จากที่ได้ฝึกสังเกต ผมมือใหม่เพิ่งหัดดูการลงทุนในหุ้นต่าง ๆ และฝึกดูทั้งงบการเงิน รายละเอียดต่าง ๆ ในหนังสือหลาย ๆ เล่ม
เขียนไว้นอกจากสังเกตงบการเงินแล้วให้สังเกตผู้บริหารว่าใครเป็นผู้บริหารอยู่ และสังเกตผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแต่ละบริษัทว่ามีใครถืออยู่บ้าง
และผมได้สังเกตเจอผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหลาย ๆ บริษัท ก็มาเจอ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เข้าไปถือหุ้นรายใหญ่ในหลาย ๆ บริษัท โดยเฉพาะหุ้นบริษัทชั้นนำของประเทศ เลยสงสัยว่า ไทยเอ็นวีดีอาร์ คือบริษัทอะไร และเก็บรายละเอียดมาให้ดูเผื่อหลายคนมีความสงสัยเหมือนกับผมว่ามันคืออะไร ทำไมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายตัวจัง
ตรงไหนที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ และเพิ่มเติมได้นะครับ
Thai NVDR คือ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด บริษัทประกอบธุรกิจโดยการออกใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (Non-Voting Depository Receipt :NVDR) เพื่อขายให้แก่ผู้ลงทุน
http://www.set.or.th/nvdr/th/about/about.html
จุดประสงค์คือ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดหลักทรัพย์และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศ ที่สนใจลงทุนในบริษัทจดทะเบียน
สรุป คือ เป็นบริษัทที่ให้สิทธิ์ซื้อหลักทรัพย์ผ่าน ไทยเอ็นวีดีอาร์ อย่างต่างชาติที่อยากจะมาลงทุนซื้อหุ้นไทยก็สามารถซื้อผ่าน ไทยเอ็นวีดีอาร์ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใดๆในบริษัทที่ถือหุ้น หรือพูดง่าย ๆว่าไม่สามารถเข้าครอบงำบริษัทนั้น ๆได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในลิ้งนี้
http://www.set.or.th/nvdr/th/about/about.html
วิธีการซื้อขายก็ติดต่อซื้อขายหุ้นผ่าน Thai NVDR หรือถ้าซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ก็คีย์ THAI-F
20 บริษัทที่ Thai NVDR เข้าไปถือหุ้น เรียงจากมากไปหาน้อย
ข้อดีของ Thai NVDR คือ สร้างสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทย และนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาถือหุ้นได้ และมีกฎหมายรัดกุมตรวจสอบได้ มีข้อจำกัดที่ระบุชัดเจน
เรามาดูความรัดกุมของการจัดซื้อหุ้นผ่าน Thai NVDR กันหน่อย
อันนี้ผมเอาข้อมูลที่มีอยู่จากการถามตอบใน
http://www.set.or.th/nvdr/th/faqs/faqs.html
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้• ผู้ลงทุนต้องมีการรายงานการถือครองเอ็นวีดีอาร์ รวมกับหลักทรัพย์อ้างอิงทุกครั้งที่มีสัดส่วนการถือครองที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงทุกร้อยละ 5 ต่อบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จํากัด ด้วยหรือไม่ หากไม่รายงานจะมีผลอย่างไร
ตอบ
ผู้ลงทุนต้องรายงานการได้มาหรือจำหน่ายเอ็นวีดีอาร์ รวมกับหลักทรัพย์อ้างอิง (ถ้ามี) (แบบ 246-2-NVDR) ทุกร้อยละ 5 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของหลักทรัพย์อ้างอิงที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ ทั้งนี้หากไม่รายงานข้อมูลดังกล่าว บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะปรับผู้ถือเอ็นวีดีอาร์ในอัตราเดียวกับบทกำหนดโทษที่กำหนดไว้ในกรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรา 246 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
• บุคคลใดเป็นผู้มีหน้าที่รายงานการถือครองเอ็นวีดีอาร์ (แบบ 246-2-NVDR) ระหว่างบริษัทสมาชิก (Broker) หรือผู้ลงทุน และเมื่อรายงานข้อมูลมายังบริษัทไทยอ็นวีดีอาร์ จำกัด แล้ว จะมีการเผยแพร่ข้อมูลอย่างไร
