AFTER THE STORM : คุณค่าของการมีชีวิต
Creative Review
After the Storm ผลงานล่าสุดของ ผกก. โคเรเอดะ เล่าถึงชายหนุ่มวัยกลางคน เรียวตะ ที่หากเทียบกับพระเอกในหนังทั่วๆไปแล้ว ก็ต้องเรียกว่าเป็นพระเอกที่กระจอกที่สุด น่าสมเพชที่สุด เพราะล้มเหลวทั้งเรื่องการงาน ฐานะ ไปจนถึงครอบครัว เรียกว่าชีวิตพังหมดทุกอย่าง แถมรายได้ที่มียังมาจากการแบล็คเมลคนมีชู้ บวกกับการไถยืมคนรอบข้างทั้งครอบครัวและเพื่อน แค่ฟังดูเราก็พร้อมตัดสินแล้วว่า ชีวิตของคนนี้มันช่างไร้ค่า ไร้ประโยชน์ น่าสมเพช ไม่เป็นที่ต้องการของใครทั้งสิ้น
แต่ปรากฏว่าคนที่ถูกตีตราว่า ไร้ค่า แบบนี่ล่ะคือพระเอกของเราในเรื่องนี้ โคเรเอดะ ใช้ศาสตร์และศิลป์ด้านภาพยนตร์ มาบอกเล่าประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณค่าของชีวิตมากมาย โดยให้เราเข้าไปสัมผัสเหมือนไปนั่งอยู่กลางครอบครัวนั้นเลยทีเดียว ความละเอียดอ่อนในการถ่ายทอดแง่มุมความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ถูกถ่ายทอดผ่านการแสดง บทพูด และสถานการณ์ที่ลื่นไหลราวกับไม่ใช่การแสดง จนคนดูค่อยๆซึมซับและสัมผัสเห็นมิติต่างๆของเรียวตะ รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมเค้าถึงกลายเป็นคนแบบนี้ รู้ถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต รู้ถึงความรู้สึกผิด ความผิดหวังกับการที่ไม่ได้เป็นในสิ่งที่ตัวเองเคยฝันจะเป็น และขณะเดียวกันก็รับรู้ข้อดี และเสน่ห์ที่แม้ดูเหมือนจะน้อยนิด แต่ก็มีคุณค่ากับคนที่อยู่รอบข้างของเขาหลายๆคน
หนังเรื่องนี้จึงให้ข้อคิดกับเราหลายๆอย่าง ในแบบที่ให้เราคิดเองได้จากการดู ไม่ใช่การพยายามสอนและยัดเยียด สิ่งเหล่านั้นที่เก็บมาได้จากการดูหนัง แอดขอเก็บมาเล่าและแบ่งปันกันดังนี้
1. การจะโตมาเป็นผู้ใหญ่สำเร็จแบบที่เคยวาดฝันไว้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการยอมรับตัวเองในวันที่เรารู้ตัวว่าเราทำไม่ได้
2. การที่คนเราล้มเหลวไม่สำเร็จ ก็ไม่ใช่จุดจบของชีวิต ชีวิตเรายังคงเดินต่อไป เราอาจจะไม่สำเร็จสักเรื่องอย่างที่หวังจนจบชีวิตเลยก็ได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะความจริงแล้ว
3. ชีวิตเรามันอยู่ระหว่างทางเสมอต่างหาก หากเรายึดติดกับอดีตที่สำเร็จและมีความสุข เราก็จะไม่มีทางมีความสุขกับปัจจุบัน และหากเราเอาแต่ห่วงอนาคต ตั้งความหวังสูงกับตัวเอง เราก็จะไม่เห็นค่าสิ่งที่มีอยู่และลืมความสุขที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน
4. ล็อตเตอรี่ คือความฝัน (ราคา 3 ล้านบาท) ที่หาซื้อได้ (ในราคาแค่ 70 บาท)
