพง
[รีวิวนอกรอบ] Breaking Bad - มาสเตอร์พีซ ; (Vince Gilligan, 2008-2013)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++++++++++++++++++ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เหตุเกิดขึ้นในเมืองแอลบูเคอร์คี, รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อ 'วอลเตอร์ ไวท์'(Bryan Cranston) ครูสอนวิชาเคมีมัธยมปลายที่แสนจะธรรมด๊า-ธรรมดาคนนึง ถูกวินิจฉัยว่าตนเองเป็น 'มะเร็งปอด' ระยะรุนแรงและอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก ด้วยความสิ้นหวังอับจนหนทาง วอลต์จึงไปร่วมมือกับอดีตศิษย์เก่าขี้ยาอย่าง 'เจสซี พิงค์แมน' (Aaron Paul) เพื่อที่จะปรุงยาไอซ์ (Meth)ขายเองโดยใช้เส้นสายของเจสซีและทักษะทางเคมีวิทยาของวอลต์ โดยวอลต์เองก็หวังลึกๆว่าก่อนที่ตนจะตายจากไปก็อยากจะเก็บเงินไว้ซักก้อนเล็กๆก้อนนึงทิ้งไว้ให้กับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ 'สกายเลอร์' (Anna Gunn) และลูกชายวัยรุ่นอย่าง 'วอลเตอร์ จูเนียร์' (RJ Mitte) ... โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งเขาก้าวขาเข้าไปในวงการนี้ลึกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในโลกของอาชญากรและยาเสพติดที่ยากจะถอนตัวมากขึ้นเท่านั้น.
ก่อนอื่นขอสารภาพบาปก่อนเลยว่ารู้สึกผิดมากกกกกกกที่ได้ดูช้าขนาดนี้ในฐานะคอซีรีย์คนหนึ่ง แรกเริ่มเดิมทีก็แค่อยากจะหยิบมาดูแก้เบื่อเฉยๆ .. แต่พอจบตอนแรกเท่านั้นแหละ โอ้โห ถอนตัวไม่ได้แล้วจ้าา หนังมีความชาญฉลาดในการผูกปมความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเป็นอีกหนึ่งน้อยเรื่องที่สามารถใช้ตัวละครได้ 'คุ้มค่า' ขนาดนี้ (ในเรื่องจะมีตัวละครหลักไม่ถึงสิบตัว) โดยที่ไม่ทำให้เราเบือหรือเอียนหน้าตัวละครเหล่านี้เลย
แน่นอนว่าธีมเรื่องก็จะตรงกับชื่อหนังที่เกี่ยวกับ 'การเสียคน' (Breaking Bad) ของ วอลต์ที่แรกเริ่มเดิมทีหวังแค่จะหาเงินก้อนเล็กๆทิ้งไว้ให้ครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งทำไปทำมาตัวเองก็ถลำลึกลงไปในโลกของ 'คนเลว' อย่างเต็มตัวเสียแล้ว ซึ่งเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ก็คือตัวละครทุกตัวล้วนเป็น 'คนธรรมดา' ทั้งหมด ที่ต่างก็มีปัญหาน้อยใหญ่เหมือนคนทั่วๆไปที่พอเอามารวมๆผสมโยงใยเข้าด้วยกันแล้วมันก็เป็น 'เรื่องใหญ่' ได้ และด้วยความที่มันเป็นเรื่องที่เราไม่รู้สึกว่าไกลตัวเราด้วยความรู้สึกแบบว่า "เฮ้ย ปัญหาแบบนี้ชีวิตอั๊วะก็มีนี่หว่า" เราก็เลยอินกับมันมากขึ้นได้ไม่ยาก
เสน่ห์หลักๆของเรื่องก็คงหนีไม่พ้นบรรดานักแสดงนำที่เรียกได้ว่าฝีมือและอินเนอร์มาเต็มมากๆ โดยเฉพาะสองนักแสดงนำที่น่าจดจำอย่าง อารอน พอลในบทบาทของเจสซี่ เด็กหนุ่มขี้ยาที่ไม่มีจุดหมายของชีวิตแต่กลับต้องมาวนเวียนอยู่ในวงการอาชญากรรมยาเสพติดแบบเสียไม่ได้
และไบรอัน แครนสตันในบทวอลต์ ที่ไม่แปลกใจเลยที่แกได้รับรางวัลแสดงนำดีเด่นมาเป็นกระบุงขนาดนั้น เพราะการแสดงในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ประสบวิบากกรรมของชีวิตก็ถือว่ายอดเยี่ยมไร้ที่ติ อีกทั้งตัวละครวอลต์เองก็สามารถ 'เอาหนังอยู่' ได้อย่างน่าชื่นชมตลอด 5 ซีซั่น และค่อยๆนำพาเราไปเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ไร้พิษภัยอย่างวอลเตอร์ที่ค่อยๆกลายเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดตัวอันตราย 'ไฮเซนเบิร์ก' ได้อย่างน่าติดตาม
สิ่งที่ดีสำหรับซีรีย์เรื่องนี้คือการที่มันถูกสร้างขึ้นมาบนเส้นเรื่องที่ชัดเจนและกระชับฉับไวภายใต้กรอบ 5 ซีซั่นโดยไม่มีตอนไหนที่ใส่เข้ามายืดเรื่องเวิ่นเว้อเหมือนกับเรื่องอื่นๆเลย ความพิเศษคือทุกๆตอน ทุกๆฉากล้วนเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกในภายภาคหน้า ซึ่งบางครั้งเราลืมไปแล้วว่ามันเคยทำไอ้นี่ไว้นะ ซึ่งห้าตอนต่อไปไอ้การกระทำนี้อาจจะเกิดผลกระทบต่อตัวละครอื่นอีกทีก็ได้ ซึ่งสิ่งนี้ผู้เขียนถือว่าเป็นอัจฉริยะภาพของผู้กำกับอย่าง Vince Gilligan ที่ใส่ใจรายละเอียดกับผลงานของตัวเองจนมันออกมาเป็นมาสเตอร์พีซได้ขนาดนี้
สำหรับใครที่กังวลว่าถ้าเจนเรของเรื่องมันคือดราม่าชีวิตที่ประกอบไปด้วยดราม่าครอบครัว/คนรัก/เพื่อนฝูง ซึ่งเน้นบทพูดเป็นหลักแล้วมันจะง่วงนอนชวนหลับรึเปล่า? .. ขอบอกว่าไม่เลย! เพราะตัวบทพูดต่างๆนี่แหละที่เป็นความมันส์ของเรื่อง มันมีการเฉือนคมปมดราม่าในวงการอาชญากรรมที่แฝงไปด้วยความฉลาดมากมาย พ่วงไปด้วยอารมขันแบบตลกร้ายและคิวบู๊ที่ฉับไวและโหดเหี้ยม เรียกได้ว่าหนังประเคนความสมจริงที่สุดเท่าที่เราจะหาได้มาให้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย!!
.... ขอการันตีเลยว่าถ้าดู 2 ตอนแรกจบแล้วไม่ติด ให้มาด่าแอดมินเพจได้เลยครับ
ป.ล.ขอสดุดีรีวิวนี้ให้กับความบันเทิงตลอด 5 ซีซั่นกับผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..