สวัสดีค่ะ 'ไปเหอะ' เกิดขึ้นจากเรา 2 สามี-ภรรยา ที่แทบจะไม่ค่อยได้เที่ยว
แต่พอได้มาเจอกัน กับ 1 ทริปที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากนั้น คำว่า 'ไปเหอะ'
ก็เกิดขึ้นเกือบทุกๆเดือนในชีวิตเรา2คน แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำรีวิวเลย จนมาทริปนี้
เราเลยคิดว่าอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ และ มุมมองในแบบของเรา เพื่อจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคนนะคะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
เราไปกันทั้งหมด 7 คืน 8 วัน
- มะละกา
-เก็นติ้ง ไฮแลนด์
-กัวลาลัมเปอร์
-ปุตราจายา
-คาเมร่อน ไฮแลนด์
เดินทางจากดอนเมือง สู่ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศ มาเลเซีย 2ชั่วโมงกว่าถึงและ ครั้งนี้เราไม่ได้โหลดกระเป๋าลงใต้เครื่องดังนั้น
สะดวกสบายและไวเว่อร์ Check in ที่ตู้ Kiosk เสร็จก็เข้าไปนั่งรอที่เกทสบายๆไม่ต้องเร่งรีบอะไรเลย
ในส่วนของ ตม. นั้นนนนน หน้าตาก็โหดพอตัว แถวยาว และรอค่อนข้างนาน ประมาณ30-40นาทีได้
แล้วตอนไปเจอกลุ่มคนไทย กำลังผ่าน ตม. ยื่นใบสีขาวอะไรซักอย่างให้
แล้วเค้าก็เชิญให้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องนึง ใจตอนนั้นก็ตุ่มๆต่อมๆและ เพราะไม่ใช่คนสองคน แต่5-6คนเลยที่โดน
เลยยืนสังเกตุว่าส่วนใหญ่คนที่โดนตรวจช้าและนานคือผู้หญิง อย่างคุณสามีก็คือได้เข้าช่องตม.ที่หลังเรา แต่เสร็จตั้งแต่เราเพิ่ง
มองกล้องเอง กลับมาก็ถึงได้เข้าใจ ตามข่าวล่าสุดกันเลย ผู้หญิงไทยอย่างเราเลยโดนตรวจสอบกันเยอะหน่อย
KLIA2-MELAKA
ถึงแล้วว ก็ต้องไปซื้อตั๋วรถบัสไปมะละกากันเลย ใครจะจองก่อนก็ได้นะ ซื้อออนไลน์ได้ที่เว็ป busonlineticket หรือ easybooking
แต่เราไม่จองก่อนเพราะว่ากลัวเจอเหตุสุดวิสัย อย่างเช่น เครื่องบินดีเลย์ หรือ หาท่ารถไม่เจอ 5555
พิกัดเค้าเตอร์๋ : เดินออกจากตม. ก็ตรงมาเรื่อยๆ หาบันไดเลื่อนลงไปชั้นล่างสุด ฝั่งนึงจะเป็นเค้าเตอร์ให้เช่ารถ
อีกฝั่งนึงเป็นเค้าเตอร์จองตั๋วรถบัสที่เราต้องการเนี้ยแหละ
เราเลือกเดินทางกับ Transportational Express รถใหม่ นั่งสบาย จริงๆแต่ละบริษัทก็คงไม่ต่างกันมาก
เราเน้นเวลาที่สะดวกเป็นพอ โชคดีได้นั่งของบริษัทนี้พอดี
เหลือเวลาอีก10นาที ไปนั่งกินข้าวคงไม่ทัน เลยไปหาตามร้านสะดวกซื้อ เจอขนมปังข้างในเป็นไส้ครีมรสข้าวโพด
อร่อยอะ ที่สำคัญ ราคา 0.85 RM (ประมาณ 7บาท)!!!! มีให้เลือก5-6รส
MELAKA
