ก่อนอื่นเราขอบอกเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกของเราอาจจะมีผิดพลาดไปบ้าง
เราเรียนอยู่ที่ BUIC หลายคนอาจไม่รู้จัก จริงๆ คือม.กรุงเทพ นั้นแหละ
แต่เป็นภาคอินเตอร์ เรียนอยู่ที่กล้วยน้ำไทจ้า
เราเรียนคอมอาร์ต หรือ นิเทศ หลายๆคนคงสงสัยใช่ไหมว่าเรียนอะไร
เรียนถ่ายหนังเป็นภาษาอังกฤษหรอ ไม่ใช่จ้า
สำหรับนิเทศอินเตอร์ที่เราเรียนจะเน้นเป็นการพูดซะมากกว่า
เรียนทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้ปฏิบัติด้วยนะ
บรรยากาศในม.มีฝรั่งเยอะบ้างน้อยบ้าง แต่ที่แน่ๆ คนจีนเยอะมากจ้า
อาจารย์ก็มีทั้งฝรั่งและไทยแต่การเรียนการสอนก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
สำหรับใครที่กังวลเรื่องภาษาอังกฤษไม่ต้องห่วง
ที่นี่มีคอร์ส Intensive สอนภาษาอังกฤษพื้นฐานก่อนเปิดเทอม
เพิ่มความชัวร์ให้เด็กอ่อนภาษาอย่างเรา 555
เราว่าก็ดีนะ ทำให้เจอเพื่อนใหม่จะได้ปรับตัวได้เร็วขึ้น
เรายังจำวันแรกได้อยู่เลยว่าเราตื่นเต้นแค่ไหน ได้เจอสังคมใหม่ๆเพื่อนใหม่ๆ
แต่ว่าไม่จริ๊งงงเลยทุกคนรู้จักกันหมดเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที อะไรมันจะโลกกลมขนาดนี้
เราว่าจริงๆแล้วมันก็ดีนะ ทำให้เราไม่รู้สึกตื่นเต้น ไม่อึดอัดเวลาเข้าสังคมใหม่
เพราะทุกคนรู้จักกันมีพื้นเพใกล้เคียงกัน
เราจบจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ตอนแรกก็คิดว่าจะมีแต่ชาวต่างชาติหรือเด็กจบนอก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่นะ
มีทั้งเด็กจบจากรัฐบาลทั้งเอกชน ทำให้คุยกันง่ายขึ้นเลยมีเพื่อนตั้งแต่แรกๆ
แล้วก็เรียนมาด้วยกันจนจบนี่แหละ
เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเรียนเลยค่ะ
ไม่รู้คนอื่นจะเป็นเหมือนเราไหม แต่เรารู้สึกโชคดีมากที่ได้มาอยู่ในที่อบอุ่นแบบนี้
พูดดีขนาดนี้ไม่ใช่ไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อน ก็มีเหมือนกันแหละ
เวลาไปจับกลุ่มกับเพื่อนใหม่ก็มีปัญหาเรื่องการทำงานบ้าง
แต่ก็เป็นปกติสำหรับการทำงานกลุ่ม คิดว่าทุกที่ก็คงมีปัญหาแบบนี้
ตอนมาสมัครก็มีให้ทดสอบภาษากับคณิตศาสตร์ ก่อนเรียนปรับพื้นฐาน
ช่วงปี 1 - ปี 2 จะเรียนพวกวิชาพื้นฐานก่อน
หลังจากนั้นถึงจะมีวิชาเลือกต่างๆ
เด็กคอมอาร์ตก็ไปเลือกวิชาของคณะอื่นได้นะ แต่จะเป็นวิชาเสรี
อย่างเพื่อนเราก็เลือกเรียน HR ซึ่งจริงๆเป็นของคณะการโรงแรม
อีกวิชานึงก็น่าสนุก วิชาชิมไวน์ ก็เป็นของการโรงแรมอีกแหละค่ะ 555
ส่วนอาจารย์ที่นี่คอยให้คำปรึกษาตลอดเหมือนอยู่ที่บ้าน อบอุ่นเสมอเวลาไปหาอาจารย์
