สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผมก็เรียนอยู่นะครับ ลงคอรส 3 เดือนเอาไว้ตอนนี้ผ่านมา 2-3สัปดาห์ได้แล้วครับ
ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับการฝึกพูด ฝึกฟัง นะครับ เพราะว่าด้วยเวลา 25 นาทีคงเรียนอะไรที่เป็นเนื้อหายาวๆ ไม่ได้
แต่กลับกันคือ 25 นาที มันก็กำลังโอสำหรับการคุยกันโดยที่ยังไม่หมดเรื่องคุยไปสักก่อนในกรณีที่จะคุยทั่วๆไปสัปเพเหระกับคนสอนนะ (ทุกครั้งก่อนเริ่มเรียนคนสอนจะถามว่าวันนี้จะทำอะไรดี ใชเอกสาร ประกอบการเรียนหรือคุยทั่วๆไป) ส่วนมากถ้าเป็นครั้งแรกที่เรียนกับครูคนนั้นๆก็จะ เลือกคุยทั่วๆไปให้เหมือนคุ้นเคยกันก่อน แล้วถ้าถูกจริตหรือชอบสตไล์ที่เค้าสอนก็ไปกันต่อวันหลัง ที่เอกสารการเรียน เอกสารการเรียนก็มีหลายแบบ หลายระดับ หลายหัวข้อ ก็เอาที่ชอบๆได้เลยแหละ ถ้าไม่ชอบคราวหน้าก็เปลี่ยนคนได้ ใหม่ๆเราเลือกเอกสารแบบ การสนทนาระดับกลาง เรียนๆไปรู้สึก เนื้อหามันเป็นจริงเป็นจังไปหน่อย เช่น การกล่าวทักทาย การกล่าวขอโทษ วิธีการขอความช่วยเหลือ และอีกมากมาย จนหลังๆรลองเปลี่ยนมาหัวข้ออ่านนิทาน ก็หนุกไปอีกแบบ เอกสารแต่ละชุดมันจะสั้นๆนะ 3-4หน้า ส่วนท้ายของเอกสารเป็นผลัดกันเล่าความเห็นส่วนตัว เช่น ในหัวข้อ การดูหนัง คำถามช่วงท้ายก็ คุณชอบดูหนังมั้ย ชอบ/ไม่ชอบ เพราะอะไร , มีหนังเรื่องโปรดมั้ย ถ้ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงชอบ , ชอบดูหนังที่บ้าน หรือไปดูที่โรงหนัง ครูเค้าจะให้เราตอบของเรา แล้ว ครูเค้าจะตอบของครูเค้าด้วย โดยมากครูจะตอบแบบจริงๆนะคือไม่ได้ตอบแบบเป็นพิธี อย่างข้อหลังนี่เราจำได้ ครูเราตอบว่าไม่ชอบดูหนังโรงอะมันแพง แถมยังหนาว ปวดฉี่ด้วย หามาดูที่บ้านสบายกว่า กินไปดูไปหลับกอดูใหม่ได้ ปวดฉี่ก็ไปเข้าห้องน้ำได้ คือคำตอบของครูเค้าเน้นความกันเองจริงๆจากชีวิตจริงแหละ ผมว่าครูส่วนใหญ่เค้าเทรนมาดีนะคือเค้าใจเย็นกับคนเรียนค่อนข้างมากเป็นนิสัยทุกคน เรียนๆไปชักเหมือนเพื่อนซะมากกว่า ถามสารทุกข์สุขดิบก็สบายๆ พอเราคุ้นเคยมองเค้าเหมือนเพื่อนเราก็จะกล้าพูดมากขึ้นไปเอง (เลยคุ้มถ้าจะมาฝึกพูด) ผมกลับมองว่าวันละ 