5. คุณค่าของคนแท้จริงแล้ว ไม่ได้อยู่ที่เค้าทำอะไรสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่อยู่ที่ชีวิตเค้ามีความหมายกับใครคนอื่นมากน้อยแค่ไหนต่างหาก ดั่งต้นส้มที่ไม่ให้ดอกผล ดูเหมือนไร้ค่า แต่แท้จริงแล้วยังมีใบให้หนอนได้กัดกินเป็นผีเสื้อ
6. ชื่อหนัง After The Storm นอกจากกล่าวถึงพายุที่พัดทุกคนมาอยู่ด้วยกันแล้ว ยังสื่อความหมายถึงเรื่องชีวิตด้วย ชีวิตเราเมื่อเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ เรามักบ่นตัดพ้อ รู้สึกไม่พอใจจมตัวเองอยู่กับปัญหา เปรียบเหมือนพายุที่ก่อตัวขุ่นมัวในใจ แท้จริงแล้วปัญหาอาจจะไม่ได้มีไว้ให้แก้ แต่มีไว้เพื่อให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับ ทำความเข้าใจและปล่อยวางความรู้สึกลงบ้าง แค่เพียงเท่านั้น เมฆดำขุ่นมัวที่มีในใจก็คลายตัวไป กลายเป็นจิตใจที่สดใสขึ้นมา
พอมาย้อนคิดดูแล้ว สิ่งที่โคเรเอดะ ตั้งใจจะสื่อ เป็นเรื่องที่ลุ่มลึก เกี่ยวกับชีวิตที่เรามักละเลยลืมคิดไป และมักถูกตีค่าอย่างฉาบฉวย การที่เราจะเข้าใจชีวิต และเข้าใจคุณค่าของมันอย่างแท้จริง จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเราเอามโนคติ อคติ ของเราออกไป และซึมซาบชีวิตในแบบที่มันเป็น ดั่งที่เราควรทำกับหนังเรื่องนี้นั่นเอง
.
.
.
.
.
.
ใครชอบ Review ที่ลงไว้ ฝากติดตามเพจ
FB : Creative Review : สิ่งดีๆ ที่อยู่ในหนัง
https://www.facebook.com/Movie.Creative.Review
[CR] CREATIVE REVIEW : AFTER THE STORM คุณค่าของการมีชีวิต
After the Storm ผลงานล่าสุดของ ผกก. โคเรเอดะ เล่าถึงชายหนุ่มวัยกลางคน เรียวตะ ที่หากเทียบกับพระเอกในหนังทั่วๆไปแล้ว ก็ต้องเรียกว่าเป็นพระเอกที่กระจอกที่สุด น่าสมเพชที่สุด เพราะล้มเหลวทั้งเรื่องการงาน ฐานะ ไปจนถึงครอบครัว เรียกว่าชีวิตพังหมดทุกอย่าง แถมรายได้ที่มียังมาจากการแบล็คเมลคนมีชู้ บวกกับการไถยืมคนรอบข้างทั้งครอบครัวและเพื่อน แค่ฟังดูเราก็พร้อมตัดสินแล้วว่า ชีวิตของคนนี้มันช่างไร้ค่า ไร้ประโยชน์ น่าสมเพช ไม่เป็นที่ต้องการของใครทั้งสิ้น
แต่ปรากฏว่าคนที่ถูกตีตราว่า ไร้ค่า แบบนี่ล่ะคือพระเอกของเราในเรื่องนี้ โคเรเอดะ ใช้ศาสตร์และศิลป์ด้านภาพยนตร์ มาบอกเล่าประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณค่าของชีวิตมากมาย โดยให้เราเข้าไปสัมผัสเหมือนไปนั่งอยู่กลางครอบครัวนั้นเลยทีเดียว ความละเอียดอ่อนในการถ่ายทอดแง่มุมความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ถูกถ่ายทอดผ่านการแสดง บทพูด และสถานการณ์ที่ลื่นไหลราวกับไม่ใช่การแสดง จนคนดูค่อยๆซึมซับและสัมผัสเห็นมิติต่างๆของเรียวตะ รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมเค้าถึงกลายเป็นคนแบบนี้ รู้ถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต รู้ถึงความรู้สึกผิด ความผิดหวังกับการที่ไม่ได้เป็นในสิ่งที่ตัวเองเคยฝันจะเป็น และขณะเดียวกันก็รับรู้ข้อดี และเสน่ห์ที่แม้ดูเหมือนจะน้อยนิด แต่ก็มีคุณค่ากับคนที่อยู่รอบข้างของเขาหลายๆคน