ถึงแล้ว มะละกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงกว่าๆ
พอถึงมะละกานั่งรถบัส สาย17 เพื่อเข้าไป Dutch Square เพื่อจะเดินไปที่พักต่อ
ที่ขนส่งมะละกาจะแยกเป็น 2 ฝั่งนะ ฝั่งนึงเป็นออก-เข้าจากมะละกา อีกฝั่งเป็นเดินทางภายในเมืองมะละกา (ต้องไปตึกนี้)
ลองดูดีๆนะจ้ะ หรือลองเดินๆตามคนที่ลงมาจากรถบัสไปนั้นแหละ อันนี้เรา2คนก็เดินวนอยู่2รอบจ้าาา
ที่พัก
Hotel Hong
ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Jonker Street ราคาน่ารัก ตอนที่จองราคาประมาณไม่เกิน 800บ. ห้องพักสะอาด
แต่ขนาดห้องเล็ก เจ้าของให้ความช่วยเหลือดี ขากลับเจ้าของขับรถตู้ไปส่งที่ขนส่งมะละกาด้วย
ในห้องจะมีแค่สบู่ ผ้าเช็ดตัวคนละ 1 ผืน แนะนำให้เตรียม ข้าวของเครื่องใช้ไปให้ครบ รวมถึงไดร์เป่าผม รร.ส่วนใหญ่ที่เจอในมาเล
จะไม่มีให้
ระหว่างเดินเข้าที่พัก ก็เดินชมวิวไปพลางๆ เมืองนี้เราชอบจะแทบที่สุดในทุกๆที่เลย
ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวเล็กๆ สีสันสดใส เป็นเมืองแห่ง street art เลยก็ว่าได้
ถึงที่พักก็เก็บของนอนพักสักแปปก็ออกมาเดินเล่นหาข้าวกินกัน
เราไปวันธรรมดาเลยจะไม่มีตลาด เลยค่อนข้างจะไม่คึกคักมากเท่าไหร่
เดินไปเรื่อยๆก็เจอร้านคาเฟ่น่ารักๆ ชื่อ The Daily Fix ไปถึงอีก10นาทีร้านก็จะปิด
เลยสั่งชามะนาวมากินแก้วนึง เสียดายมาก ร้านน่ารัก ราคาไม่แพงมาก นั่งสบาย ร้านจะอยู่ด้านใน
ต้องเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกเข้าไป สังเกตุจะมีป้ายชื่อร้านอยู่ด้านหน้าร้านเลย
กำลังจะหาข้าวเย็นกินกัน แต่พบว่าร้านส่วนใหญ่ทยอยปิดกันไปหมดแล้ว
แทบจะเหลืออยู่ร้านเดียว คือร้านในJonker Street มี Chicken Rice Ball ที่เราตามหา
เลยลองเข้ามาวัดดวงกัน
เห้ยยย เรารอดเว้ยยย สั่งมากิน 3 อย่าง อร่อยหมด แต่ชอบหมูกรอบสุด
ส่วน Chicken Rice Ball ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือเหมือนเอาข้าวแบบข้าวมันไก่อะมาปั้นเป็นลูกๆ
หมดแล้ววันแรก ทุ่มนึงก็เข้าที่พักนอนแล้ว เพราะร้านค้าปิดเกือบ98%ได้ 5555
MELAKA-GENTING
วันนี้เราต้องเดินทางจากมะละกาไปเก็นติ้งช่วงบ่ายๆ ตอนเช้าเลยแพลนว่าจะเดินเล่นในเมืองอีกสักรอบ
Kaya Kaya Cafe ร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่เปิดตั้งแต่8:30 เลยเป็นเป้าหมายของเรา
การเดินทาง
เดินสักพักเราก็เดินทางไป Melaka Sentral เพื่อขึ้นรถกลับไป TBS (Terminal Bersepadu Selatan)
แล้วถึงจะต่อรถจาก TBS ไป Genting อีกที จริงๆแล้วเมื่อก่อนจะมีรถบัสจากมะละกาตรงไปเก็นติ้งเลย ชื่อ707