บางทีเรากับเพื่อนไม่มีวิชาเรียนก็ไปนั่งคุยเล่นกับอาจารย์ ไปขอปรึกษาเรื่องการเรียน
อาจารย์ที่นี่เข้าถึงง่ายไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไทยหรืออาจารย์ฝรั่ง
ส่วนบรรยากาศสถานที่ก็โอเค แต่โดยรวมแล้ว บริเวณจะเล็กกว่าวิทยาเขตรังสิตเยอะค่ะ 555
ที่ชอบที่สุดคงเป็นตึก 7 มีห้องเรียนที่เหมือนโรงหนังเลยชอบมาก
รอบๆตึกมีต้นไม้ สนามหญ้าอากาศเย็นสบาย มีมุมพักผ่อนเยอะมากกก
เรากับเพื่อนชอบไปนั่งเล้าจ์ตรงตึกแอดมิดชั่น
เราว่าเวลาอ่านหนังสือเงียบมากเลย หลายคนงงทำไมเราไม่อ่านหนังสือที่ห้องสมุด
สำหรับเราห้องสมุดคือห้องนอน มันเงียบมากกว่าละมันสบายมากกว่า
ห้องสมุดแอร์เย็น หนังสือเยอะๆ หลับค่ะ 55
วันสอบวันสุดท้ายก่อนจบ เราทั้งดีใจทั้งเศร้าอะ
เราต้องออกไปทำงานเราคงไม่โชคดีเหมือนตอนที่เราเข้ามาแล้วรู้จักกัน
เราต้องไปเริ่มปรับตัวใหม่ในที่ทำงาน ไม่รู้จะมีเพื่อนแบบที่นี่อีกไหม
บรรยากาศดีๆ สภาพแวดล้อมดีๆ อาจารย์รุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อนที่ดี
เราอยากจะขอบทุกกสิ่งทุกอย่างในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่ให้ประสบการณ์ดีๆแก่เรา
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ของเราจะทำให้น้องๆเก็บเวลาดีๆที่มีค่าไว้จนจบ <3
แชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตในม.กรุงเทพ (อินเตอร์)
เราเรียนอยู่ที่ BUIC หลายคนอาจไม่รู้จัก จริงๆ คือม.กรุงเทพ นั้นแหละ
แต่เป็นภาคอินเตอร์ เรียนอยู่ที่กล้วยน้ำไทจ้า
เราเรียนคอมอาร์ต หรือ นิเทศ หลายๆคนคงสงสัยใช่ไหมว่าเรียนอะไร
เรียนถ่ายหนังเป็นภาษาอังกฤษหรอ ไม่ใช่จ้า
สำหรับนิเทศอินเตอร์ที่เราเรียนจะเน้นเป็นการพูดซะมากกว่า
เรียนทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้ปฏิบัติด้วยนะ
บรรยากาศในม.มีฝรั่งเยอะบ้างน้อยบ้าง แต่ที่แน่ๆ คนจีนเยอะมากจ้า
อาจารย์ก็มีทั้งฝรั่งและไทยแต่การเรียนการสอนก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
สำหรับใครที่กังวลเรื่องภาษาอังกฤษไม่ต้องห่วง
ที่นี่มีคอร์ส Intensive สอนภาษาอังกฤษพื้นฐานก่อนเปิดเทอม
เพิ่มความชัวร์ให้เด็กอ่อนภาษาอย่างเรา 555
เราว่าก็ดีนะ ทำให้เจอเพื่อนใหม่จะได้ปรับตัวได้เร็วขึ้น
เรายังจำวันแรกได้อยู่เลยว่าเราตื่นเต้นแค่ไหน ได้เจอสังคมใหม่ๆเพื่อนใหม่ๆ
แต่ว่าไม่จริ๊งงงเลยทุกคนรู้จักกันหมดเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที อะไรมันจะโลกกลมขนาดนี้
เราว่าจริงๆแล้วมันก็ดีนะ ทำให้เราไม่รู้สึกตื่นเต้น ไม่อึดอัดเวลาเข้าสังคมใหม่
