ที่คุณกำลังเห็นอยู่นี้คือปืนไรเฟิลจู่โจมในตระกูล AR-15 ที่เป็นการนำอะไหล่ของ M16A2 หรือ A1 ที่ใส่ประกับ A2 กับ M4A1 มายำรวมกัน (ตามข้อสันนิษฐานของผมบางทีอาจจะเป็นการเอาอะไหล่ปืนของอเมริกันมารวมร่างกับ

ก็เป็นอย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่ากองทัพสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เลือกปืนไรเฟิลเมาเซอร์มาเป็นปืนเล็กยาวหลักของกองทัพแต่จักรวรรดิญี่ปุ่นพยายามล็อบบี้ให้กองทัพสยามเลือกใช้ปืนของญี่ปุ่นในตอนแรกผมแค่คิดว่าพวก

"Militarize" คำนี้ในภาษาอังกฤษหลักๆจะแปลเป็นภาษาไทยได้ 2 ความหมายคือ 1 การติดอาวุธและ 2 การทำให้มีลักษณะไปในทางทหารถ้าใครที่อ่านงานเขียนของผมมาตั้งแต่ต้นจะ

ถ้าเป็นพลร่ม หรือ พลรถถังผมก็พอเข้าใจนะว่าทำไปเพราะ เพื่อความคล่องตัวของกำลังพล อย่าง m1 tanker หรือ mini g m1a tanker ของพลรถถัง m1a1 paratroopers carbine m249 paratroopers ของพลร่ม แต่ในส่

สเปนช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นรับเอาแนวคิดและระบบอาวุธจากทั้งสหรัฐอเมริกาและเยอรมันมาผสมรวมกันเพื่อออกแบบให้กองทัพของตนเองนั้นมีอาวุธปืนเล็กยาวที่ทันสมัยยิ่งขึ้นและนี่ก็คือหนึ่งในการลองผิดลองถูก

ภาพนี้ผมได้มาจากเว็บจีน (แต่ดันทำลิงค์หายไปซะแล้ว) ปืนไรเฟิลจู่โจมกระบอกนี้มาจากพม่าเป็นการยำรวมอะไหล่ระหว่าง Type 56 กับ Type 81-2 ซึ่งทั้งคู่นั้นเป็นปืนจีนแต่ไส้ในไม่เหมือนกันเท่าไหร่ Type 56 คือ

ก็อย่างที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่าในปากีสถานมันมีกฎหมายที่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัดแค่ไหนว่ากระสุนขนาด 7.62x39 มม. ถือเป็นกระสุนสำหรับปืนที่ใช้ในราชการเท่านั้น นั่นทำให้ม

ตัวต้นแบบของปืนไรเฟิลจู่โจมขนาด 7.62x39 มม. ซองกระสุนบรรจุ 20 นัด พัฒนาจาก StG 44 (แต่หน้าตาคล้ายๆ G3) การพัฒนาถูกยกเลิกเพื่อนำ MPi-K (สำเนา AK-47 ของเยอรมันตะวันออก) มาใช้ในกองทัพ Nationale Volksarme

ตัวต้นแบบปืนไรเฟิลลูกเลื่อนใช้กระสุนขนาด 7.92x33 mm บรรจุด้วยซองกระสุนของ STG-44 ออกแบบและผลิตโดย Erma Werke บริษัทเดียวกับที่ผลิตปืนกลมือ MP-40 การออกแบบนั้นอยู่ระหว่างปลายปี 1944 ถึง 1945 ซึ่งเป็นช่