เราก็ลองไปเดินหา ผลปรากฏว่าปัจจุบัน ไม่มีวิ่งตรงแล้ว ต้องไปเปลี่ยนรถที่ๆนึงก่อน(จำชื่อไม่ได้แล้ว) รอประมาณ 1ชม50นาที
ใช้เวลาพอกับวิธีแรกแต่ราคาแพงกว่าเยอะอยู่ เราเลยเลือกที่จะนั่งกลับไป TBS ก่อน
เรานั่งของบริษัท KKKL อยู่เค้าเตอร์หมายเลข 4
ถึงแล้ว TBS เป็นเหมือนขนส่งหมอชิตบ้านเรานั้นแหละ แต่บรรยากาศข้างในเดินเข้าไปนึกว่าสนามบิน
เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาก็เลี้ยวขวาไปจะมีสะพานเชื่อมเพื่อไปสถานีรถไฟ
นั่งไปกันต่อที่ KL Sentral
ถึงแล้ว KL Sentral หลังจากผ่านช่องติ๊ดบัตรรถไฟ เลี้ยวซ้ายลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่างสุด
จะมีเค้าเตอร์ขายตั๋ว Go Genting ก็ซื้อบัตรกันเรียบร้อย พอมีเวลาอยู่ก็ขึ้นกลับมาตรงสถานีของกินเพี้ยบบบ
ก็รีบกินแล้วก็รีบไปยืนรอที่Platform
ที่พัก
พักกันที่ First World
จองได้ในราคา 700กว่าบาท
เดี๋ยวนี้เค้าเตอร์ Check in/Check out ทำผ่านตู้Kiosk หมด สะดวกมาก
ช่วงนี้เครื่องเล่นด้านนอกปิดปรับปรุงอยู่ เลยหากิจกรรมทำแค่ในส่วนindoor
ก็จะมีอะไรล่ะ นอกจากกก....งานเสี่ยงดวงเล็กๆน้อยๆ ฮิฮิ
Chin Swee Temple
เช้าวันนี้เราไปวัด Chin Swee โดยนั่งรถบัสของFisrt Worldไป(ฟรี)
GENTING - KUALA LUMPUR
กลับสู่เมืองหลวง 2วันนี้เราเน้นพักผ่อน เดินเล่น หาของอร่อยกินซะมากกว่า
ที่พัก
Ceria Hotel
ที่พักเล็กๆ ราคาน่ารักอีกเช่นเคย จองได้ราคาประมาณ 800 กว่าบาท รร.นี้จะชอบมากที่สุดในทุกรร.ในทริปนี้
ห้องตกแต่งดีงาม เดินทางสะดวก มีไดร์เป่าผมมม!! ไม่ต้องนอนเอาผมตากพัดลมอีกแล้ววว ฮืออ
ทริปนี้ปิดซ่อมหลายอย่างมากกก Merdeka Square ก็จะมีจัดงานเลยไม่ได้รูปสวยๆเลย
แต่เจอสิ่งที่ทดแทนกันได้กับคนเห็นแก่กินอย่างดิฉัน เดินไปเดินมาไปเจอตลาดนัดเล็กๆ
ที่มีแต่ของกิน พอใจแล้วววว
มื้อเย็นฝากท้องไว้ที่ China Town
PUTRAJAYA
เราซื้อทัวร์ Sightseeing Bus ตอนไปทั้งคันมีอยู่4คน รวมเราแล้ว
บังเอิญเป็นคนไทยด้วยกันอีก เลยชิวๆเลยย ค่าทัวร์คนละ 20 RM
จริงๆแล้วที่ที่น่าสนใจสำหรับเรามีอยู่2ที่ คือ มัสยิดสีชมพู กับ มัสยิดสีเงิน
นอกนั้นที่พาไปจอดดูก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก จริงๆนั่งรถบัสเอาเองก็ได้
[CR] ไปเหอะ (รีวิว) มาเลเซียใครว่าไม่มีอะไร : มะละกา-เก็นติ้ง-กัวลาฯ-ปุตราจายา-คาเมร่อน 8วัน7คืน
แต่พอได้มาเจอกัน กับ 1 ทริปที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากนั้น คำว่า 'ไปเหอะ'
