ผมเด็กผีนะ แต่ชอบบทความของอดีตนักเตะของลิเวอร์พูลคนนี้ "เจมี่ คาร์ราเกอร์"

วิเคราะห์การจวกลูกทีมออกอากาศ..."คาร์ราเกอร์"เขียนให้คุณอ่าน

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลัง ลิเวอร์พูล วิเคราะห์เจาะลึกการตำหนิลูกทีมออกสื่อพร้อมยกตัวอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบันวิจารณ์กับตำนานสโมสรอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ช่วงหลังๆ มูรินโญ่ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงการให้สัมภาษณ์ตำหนิลูกทีม อาทิ ลุค ชอว์, เจสซี่ ลินการ์ด, เฮ็นริค มคิทาร์ยาน, เอริค ไบญี่ หรือ ดาลี่ย์ บลินด์

"โจเซ่ มูรินโญ่โมโหและเก็บความรู้สึกไม่อยู่อีกต่อไป" คาร์ราเกอร์ ร่ายยาวผ่านคอลัมน์ใน เดลี่ เมล หนังสือพิมพ์อังกฤษ

"พอเกมซึ่งสำคัญสุดๆจบลงเขาก็ไปห้องแถลงข่าวซึ่งเต็มไปด้วยสื่อ, เลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง และตำหนิหนึ่งในลูกทีมออกสื่อ"

'พอยิงได้เขาก็ถือว่าเกมจบแล้ว จากนั้นผมต้องการ 11 คนเล่นเกมรับและกลับเหลือแค่ 10 เขาต้องดีกว่านี้เมื่อทีมต้องการเขาเป็นส่วนหนึ่งในเกมรับ'

"มูรินโญ่กล่าวไว้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2004 ซึ่งเป็นการพูดถึงโจ โคล เขาเพิ่งยิงให้เชลซีชนะลิเวอร์พูล โคลได้รับคำชมไม่น้อยแต่ประเด็นคือเขาไม่ทำหน้าที่ตัวเองต่อเลยเจอมูรินโญ่จัดหนักเข้าให้"

"จำได้มั้ยใครๆก็มองเขาเป็นความแปลกใหม่อย่างไรบ้าง? ตอนนั้นโจเซ่คือตัวท็อป เขายังใหม่ต่อฟุตบอลอังกฤษแต่กลับนำเสนอการเจาะจงจุดด้อยของลูกทีมและการเล่นกันตรงๆของเขาก็เข้าเป้า เขาหัวแข็งแต่ก็เป็นเครื่องจักรแห่งชัยชนะ ถ้าเขาจะเจาะจงลูกทีมสักคนออกสื่อแล้วมันผิดตรงไหน?"

"กลับมาวันอาทิตย์ที่แล้วมูรินโญ่โมโหและไม่อาจเก็บความรู้สึกตัวเองได้ พอเกมซึ่งสำคัญสุดๆจบลงเขาก็ไปห้องแถลงข่าวซึ่งเต็มไปด้วยสื่อ, เลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง และตำหนิหนึ่งในลูกทีมออกสื่อ"

'ประตูที่สองนอร์ดิน อัมราบัตรับบอลมาแล้วแบ็คซ้ายของเราอยู่ห่างจากเขา 25 เมตรแทนที่จะห่างแค่ 5 เมตร แม้จะห่าง 25 เมตรคุณก็ต้องกระโดดเข้าไปหาแล้วก็กดดัน แต่ไม่เป็นแบบนั้น เราดันไปยืนรอ เด็กๆบางคนกำลังมีปัญหาในการรับมือกับคำวิจารณ์'

"ลุค ชอว์คือคนๆนั้น มูรินโญ่วิเคราะห์ถูกต้องกับประตูที่เสียจนส่งผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้วัตฟอร์ด ผมไม่ได้อยากให้เขาทำแบบนั้นทุกสัปดาห์หรอกแต่ไม่ผิดนะถ้ากุนซือจะตำหนิลูกทีมออกสื่อบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างแรงกระตุ้น"

