การเดินทางของผมและเธอ ถูกจุดประกายจากพี่สาวเธอ ชวนเราไปอียิปต์ ในตอนเรานั้นบอกตรง ๆ ว่าไม่ได้มีจิตวิญญาณของนักท่องโลกอยู่ในตัวเองเลย ก็ได้ตอบรับไปว่าไป ๆ จากเธอ หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องการขอวีซ่าก็เตรียมเอกสารให้กับทางบริษัททัวร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์ ไม่ใช่แค่กรุ๊ปทัวร์ธรรมดา แต่มันเป็นกรุ๊ป VIP ซึ่งทางพี่สาวเธอก็จัดการให้เราได้ไปเที่ยวในทริปนี้จนได้ สุดยอดมาก
ปกติผมไม่เคยเขียนเรื่องราวของตัวเองลงใน Social Media นอกจากการถ่ายรูปลงใน IG Facebook ส่วนตัวเหมือนเป็นการเก็บไว้ในพื้นที่ส่วนของเราเอง แต่วันนึงผมก็รู้สึกว่าเรื่องราวหลายๆอย่างที่ผมและเธอได้เดินทางไปหลายประเทศ อาจจะมีบางส่วนหรือบางประสบการณ์จะเป็นประโยชน์ หรือเป็นแนวทางให้คนที่จะเริ่มมองหาที่เที่ยวได้บ้าง ผมจึงเริ่มที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ออกมาเป็นตัวหนังสือ แต่คงไม่ใช่จะมีข้อมูลอัดแน่น แค่หวังว่าจะอ่านเพลิน ๆ กันไปนะครับ มาเริ่มต้นเดินทางกันดีกว่า
EGYPT
สัมผัสแรกสู่ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ หลังจากนั่งเครื่องบินมาราธอน ประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งบนเครื่องไม่มีสิ่งให้ความบันเทิงใด ๆ นอกจากนอนให้หลับเท่านั้น ซึ่งก็ทำได้อย่างไม่สะดวกสบายนัก เราก็มาถึงกรุงไคโร เมืองหลวงแห่งประเทศอียิปต์ ประมาณหกโมงเช้า หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และแลกเงิน เราก็ได้ออกมาสัมผัสแรก มันคือพื้นถนนหน้าสนามบินครับ มันเงียบ สงบและอากาศเย็นสบายมาก ๆ
พี่คนนี้แกขับแท๊กซี่ครับ แต่แกทำฟอร์มรถเสีย เวลาเราเดินออกมา แกจะส่งสัญญาณปากเบาว่า Taxi Taxi ? เราจึงยิ้มสยามให้พี่แกไป แกเลยฟอร์มซ่อมรถต่อไปแบบเนียนๆ กำลังยืนเพลินๆ รับอากาศบริสุทธิ์ พี่ไกด์อียิปต์ก็พาเราไปทานข้าวเช้าที่ airport hotel ใช่ครับ ข้าวเช้าตอนก่อนเจ็ดโมงสำหรับเราสองคน อื้อหือ มันใช่เวลาของเราที่ไหนกัน
ทานข้าวเสร็จก็ขึ้นรถโค้ช ขบวนยาวถึง 6 คัน ลืมไปครับ รถคันที่เรานั่ง ดันโดนจัดให้นั่งคันที่เป็นระดับโคตร VIP ของกรุ๊ป ซึ่งไม่รู้จักใครเลย ส่วนเจ๊ใหญ่ สายสปอนเซอร์ ไปนั่งคันโน้น แยกกันตลอดทริปเลย เราเลยกลายเป็นบุคคลอิสระที่ไม่มีใครรู้จัก และเราก็ไม่รู้จักใครเลยในรถคันที่หนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเรามากเพราะเราไม่ต้องเกร็งเหมือนหลายคนในรถของเราที่ต้องคอยนอบน้อมกับพวกบิ๊ก ๆ
จากนั้นก็ออกเดินทางเที่ยวจุดหมายแรกกันเลยครับ เมื่อมาถึงดินแดนแว่นแควันใด เราควรไปเคารพสิ่งศักสิทธิ์ ที่คนในพื้นที่ให้ความเคารพนับถือ เพื่อให้ Trip ของเราราบรื่นปลอดภัย ตั้งแต่วันแรก ๆ เลยนะครับ ซึ่งภายหลังเราสองคนยึดถือปฏิบัติมาหลังจากนั้นโดยตลอด
MOSQUE OF MOHAMMAD AL