ก็เกิดขึ้นเกือบทุกๆเดือนในชีวิตเรา2คน แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำรีวิวเลย จนมาทริปนี้
เราเลยคิดว่าอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ และ มุมมองในแบบของเรา เพื่อจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคนนะคะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
- มะละกา
-เก็นติ้ง ไฮแลนด์
-กัวลาลัมเปอร์
-ปุตราจายา
-คาเมร่อน ไฮแลนด์
สะดวกสบายและไวเว่อร์ Check in ที่ตู้ Kiosk เสร็จก็เข้าไปนั่งรอที่เกทสบายๆไม่ต้องเร่งรีบอะไรเลย
แล้วตอนไปเจอกลุ่มคนไทย กำลังผ่าน ตม. ยื่นใบสีขาวอะไรซักอย่างให้
แล้วเค้าก็เชิญให้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องนึง ใจตอนนั้นก็ตุ่มๆต่อมๆและ เพราะไม่ใช่คนสองคน แต่5-6คนเลยที่โดน
เลยยืนสังเกตุว่าส่วนใหญ่คนที่โดนตรวจช้าและนานคือผู้หญิง อย่างคุณสามีก็คือได้เข้าช่องตม.ที่หลังเรา แต่เสร็จตั้งแต่เราเพิ่ง
มองกล้องเอง กลับมาก็ถึงได้เข้าใจ ตามข่าวล่าสุดกันเลย ผู้หญิงไทยอย่างเราเลยโดนตรวจสอบกันเยอะหน่อย
แต่เราไม่จองก่อนเพราะว่ากลัวเจอเหตุสุดวิสัย อย่างเช่น เครื่องบินดีเลย์ หรือ หาท่ารถไม่เจอ 5555
พิกัดเค้าเตอร์๋ : เดินออกจากตม. ก็ตรงมาเรื่อยๆ หาบันไดเลื่อนลงไปชั้นล่างสุด ฝั่งนึงจะเป็นเค้าเตอร์ให้เช่ารถ
อีกฝั่งนึงเป็นเค้าเตอร์จองตั๋วรถบัสที่เราต้องการเนี้ยแหละ
เราเน้นเวลาที่สะดวกเป็นพอ โชคดีได้นั่งของบริษัทนี้พอดี
อร่อยอะ ที่สำคัญ ราคา 0.85 RM (ประมาณ 7บาท)!!!! มีให้เลือก5-6รส
พอถึงมะละกานั่งรถบัส สาย17 เพื่อเข้าไป Dutch Square เพื่อจะเดินไปที่พักต่อ
ที่ขนส่งมะละกาจะแยกเป็น 2 ฝั่งนะ ฝั่งนึงเป็นออก-เข้าจากมะละกา อีกฝั่งเป็นเดินทางภายในเมืองมะละกา (ต้องไปตึกนี้)
ลองดูดีๆนะจ้ะ หรือลองเดินๆตามคนที่ลงมาจากรถบัสไปนั้นแหละ อันนี้เรา2คนก็เดินวนอยู่2รอบจ้าาา
ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Jonker Street ราคาน่ารัก ตอนที่จองราคาประมาณไม่เกิน 800บ. ห้องพักสะอาด
แต่ขนาดห้องเล็ก เจ้าของให้ความช่วยเหลือดี ขากลับเจ้าของขับรถตู้ไปส่งที่ขนส่งมะละกาด้วย
ในห้องจะมีแค่สบู่ ผ้าเช็ดตัวคนละ 1 ผืน แนะนำให้เตรียม ข้าวของเครื่องใช้ไปให้ครบ รวมถึงไดร์เป่าผม รร.ส่วนใหญ่ที่เจอในมาเล
จะไม่มีให้
ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวเล็กๆ สีสันสดใส เป็นเมืองแห่ง street art เลยก็ว่าได้
ถึงที่พักก็เก็บของนอนพักสักแปปก็ออกมาเดินเล่นหาข้าวกินกัน