25 นาที ทุกวันกลับดี มันจะกล้าขึ้นทีละหน่อย จะเสียดายนิสนึงคือมันเก็บโควจ้าไว้ไม่ได้เลย วันไหนกลับดึกๆ หรือ เหนื่อยๆมาก ถ้าไม่จองคลาสในวันนั้น มันจะหายไปเลยคือต้องพยายามเรียนให้ไ้ด วันต่อวัน จะสะสมไม่ได้เลยสักวันเดียว โดยรวมเราว่าโอเคนะ สะดวกดี ไม่แพง (เราสมัครตอนโปร ลด 50 % ตก ครั้งละ 30 บาทได้) ถ้าเราประเมินตัวเองเราว่าเราก็ยังไม่ได้เก่งขึ้นอะไรมากนักแต่ว่าเรากล้าขึ้นอะ แน่ๆ 555 ก็มันพูดทุกวันนินะ รู้เรื่องมั้งไม่รู้เรื่องมั้ง เค้าก็จะพยายามเข้าใจเราแล้วแก้ให้ว่าจะพูดความหมายนี้ควรพูดยังไงที่ถูก สำหรับเรา เราวมองว่าหนุกดี ถ้าสมัครตอนลดราคาก็ถือว่าถูกอยู่ ถูกกว่านี้ก็ต้องแอพหาคู่แล้วหล่ะ 555 แต่ถึงยังไงก็ตามมันก็ขึ้นกับตัวเราด้วยว่า มีเวลาฝึกเพิ่มเติมมั้ย มันก็มีองค์ประกอบร่วมหลายอย่าง ตอบสะยาวไม่ได้สรุป 555 คือความเห็นเรา ถ้าฝึกพูด เวิรค์อยู่ ถ้าจะเรียนเอา TOEIC อาจจะไม่ค่อยตรงประเด็นเท่าติวตรงๆ
ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับการฝึกพูด ฝึกฟัง นะครับ เพราะว่าด้วยเวลา 25 นาทีคงเรียนอะไรที่เป็นเนื้อหายาวๆ ไม่ได้
แต่กลับกันคือ 25 นาที มันก็กำลังโอสำหรับการคุยกันโดยที่ยังไม่หมดเรื่องคุยไปสักก่อนในกรณีที่จะคุยทั่วๆไปสัปเพเหระกับคนสอนนะ (ทุกครั้งก่อนเริ่มเรียนคนสอนจะถามว่าวันนี้จะทำอะไรดี ใชเอกสาร ประกอบการเรียนหรือคุยทั่วๆไป) ส่วนมากถ้าเป็นครั้งแรกที่เรียนกับครูคนนั้นๆก็จะ เลือกคุยทั่วๆไปให้เหมือนคุ้นเคยกันก่อน แล้วถ้าถูกจริตหรือชอบสตไล์ที่เค้าสอนก็ไปกันต่อวันหลัง ที่เอกสารการเรียน เอกสารการเรียนก็มีหลายแบบ หลายระดับ หลายหัวข้อ ก็เอาที่ชอบๆได้เลยแหละ ถ้าไม่ชอบคราวหน้าก็เปลี่ยนคนได้ ใหม่ๆเราเลือกเอกสารแบบ การสนทนาระดับกลาง เรียนๆไปรู้สึก เนื้อหามันเป็นจริงเป็นจังไปหน่อย เช่น การกล่าวทักทาย การกล่าวขอโทษ วิธีการขอความช่วยเหลือ และอีกมากมาย จนหลังๆรลองเปลี่ยนมาหัวข้ออ่านนิทาน ก็หนุกไปอีกแบบ เอกสารแต่ละชุดมันจะสั้นๆนะ 3-4หน้า ส่วนท้ายของเอกสารเป็นผลัดกันเล่าความเห็นส่วนตัว เช่น ในหัวข้อ การดูหนัง คำถามช่วงท้ายก็ คุณชอบดูหนังมั้ย