สุเหร่าแห่งโมฮัมหมัด อาลี ( Mohammad Al ) สุเหร่าที่ใหญ่และสูงที่สุดในกรุงไคโร ตามที่พี่ไกด์ เค้าบอกไว้ ด้วยความที่เป็นทริปท่องเที่ยวแรกของเราสองคน ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่จึงเกือบจะว่างเปล่า ก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ งดงามสวยสง่าสมกับพี่ไกด์เค้าสปอยล์ไว้จริง ๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอิยิปต์กัน ที่ด้านในห้ามถ่ายรูปกันอย่างจริงจัง เลยไม่มีภาพถ่ายมาแบ่งกันให้ดู แต่พอเล่าให้ฟังได้ว่า โบราณวัตถุแต่ละชิ้นมีความเป็นมาเป็นพันปี บางชิ้นเห็นแล้วรู้สึกกลัวนะครับ แล้วภายในจะเงียบ ๆ สลัว ๆ รีบดูรีบเดินครับบางห้องขอใช้คำว่า มันน่าเกรงขามเสียจริง ๆ ไฮไลท์ของที่นี่คือ หน้ากากฟาโรห์ตุตันคาเมนที่เป็นทองคำนะครับ สวยและสง่า ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย
มีเม้าท์มอยนิดนึง กับผู้ดูแลห้องจัดแสดง แกบอกว่าที่เห็นในนี้คือส่วนน้อย ยังอยู่ตามประเทศต่าง ๆ ในยุโรปอีกเยอะ ที่ขนกันออกไปตอนยุคสงครามที่ทางประเทศอังกฤษเอาของเค้า ไปโชว์ที่ลอนดอนก็ถูกนำเอาไปตั้งแต่สมัยสงครามโน้น ดูแกงอน ๆ จากที่ฟังน้ำเสียงและสายตา
ก่อนหมดวันเราไปแวะที่ตลาดข่าน ตลาดใหญ่สุดของไคโร มีของฝาก เครื่องเทศ และร้านอาหารเยอะแยะ ก้อเดินเล่นชมตลาดครึ่งชั่วโมงก้อตามขึ้นรถกลับ ไปเช็คอินเข้าโรงแรมกันครับ โดยโรงแรมที่ทางบริษัททัวร์จัดมาให้คือ Intercontinental Cairo Semiramis บอกแล้วว่ามากับพวก VIP แต่ก็มีขั้นตอนเยอะมากครับ กระเป๋าเดินทางทุกใบต้องผ่านจุดตรวจอาวุธ ประตูทางเข้าออกก็จะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธแบบเดินผ่าน ทุกประตูเลย เรียกกว่าเข้มมาก
สภาพภายในห้องก็ประมาณนี้ครับ
จากห้องเราก็จะเป็นวิวใจกลางเมืองครับ รถราที่นี่บีบแตรกันทั้งวันทั้งคืน
[CR] EGYPT จุดเริ่มต้นท่องโลกของเราสองคน
ปกติผมไม่เคยเขียนเรื่องราวของตัวเองลงใน Social Media นอกจากการถ่ายรูปลงใน IG Facebook ส่วนตัวเหมือนเป็นการเก็บไว้ในพื้นที่ส่วนของเราเอง แต่วันนึงผมก็รู้สึกว่าเรื่องราวหลายๆอย่างที่ผมและเธอได้เดินทางไปหลายประเทศ อาจจะมีบางส่วนหรือบางประสบการณ์จะเป็นประโยชน์ หรือเป็นแนวทางให้คนที่จะเริ่มมองหาที่เที่ยวได้บ้าง ผมจึงเริ่มที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ออกมาเป็นตัวหนังสือ แต่คงไม่ใช่จะมีข้อมูลอัดแน่น แค่หวังว่าจะอ่านเพลิน ๆ กันไปนะครับ มาเริ่มต้นเดินทางกันดีกว่า
EGYPT
สัมผัสแรกสู่ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ หลังจากนั่งเครื่องบินมาราธอน ประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งบนเครื่องไม่มีสิ่งให้ความบันเทิงใด ๆ นอกจากนอนให้หลับเท่านั้น ซึ่งก็ทำได้อย่างไม่สะดวกสบายนัก เราก็มาถึงกรุงไคโร เมืองหลวงแห่งประเทศอียิปต์ ประมาณหกโมงเช้า หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และแลกเงิน เราก็ได้ออกมาสัมผัสแรก มันคือพื้นถนนหน้าสนามบินครับ มันเงียบ สงบและอากาศเย็นสบายมาก ๆ