ตอบ
ผู้ถือเอ็นวีดีอาร์จะต้องเป็นผู้รายงานการได้ มาหรือจำหน่ายเอ็นวีดีอาร์รวมกับหลักทรัพย์อ้างอิง (ถ้ามี) ทุกร้อยละ 5 ต่อบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด และบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนผ่าน Website:www.set.or.th/nvdr
• กรณีที่ผู้ลงทุนมีการถือครองหลักทรัพย์อ้างอิงและเอ็นวีดีอาร์ทุกร้อยละ 5เมื่อมีการรายงานการถือครองเอ็นวีดีอาร์ (แบบ 246-2-NVDR) ไปยังบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด แล้ว จะต่องรายงานการถือครองหลักทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ด้วยหรือไม่
ตอบ
กรณีผู้ลงทุนถือครองหลักทรัพย์อ้างอิงและถือครองเอ็นวีดีอาร์ทุกร้อยละ 5จะต่องรายงานการได้มา หรือจำหน่ายเอ็นวีดีอาร์รวมกับหลักทรัพย์อ้างอิง (ถ้ามี) (แบบ 246-2-NVDR)ต่อบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ภายใน 3 วันทำการ ถัดจากวันที่ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ โดยไม่ต้องรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่กรณีผู้ลงทุนมีการถือครองหลักทรัพย์อ้างอิงโดยไม่นับรวมเอ็นวีดีอาร์ทุกร้อยละ 5 จะต้องรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
• บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด มีการกําหนดเปอร์เซนต์การถือครองเอ็นวีดีอาร์ของผู้ลงทุนแต่ละรายและการรายงานข้อมูลการถือครองเอ็นวีดีอาร์มายังบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ด้วยหรือไม่
ตอบ
ผู้ลงทุนแต่ละรายจะสามารถถือครองเอ็นวีดีอาร์และหลักทรัพย์อ้างอิงได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยผู้ลงทุนจะต้องนับรวมเอ็นวีดีอาร์และหลักทรัพย์อ้างอิงของบุคคลที่เกี่ยวโยง ตามมาตรา 258 และเมื่อมีการได้มาหรือหรือจำหน่ายเอ็นวีดีอาร์รวมกับหลักทรัพย์อ้างอิงทุกร้อยละ 5จะต้องทำการรายงานแบบ 246–2-NVDR มายังบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด กรณีผู้ลงทุนรายใดถือครองเอ็นวีดีอาร์ รวมกับหลักทรัพย์อ้างอิงเกินกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของหลักทรัพย์อ้างอิงที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด มีสิทธิจะบังคับซื้อคืนเอ็นวีดีอาร์ส่วนที่เกินได้ทันที
สรุป คือถ้าเกิดผู้ลงทุนมีการลงทุนผ่าน Thai NVDR เพิ่มขึ้นหรือลดลงทุก ๆร้อยละ 5 ของที่ Thai NVDR เปิดขาย ต้องมีรายงานแจ้งให้กับ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด และทาง บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะแจ้งให้กับทาง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรงนี้แหละที่ข้อมูลก็จะแสดงข้อมูลให้กับสาธารณะชนทราบเช็คได้ที่ Website:
http://www.set.or.th/nvdr/th/info/report246-2_16.html
และผู้ลงทุนแต่ละรายสามารถถือครองหลักทรัพย์ Thai NVDR ได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของหลักทรัพย์ที่เปิดขายผ่าน Thai NVDR ทั้งหมด
สมมติ
นาย A ต้องการซื้อ AOT ผ่าน Thai NVDR จำนวนหนึ่ง โดยทั้งหมดคิดเป็น 5% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถืออยู่
นาย A จะต้องทำรายงานแจ้งกับทาง บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ด้วยว่าซื้อหุ้นตัวนี้เป็นจำนวนเท่าไร หลังจากนั้นทาง Thai NVDR ก็จะแจ้งต่อไปยังทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่านาย A ได้ทำการซื้อหุ้น AOT ผ่าน Thai NVDR เป็นจำนวนนั้นๆ และทางตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำรายงานขึ้นแสดงต่อบนเว็บไซต์ของทาง บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด
และถ้าเกิดนาย A มีหุ้นที่ถือครองผ่าน Thai NVDR ทั้งหมด รวมถึงคนในครอบครัวด้วย นาย A จะ
สามารถถือครองหลักทรัพย์ได้ไม่เกิน 25% ของจำนวนทั้งหมดที่ทาง Thai NVDR เปิดขาย ถ้าเกิดมีการถือเกินทาง บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะบังคับซื้อคืนทันที
จากตัวอย่างข้างบน เราจะเห็นได้เลยว่า การซื้อขายหุ้นเป็นจำนวนมาก ผ่าน บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด นั้นจะมีการแจ้งให้ สาธารณะชนทราบ โดยสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ของ ตลาดหลักทรัพย์ได้เอง
พอเรามาดูกฎกติกาแล้ว ถือว่ามีความรัดกุมในการถือครองหลักทรัพย์อยู่พอสมควร และมีการแจ้งการถือครองอยู่ทุกร้อยละ 5 ก็แสดงว่าบุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ และไม่มีการถือหุ้นหรือเข้าไปครอบงำบริษัทได้
จากที่เข้าหาข้อมูล อ่านกระทู้ รวมไปถึงข่าวหลาย ๆ ที่ มีหลายคนคิดว่า บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นนอมินีต่างๆ โดยหากดูข้อมูลกันดีๆ กลุ่มที่ บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ไปถือหุ้น ส่วนมาก เป็นหุ้นกลุ่มบลูชิพ ที่มีความมั่นคงและมีมูลค่าน่าลงทุน สะท้อนเศรษฐกิจของประเทศ และหากลดอคติลงบ้าง จะเห็นได้ว่า การถือหุ้นพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติ และ คล้ายกันในทุกบริษัทด้วยซ้ำ และเป็นผลดีที่สามารถระดมทุนได้สะดวกขึ้น และหากบอกว่ามีกลุ่มทุนนั่นนี่อยู่เบื้องหลัง คงลำบากมากในตลาดหลักทรัพย์ เพราะมันคือการลงทุน ดังนั้นหากไม่มีกลุ่มทุน บริษัทเหล่านี้จะอยู่รอดได้อย่างไร
หุ้นกลุ่มบูลชิพที่บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์เข้าไปถือหุ้น
Thai NVDR คืออะไร เป็นบริษัทที่มือใหม่อย่างผมและหลายคนสงสัย
เขียนไว้นอกจากสังเกตงบการเงินแล้วให้สังเกตผู้บริหารว่าใครเป็นผู้บริหารอยู่ และสังเกตผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแต่ละบริษัทว่ามีใครถืออยู่บ้าง
และผมได้สังเกตเจอผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหลาย ๆ บริษัท ก็มาเจอ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เข้าไปถือหุ้นรายใหญ่ในหลาย ๆ บริษัท โดยเฉพาะหุ้นบริษัทชั้นนำของประเทศ เลยสงสัยว่า ไทยเอ็นวีดีอาร์ คือบริษัทอะไร และเก็บรายละเอียดมาให้ดูเผื่อหลายคนมีความสงสัยเหมือนกับผมว่ามันคืออะไร ทำไมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายตัวจัง
ตรงไหนที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ และเพิ่มเติมได้นะครับ
Thai NVDR คือ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด บริษัทประกอบธุรกิจโดยการออกใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (Non-Voting Depository Receipt :NVDR) เพื่อขายให้แก่ผู้ลงทุน http://www.set.or.th/nvdr/th/about/about.html
จุดประสงค์คือ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดหลักทรัพย์และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศ ที่สนใจลงทุนในบริษัทจดทะเบียน
สรุป คือ เป็นบริษัทที่ให้สิทธิ์ซื้อหลักทรัพย์ผ่าน ไทยเอ็นวีดีอาร์ อย่างต่างชาติที่อยากจะมาลงทุนซื้อหุ้นไทยก็สามารถซื้อผ่าน ไทยเอ็นวีดีอาร์ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใดๆในบริษัทที่ถือหุ้น หรือพูดง่าย ๆว่าไม่สามารถเข้าครอบงำบริษัทนั้น ๆได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในลิ้งนี้
http://www.set.or.th/nvdr/th/about/about.html
วิธีการซื้อขายก็ติดต่อซื้อขายหุ้นผ่าน Thai NVDR หรือถ้าซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ก็คีย์ THAI-F