ชอบ/ไม่ชอบ เพราะอะไร , มีหนังเรื่องโปรดมั้ย ถ้ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงชอบ , ชอบดูหนังที่บ้าน หรือไปดูที่โรงหนัง ครูเค้าจะให้เราตอบของเรา แล้ว ครูเค้าจะตอบของครูเค้าด้วย โดยมากครูจะตอบแบบจริงๆนะคือไม่ได้ตอบแบบเป็นพิธี อย่างข้อหลังนี่เราจำได้ ครูเราตอบว่าไม่ชอบดูหนังโรงอะมันแพง แถมยังหนาว ปวดฉี่ด้วย หามาดูที่บ้านสบายกว่า กินไปดูไปหลับกอดูใหม่ได้ ปวดฉี่ก็ไปเข้าห้องน้ำได้ คือคำตอบของครูเค้าเน้นความกันเองจริงๆจากชีวิตจริงแหละ ผมว่าครูส่วนใหญ่เค้าเทรนมาดีนะคือเค้าใจเย็นกับคนเรียนค่อนข้างมากเป็นนิสัยทุกคน เรียนๆไปชักเหมือนเพื่อนซะมากกว่า ถามสารทุกข์สุขดิบก็สบายๆ พอเราคุ้นเคยมองเค้าเหมือนเพื่อนเราก็จะกล้าพูดมากขึ้นไปเอง (เลยคุ้มถ้าจะมาฝึกพูด) ผมกลับมองว่าวันละ 25 นาที ทุกวันกลับดี มันจะกล้าขึ้นทีละหน่อย จะเสียดายนิสนึงคือมันเก็บโควจ้าไว้ไม่ได้เลย วันไหนกลับดึกๆ หรือ เหนื่อยๆมาก ถ้าไม่จองคลาสในวันนั้น มันจะหายไปเลยคือต้องพยายามเรียนให้ไ้ด วันต่อวัน จะสะสมไม่ได้เลยสักวันเดียว โดยรวมเราว่าโอเคนะ สะดวกดี ไม่แพง (เราสมัครตอนโปร ลด 50 % ตก ครั้งละ 30 บาทได้) ถ้าเราประเมินตัวเองเราว่าเราก็ยังไม่ได้เก่งขึ้นอะไรมากนักแต่ว่าเรากล้าขึ้นอะ แน่ๆ 555 ก็มันพูดทุกวันนินะ รู้เรื่องมั้งไม่รู้เรื่องมั้ง เค้าก็จะพยายามเข้าใจเราแล้วแก้ให้ว่าจะพูดความหมายนี้ควรพูดยังไงที่ถูก สำหรับเรา เราวมองว่าหนุกดี ถ้าสมัครตอนลดราคาก็ถือว่าถูกอยู่ ถูกกว่านี้ก็ต้องแอพหาคู่แล้วหล่ะ 555 แต่ถึงยังไงก็ตามมันก็ขึ้นกับตัวเราด้วยว่า มีเวลาฝึกเพิ่มเติมมั้ย มันก็มีองค์ประกอบร่วมหลายอย่าง ตอบสะยาวไม่ได้สรุป 555 คือความเห็นเรา ถ้าฝึกพูด เวิรค์อยู่ ถ้าจะเรียนเอา TOEIC อาจจะไม่ค่อยตรงประเด็นเท่าติวตรงๆ
แสดงความคิดเห็น
Engoo Thailand มีใครเคยเรียนแล้วบ้างไหมคะ
ทีนี้ทดลองเรียนไปแล้ว 2 ครั้ง เน็ตเราไม่ค่อยแรง บางทีฟังไม่ค่อยชัดนะคะ
เลยอยากรู้ว่า ใครมีปัญหาอะไรกับการเรียนที่นี้ หรือได้เพิ่มทักษะภาษาะจากการเรียนของ Engoo ไหมคะ
ครูสอนเป็นอย่างไร สอนตรงกับเนื้อหาไหม ราคาแพงไหม
ขอบคุณคะ