พี่คนนี้แกขับแท๊กซี่ครับ แต่แกทำฟอร์มรถเสีย เวลาเราเดินออกมา แกจะส่งสัญญาณปากเบาว่า Taxi Taxi ? เราจึงยิ้มสยามให้พี่แกไป แกเลยฟอร์มซ่อมรถต่อไปแบบเนียนๆ กำลังยืนเพลินๆ รับอากาศบริสุทธิ์ พี่ไกด์อียิปต์ก็พาเราไปทานข้าวเช้าที่ airport hotel ใช่ครับ ข้าวเช้าตอนก่อนเจ็ดโมงสำหรับเราสองคน อื้อหือ มันใช่เวลาของเราที่ไหนกัน
ทานข้าวเสร็จก็ขึ้นรถโค้ช ขบวนยาวถึง 6 คัน ลืมไปครับ รถคันที่เรานั่ง ดันโดนจัดให้นั่งคันที่เป็นระดับโคตร VIP ของกรุ๊ป ซึ่งไม่รู้จักใครเลย ส่วนเจ๊ใหญ่ สายสปอนเซอร์ ไปนั่งคันโน้น แยกกันตลอดทริปเลย เราเลยกลายเป็นบุคคลอิสระที่ไม่มีใครรู้จัก และเราก็ไม่รู้จักใครเลยในรถคันที่หนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเรามากเพราะเราไม่ต้องเกร็งเหมือนหลายคนในรถของเราที่ต้องคอยนอบน้อมกับพวกบิ๊ก ๆ
จากนั้นก็ออกเดินทางเที่ยวจุดหมายแรกกันเลยครับ เมื่อมาถึงดินแดนแว่นแควันใด เราควรไปเคารพสิ่งศักสิทธิ์ ที่คนในพื้นที่ให้ความเคารพนับถือ เพื่อให้ Trip ของเราราบรื่นปลอดภัย ตั้งแต่วันแรก ๆ เลยนะครับ ซึ่งภายหลังเราสองคนยึดถือปฏิบัติมาหลังจากนั้นโดยตลอด
MOSQUE OF MOHAMMAD AL
สุเหร่าแห่งโมฮัมหมัด อาลี ( Mohammad Al ) สุเหร่าที่ใหญ่และสูงที่สุดในกรุงไคโร ตามที่พี่ไกด์ เค้าบอกไว้ ด้วยความที่เป็นทริปท่องเที่ยวแรกของเราสองคน ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่จึงเกือบจะว่างเปล่า ก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ งดงามสวยสง่าสมกับพี่ไกด์เค้าสปอยล์ไว้จริง ๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอิยิปต์กัน ที่ด้านในห้ามถ่ายรูปกันอย่างจริงจัง เลยไม่มีภาพถ่ายมาแบ่งกันให้ดู แต่พอเล่าให้ฟังได้ว่า โบราณวัตถุแต่ละชิ้นมีความเป็นมาเป็นพันปี บางชิ้นเห็นแล้วรู้สึกกลัวนะครับ แล้วภายในจะเงียบ ๆ สลัว ๆ รีบดูรีบเดินครับบางห้องขอใช้คำว่า มันน่าเกรงขามเสียจริง ๆ ไฮไลท์ของที่นี่คือ หน้ากากฟาโรห์ตุตันคาเมนที่เป็นทองคำนะครับ สวยและสง่า ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย
มีเม้าท์มอยนิดนึง กับผู้ดูแลห้องจัดแสดง แกบอกว่าที่เห็นในนี้คือส่วนน้อย ยังอยู่ตามประเทศต่าง ๆ ในยุโรปอีกเยอะ ที่ขนกันออกไปตอนยุคสงครามที่ทางประเทศอังกฤษเอาของเค้า ไปโชว์ที่ลอนดอนก็ถูกนำเอาไปตั้งแต่สมัยสงครามโน้น ดูแกงอน ๆ จากที่ฟังน้ำเสียงและสายตา
ก่อนหมดวันเราไปแวะที่ตลาดข่าน ตลาดใหญ่สุดของไคโร มีของฝาก เครื่องเทศ และร้านอาหารเยอะแยะ ก้อเดินเล่นชมตลาดครึ่งชั่วโมงก้อตามขึ้นรถกลับ ไปเช็คอินเข้าโรงแรมกันครับ โดยโรงแรมที่ทางบริษัททัวร์จัดมาให้คือ Intercontinental Cairo Semiramis บอกแล้วว่ามากับพวก VIP แต่ก็มีขั้นตอนเยอะมากครับ กระเป๋าเดินทางทุกใบต้องผ่านจุดตรวจอาวุธ ประตูทางเข้าออกก็จะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธแบบเดินผ่าน ทุกประตูเลย เรียกกว่าเข้มมาก
สภาพภายในห้องก็ประมาณนี้ครับ
จากห้องเราก็จะเป็นวิวใจกลางเมืองครับ รถราที่นี่บีบแตรกันทั้งวันทั้งคืน