"กระนั้นเกมที่วิคาเรจ โร้ดสะท้อนปัญหาหนึ่งสำหรับมูรินโญ่ออกมาคือการที่ฟุตบอลกลายเป็นกีฬาสองมาตรฐานไปแล้วนั่นไง เดี๋ยวนี้กุนซือไม่มีสิทธิ์พูดถึงลูกทีมในทางไม่ดีแล้วสินะ ต่อให้รมณ์เสียก็ห้ามวิจารณ์สินะ"

"ผมนี่ไม่อยากเชื่อคนที่คาบข่าวไปบอกแทนชอว์เลยว่าเจ้าตัวไม่แฮปปี้กับวิธีพูดของมูรินโญ่และตะลึงพอกันที่อ่านเจอว่าคนอื่นๆก็ 'ช็อก' กับบางคำพูดของเขาหลังไมค์"

"นักเตะพวกนี้คือตัวแทนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสโมสรซึ่งคุณต้องชนะ พวกเขาไม่ชนะมากนัก 3 ปีมานี้แต่กลายเป็นทีมที่เก่งเรื่องคร่ำครวญไปแล้ว นี่มันบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับพวกเขาได้มากกว่ามูรินโญ่ซะอีกรึเปล่า?"

"แล้วอย่าคิดเชียวว่าเขาคือกุนซือยูไนเต็ดคนแรกที่ทำแบบนี้ จำวลีพวกนี้ได้ไหม?"

'เราเล่นดีจริงๆและอย่างเดียวที่ต้องทำคือครองบอลเพื่อปิดเกมแต่นานี่กลับพยายามเลี้ยงหลบคู่แข่งจนเสียบอลแล้วพวกเขาก็ได้จุดโทษ'

"นี่อีกล่ะ?"

'ผมถอดเวย์นออกเพราะวิลล่าเร็วมากและเป็นทีมพลังหนุ่มวิ่งกันสนุกสนานและตัวสำรองของพวกเขาก็วิ่งผ่านเขาไป'

"นี่คือ 2 จากหลายๆตัวอย่างโดยเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โควทแรกหลังเกมลีก คัพที่ยูไนเต็ดแพ้เชลซี 4-5 ในนาทีสุดท้าย อีกโควทในค่ำคืนที่ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกเมื่อปี 2013 เมื่อไหร่รู้สึกว่าต้องจวกลูกทีมออกสื่อบ้างเฟอร์กูสันจะไม่ลังเล"

"มันจะไม่ดีเหรอถ้าเกิดเอาเข้าจริงชอว์ออกมาบอกว่ามูรินโญ่พูดถูก? ที่ชอว์อยู่ตำแหน่งนั้นก็เพื่อหยุดลูกเปิดจากริมเส้นและช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตให้ได้ไม่ใช่รึไง เกมกับวัตฟอร์ดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้เขาทำไม่ได้ทั้ง 2 นัด"

"กระนั้นปฏิกิริยาที่ออกมากลายเป็นว่ามูรินโญ่ต้องสู้กับการปักธงว่าเขาจะพ่ายแพ้ต่อคลื่นใต้น้ำ น่าสงสารได้อีก ตอนปี 2006 เกมกับฟูแล่มที่เขาถอดฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์กับโจ โคลหลังผ่านไป 26 นาทีบ่งบอกถึงความหัวแข็งไม่ยอมใคร ตอนนี้เขาถูกสร้างภาพให้กลายเป็นคนบ้าอำนาจไปแล้ว"

"ที่มูรินโญ่ทำต่างจากโรนัลด์ คูมันตรงไหน? เกมเจอซันเดอร์แลนด์เขาถอดรอสส์ บาร์คลี่ย์หลังครึ่งแรกอันย่ำแย่และจากนั้นก็ตำหนิฟอร์มของเจ้าตัว เกมกับเวสต์บรอมฯผ่านไป 38 นาทีเขาถอดเจมส์ แม็คคาร์ธี่เมื่อระบบที่วางไว้ชักไม่เวิร์ค"