หนังเรื่องนี้จึงให้ข้อคิดกับเราหลายๆอย่าง ในแบบที่ให้เราคิดเองได้จากการดู ไม่ใช่การพยายามสอนและยัดเยียด สิ่งเหล่านั้นที่เก็บมาได้จากการดูหนัง แอดขอเก็บมาเล่าและแบ่งปันกันดังนี้
1. การจะโตมาเป็นผู้ใหญ่สำเร็จแบบที่เคยวาดฝันไว้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการยอมรับตัวเองในวันที่เรารู้ตัวว่าเราทำไม่ได้
2. การที่คนเราล้มเหลวไม่สำเร็จ ก็ไม่ใช่จุดจบของชีวิต ชีวิตเรายังคงเดินต่อไป เราอาจจะไม่สำเร็จสักเรื่องอย่างที่หวังจนจบชีวิตเลยก็ได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะความจริงแล้ว
3. ชีวิตเรามันอยู่ระหว่างทางเสมอต่างหาก หากเรายึดติดกับอดีตที่สำเร็จและมีความสุข เราก็จะไม่มีทางมีความสุขกับปัจจุบัน และหากเราเอาแต่ห่วงอนาคต ตั้งความหวังสูงกับตัวเอง เราก็จะไม่เห็นค่าสิ่งที่มีอยู่และลืมความสุขที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน
4. ล็อตเตอรี่ คือความฝัน (ราคา 3 ล้านบาท) ที่หาซื้อได้ (ในราคาแค่ 70 บาท)
5. คุณค่าของคนแท้จริงแล้ว ไม่ได้อยู่ที่เค้าทำอะไรสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่อยู่ที่ชีวิตเค้ามีความหมายกับใครคนอื่นมากน้อยแค่ไหนต่างหาก ดั่งต้นส้มที่ไม่ให้ดอกผล ดูเหมือนไร้ค่า แต่แท้จริงแล้วยังมีใบให้หนอนได้กัดกินเป็นผีเสื้อ
6. ชื่อหนัง After The Storm นอกจากกล่าวถึงพายุที่พัดทุกคนมาอยู่ด้วยกันแล้ว ยังสื่อความหมายถึงเรื่องชีวิตด้วย ชีวิตเราเมื่อเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ เรามักบ่นตัดพ้อ รู้สึกไม่พอใจจมตัวเองอยู่กับปัญหา เปรียบเหมือนพายุที่ก่อตัวขุ่นมัวในใจ แท้จริงแล้วปัญหาอาจจะไม่ได้มีไว้ให้แก้ แต่มีไว้เพื่อให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับ ทำความเข้าใจและปล่อยวางความรู้สึกลงบ้าง แค่เพียงเท่านั้น เมฆดำขุ่นมัวที่มีในใจก็คลายตัวไป กลายเป็นจิตใจที่สดใสขึ้นมา
พอมาย้อนคิดดูแล้ว สิ่งที่โคเรเอดะ ตั้งใจจะสื่อ เป็นเรื่องที่ลุ่มลึก เกี่ยวกับชีวิตที่เรามักละเลยลืมคิดไป และมักถูกตีค่าอย่างฉาบฉวย การที่เราจะเข้าใจชีวิต และเข้าใจคุณค่าของมันอย่างแท้จริง จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเราเอามโนคติ อคติ ของเราออกไป และซึมซาบชีวิตในแบบที่มันเป็น ดั่งที่เราควรทำกับหนังเรื่องนี้นั่นเอง
.
.
.
.
.
.
ใครชอบ Review ที่ลงไว้ ฝากติดตามเพจ
FB : Creative Review : สิ่งดีๆ ที่อยู่ในหนัง
https://www.facebook.com/Movie.Creative.Review