เพราะทุกคนรู้จักกันมีพื้นเพใกล้เคียงกัน
เราจบจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ตอนแรกก็คิดว่าจะมีแต่ชาวต่างชาติหรือเด็กจบนอก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่นะ
มีทั้งเด็กจบจากรัฐบาลทั้งเอกชน ทำให้คุยกันง่ายขึ้นเลยมีเพื่อนตั้งแต่แรกๆ
แล้วก็เรียนมาด้วยกันจนจบนี่แหละ
เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเรียนเลยค่ะ
ไม่รู้คนอื่นจะเป็นเหมือนเราไหม แต่เรารู้สึกโชคดีมากที่ได้มาอยู่ในที่อบอุ่นแบบนี้
พูดดีขนาดนี้ไม่ใช่ไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อน ก็มีเหมือนกันแหละ
เวลาไปจับกลุ่มกับเพื่อนใหม่ก็มีปัญหาเรื่องการทำงานบ้าง
แต่ก็เป็นปกติสำหรับการทำงานกลุ่ม คิดว่าทุกที่ก็คงมีปัญหาแบบนี้
ตอนมาสมัครก็มีให้ทดสอบภาษากับคณิตศาสตร์ ก่อนเรียนปรับพื้นฐาน
ช่วงปี 1 - ปี 2 จะเรียนพวกวิชาพื้นฐานก่อน
หลังจากนั้นถึงจะมีวิชาเลือกต่างๆ
เด็กคอมอาร์ตก็ไปเลือกวิชาของคณะอื่นได้นะ แต่จะเป็นวิชาเสรี
อย่างเพื่อนเราก็เลือกเรียน HR ซึ่งจริงๆเป็นของคณะการโรงแรม
อีกวิชานึงก็น่าสนุก วิชาชิมไวน์ ก็เป็นของการโรงแรมอีกแหละค่ะ 555
ส่วนอาจารย์ที่นี่คอยให้คำปรึกษาตลอดเหมือนอยู่ที่บ้าน อบอุ่นเสมอเวลาไปหาอาจารย์
บางทีเรากับเพื่อนไม่มีวิชาเรียนก็ไปนั่งคุยเล่นกับอาจารย์ ไปขอปรึกษาเรื่องการเรียน
อาจารย์ที่นี่เข้าถึงง่ายไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไทยหรืออาจารย์ฝรั่ง
ส่วนบรรยากาศสถานที่ก็โอเค แต่โดยรวมแล้ว บริเวณจะเล็กกว่าวิทยาเขตรังสิตเยอะค่ะ 555
ที่ชอบที่สุดคงเป็นตึก 7 มีห้องเรียนที่เหมือนโรงหนังเลยชอบมาก
รอบๆตึกมีต้นไม้ สนามหญ้าอากาศเย็นสบาย มีมุมพักผ่อนเยอะมากกก
เรากับเพื่อนชอบไปนั่งเล้าจ์ตรงตึกแอดมิดชั่น
เราว่าเวลาอ่านหนังสือเงียบมากเลย หลายคนงงทำไมเราไม่อ่านหนังสือที่ห้องสมุด
สำหรับเราห้องสมุดคือห้องนอน มันเงียบมากกว่าละมันสบายมากกว่า
ห้องสมุดแอร์เย็น หนังสือเยอะๆ หลับค่ะ 55
วันสอบวันสุดท้ายก่อนจบ เราทั้งดีใจทั้งเศร้าอะ
เราต้องออกไปทำงานเราคงไม่โชคดีเหมือนตอนที่เราเข้ามาแล้วรู้จักกัน
เราต้องไปเริ่มปรับตัวใหม่ในที่ทำงาน ไม่รู้จะมีเพื่อนแบบที่นี่อีกไหม
บรรยากาศดีๆ สภาพแวดล้อมดีๆ อาจารย์รุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อนที่ดี
เราอยากจะขอบทุกกสิ่งทุกอย่างในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่ให้ประสบการณ์ดีๆแก่เรา
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ของเราจะทำให้น้องๆเก็บเวลาดีๆที่มีค่าไว้จนจบ <3