"กระนั้นคูมันกลับได้รับคำชมที่แสดงถึงความเด็ดขาด เอฟเวอร์ตันสรรเสริญเขาเพราะเชื่อว่าถ้าเป็นโรเบร์โต้ มาร์ติเนซคงไม่ทำแบบนั้น เอาเข้าจริงคือคูมันจบด้วยผลการแข่งขันที่ดี ลองแพ้ขึ้นมาสิเสียงสะท้อนคงไม่ออกมาแบบนั้นแน่"

"คุณว่ามันเกินกว่าเหตุไหมล่ะ? ดูฟรานเชสโก้ กุยโดลินของสวอนซีสิ เขาถอดนีล เทย์เลอร์ก่อนจบครึ่งแรกเกมกับเชลซีแล้วก็เปลี่ยนคี ซุง-ยองเกมกับเซาแธมป์ตันสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งคู่แสดงท่าทีไม่พอใจ เดินหัวเสียออกไปโดยทำเมินเขาแต่มันกลายเป็นว่ากุยโดลินหมดอำนาจในห้องแต่งตัวแล้วซะงั้น"

"ผมบอกตั้งแต่อังกฤษตกรอบยูโร 2016 แล้วว่านี่เราเลี้ยงเด็กน้อยกันอยู่รึเปล่าไม่ใช่นักฟุตบอลและเหตุการณ์ต่างๆในสัปดาห์ที่ผ่านมายิ่งช่วยเสริมคำพูดของผม ทำไมนักเตะหลายต่อหลายคนถึงรับมือกับคำวิจารณ์ไม่ได้"

"เชราร์ อุลลิเยร์ก็เคยทำตอนคุมลิเวอร์พูล บ่อยครั้งที่เขาเจาะจงคนใดคนหนึ่งแล้วก็เชือดซะ ถ้าเขาเลือกกองหลังขึ้นมาคนหนึ่งก็เป็นอันรู้กันว่าพูดถึงพวกเราทั้งแผง มันคือสารถึงทุกคน"

"ซัมเมอร์ที่ผ่านมานี่ผมได้คุยกับมูรินโญ่ในงาน Soccer Aid เขาบอกว่าในการประชุมทีมเดี๋ยวนี้เราตำหนิใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้แล้วนะ"

"เราไม่อาจมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชลซีปีก่อนซึ่งเกิดรอยโหว่ที่ยากจะประสานระหว่างเขากับลูกทีมแต่ผมมั่นใจอยู่นะว่ากุนซือระดับเขาจะไม่ยอมให้สถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ที่มูรินโญ่เฉ่งชอว์ไปนั่นมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ก็เปล่า"

"ทั้งหมดนี่บ่งบอกว่าเรามาถึงจุดที่ผู้จัดการทีมไม่อาจพูดอะไรออกสื่อได้เลย"

"มีแต่คนถามผมนะว่าอยากเป็นผู้จัดการทีมกับเขาบ้างมั้ย ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่คือผมสงสัยนะว่าถ้าเป็นตัวเองจะรับมือเรื่องพวกนี้หรืออย่างปาหี่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้เรื่องยาย่า ตูเร่ยังไงดี"

" 'มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าลูกทีมต้องรับผิดชอบ?' 'มันจะเป็นยังไงถ้าระบุไปเลยบ่อยๆว่าเอ็งเล่นไม่ดีนะ เอ็งพลาดนะ?' 'แล้วมันจะเป็นยังไงในเรื่องการให้ความเคารพผู้จัดการทีมและการตัดสินใจ?' แค่นึกก็เครียดแล้ว"



เครดิต: http://www.soccersuck.com/boards/topic/1415643

อยากให้ลองอ่านดู ผมก็คิดเหมือนเค้านะ บางทีการวิจารณ์หรือตำหนิตรงๆก็เป็นการแก้จุดที่ดีกว่า
ดีกว่ามาโอ๋กันเอง แต่ก็อยากให้มีสปิริตกัน รับรองทีมจะไปได้ไกล

ปล. ชอบคนนี้มากกว่าเฮียเจิดนะ น้ำจิตน้ำใจดี สปิริตสูง ชอบตรงปัจจุบันซึนกับแกรี่ เนวิล 55
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่