เราไปวันธรรมดาเลยจะไม่มีตลาด เลยค่อนข้างจะไม่คึกคักมากเท่าไหร่
เลยสั่งชามะนาวมากินแก้วนึง เสียดายมาก ร้านน่ารัก ราคาไม่แพงมาก นั่งสบาย ร้านจะอยู่ด้านใน
ต้องเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกเข้าไป สังเกตุจะมีป้ายชื่อร้านอยู่ด้านหน้าร้านเลย
แทบจะเหลืออยู่ร้านเดียว คือร้านในJonker Street มี Chicken Rice Ball ที่เราตามหา
เลยลองเข้ามาวัดดวงกัน
เห้ยยย เรารอดเว้ยยย สั่งมากิน 3 อย่าง อร่อยหมด แต่ชอบหมูกรอบสุด
ส่วน Chicken Rice Ball ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือเหมือนเอาข้าวแบบข้าวมันไก่อะมาปั้นเป็นลูกๆ
แล้วถึงจะต่อรถจาก TBS ไป Genting อีกที จริงๆแล้วเมื่อก่อนจะมีรถบัสจากมะละกาตรงไปเก็นติ้งเลย ชื่อ707
เราก็ลองไปเดินหา ผลปรากฏว่าปัจจุบัน ไม่มีวิ่งตรงแล้ว ต้องไปเปลี่ยนรถที่ๆนึงก่อน(จำชื่อไม่ได้แล้ว) รอประมาณ 1ชม50นาที
ใช้เวลาพอกับวิธีแรกแต่ราคาแพงกว่าเยอะอยู่ เราเลยเลือกที่จะนั่งกลับไป TBS ก่อน
เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาก็เลี้ยวขวาไปจะมีสะพานเชื่อมเพื่อไปสถานีรถไฟ
นั่งไปกันต่อที่ KL Sentral
จะมีเค้าเตอร์ขายตั๋ว Go Genting ก็ซื้อบัตรกันเรียบร้อย พอมีเวลาอยู่ก็ขึ้นกลับมาตรงสถานีของกินเพี้ยบบบ
ก็รีบกินแล้วก็รีบไปยืนรอที่Platform
พักกันที่ First World
จองได้ในราคา 700กว่าบาท
เดี๋ยวนี้เค้าเตอร์ Check in/Check out ทำผ่านตู้Kiosk หมด สะดวกมาก
ช่วงนี้เครื่องเล่นด้านนอกปิดปรับปรุงอยู่ เลยหากิจกรรมทำแค่ในส่วนindoor
ก็จะมีอะไรล่ะ นอกจากกก....งานเสี่ยงดวงเล็กๆน้อยๆ ฮิฮิ
เช้าวันนี้เราไปวัด Chin Swee โดยนั่งรถบัสของFisrt Worldไป(ฟรี)
กลับสู่เมืองหลวง 2วันนี้เราเน้นพักผ่อน เดินเล่น หาของอร่อยกินซะมากกว่า
Ceria Hotel
ที่พักเล็กๆ ราคาน่ารักอีกเช่นเคย จองได้ราคาประมาณ 800 กว่าบาท รร.นี้จะชอบมากที่สุดในทุกรร.ในทริปนี้
ห้องตกแต่งดีงาม เดินทางสะดวก มีไดร์เป่าผมมม!! ไม่ต้องนอนเอาผมตากพัดลมอีกแล้ววว ฮืออ
ทริปนี้ปิดซ่อมหลายอย่างมากกก Merdeka Square ก็จะมีจัดงานเลยไม่ได้รูปสวยๆเลย
แต่เจอสิ่งที่ทดแทนกันได้กับคนเห็นแก่กินอย่างดิฉัน เดินไปเดินมาไปเจอตลาดนัดเล็กๆ
ที่มีแต่ของกิน พอใจแล้วววว
บังเอิญเป็นคนไทยด้วยกันอีก เลยชิวๆเลยย ค่าทัวร์คนละ 20 RM
จริงๆแล้วที่ที่น่าสนใจสำหรับเรามีอยู่2ที่ คือ มัสยิดสีชมพู กับ มัสยิดสีเงิน
นอกนั้นที่พาไปจอดดูก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก จริงๆนั่งรถบัสเอาเองก็ได้