20 บริษัทที่ Thai NVDR เข้าไปถือหุ้น เรียงจากมากไปหาน้อย
ข้อดีของ Thai NVDR คือ สร้างสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทย และนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาถือหุ้นได้ และมีกฎหมายรัดกุมตรวจสอบได้ มีข้อจำกัดที่ระบุชัดเจน
เรามาดูความรัดกุมของการจัดซื้อหุ้นผ่าน Thai NVDR กันหน่อย
อันนี้ผมเอาข้อมูลที่มีอยู่จากการถามตอบใน http://www.set.or.th/nvdr/th/faqs/faqs.html
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป คือถ้าเกิดผู้ลงทุนมีการลงทุนผ่าน Thai NVDR เพิ่มขึ้นหรือลดลงทุก ๆร้อยละ 5 ของที่ Thai NVDR เปิดขาย ต้องมีรายงานแจ้งให้กับ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด และทาง บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะแจ้งให้กับทาง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรงนี้แหละที่ข้อมูลก็จะแสดงข้อมูลให้กับสาธารณะชนทราบเช็คได้ที่ Website: http://www.set.or.th/nvdr/th/info/report246-2_16.html
และผู้ลงทุนแต่ละรายสามารถถือครองหลักทรัพย์ Thai NVDR ได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของหลักทรัพย์ที่เปิดขายผ่าน Thai NVDR ทั้งหมด
สมมติ
นาย A ต้องการซื้อ AOT ผ่าน Thai NVDR จำนวนหนึ่ง โดยทั้งหมดคิดเป็น 5% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถืออยู่
นาย A จะต้องทำรายงานแจ้งกับทาง บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ด้วยว่าซื้อหุ้นตัวนี้เป็นจำนวนเท่าไร หลังจากนั้นทาง Thai NVDR ก็จะแจ้งต่อไปยังทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่านาย A ได้ทำการซื้อหุ้น AOT ผ่าน Thai NVDR เป็นจำนวนนั้นๆ และทางตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำรายงานขึ้นแสดงต่อบนเว็บไซต์ของทาง บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด
และถ้าเกิดนาย A มีหุ้นที่ถือครองผ่าน Thai NVDR ทั้งหมด รวมถึงคนในครอบครัวด้วย นาย A จะสามารถถือครองหลักทรัพย์ได้ไม่เกิน 25% ของจำนวนทั้งหมดที่ทาง Thai NVDR เปิดขาย ถ้าเกิดมีการถือเกินทาง บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะบังคับซื้อคืนทันที
จากตัวอย่างข้างบน เราจะเห็นได้เลยว่า การซื้อขายหุ้นเป็นจำนวนมาก ผ่าน บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด นั้นจะมีการแจ้งให้ สาธารณะชนทราบ โดยสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ของ ตลาดหลักทรัพย์ได้เอง
พอเรามาดูกฎกติกาแล้ว ถือว่ามีความรัดกุมในการถือครองหลักทรัพย์อยู่พอสมควร และมีการแจ้งการถือครองอยู่ทุกร้อยละ 5 ก็แสดงว่าบุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ และไม่มีการถือหุ้นหรือเข้าไปครอบงำบริษัทได้
จากที่เข้าหาข้อมูล อ่านกระทู้ รวมไปถึงข่าวหลาย ๆ ที่ มีหลายคนคิดว่า บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นนอมินีต่างๆ โดยหากดูข้อมูลกันดีๆ กลุ่มที่ บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ไปถือหุ้น ส่วนมาก เป็นหุ้นกลุ่มบลูชิพ ที่มีความมั่นคงและมีมูลค่าน่าลงทุน สะท้อนเศรษฐกิจของประเทศ และหากลดอคติลงบ้าง จะเห็นได้ว่า การถือหุ้นพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติ และ คล้ายกันในทุกบริษัทด้วยซ้ำ และเป็นผลดีที่สามารถระดมทุนได้สะดวกขึ้น และหากบอกว่ามีกลุ่มทุนนั่นนี่อยู่เบื้องหลัง คงลำบากมากในตลาดหลักทรัพย์ เพราะมันคือการลงทุน ดังนั้นหากไม่มีกลุ่มทุน บริษัทเหล่านี้จะอยู่รอดได้อย่างไร
หุ้นกลุ่มบูลชิพที่บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์เข้าไปถือหุ้น