สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ที่เราเห็นรถกระบะดีเซลราคาถูกๆ จึงติดภาพว่ารถดีเซลต้องไม่แพงไงครับ
แต่ในความเป็นจริงที่รถกระบะดีเซลราคาถูกได้เพราะโครงสร้างภาษีต่ำถือเป็นรถเชิงพานิชย์ราคาเลยถูกได้
ทั้งที่จริงต้นทุนค่าเครื่องยนต์สูงครับ
ทีนี้พอดีเซลมาอยู่ในรถเก๋งราคาจึงสูงเพราะโครงสร้างภาษีสูงครับ
ดูง่ายๆจากโครงการรถคันแรก รถกระบะได้ภาษีคืน นิดเดียว แต่รถเก๋งได้คืน แสนนึงเต็มๆ
แต่ในความเป็นจริงที่รถกระบะดีเซลราคาถูกได้เพราะโครงสร้างภาษีต่ำถือเป็นรถเชิงพานิชย์ราคาเลยถูกได้
ทั้งที่จริงต้นทุนค่าเครื่องยนต์สูงครับ
ทีนี้พอดีเซลมาอยู่ในรถเก๋งราคาจึงสูงเพราะโครงสร้างภาษีสูงครับ
ดูง่ายๆจากโครงการรถคันแรก รถกระบะได้ภาษีคืน นิดเดียว แต่รถเก๋งได้คืน แสนนึงเต็มๆ
การ์ตูนวาดผิด ถูกใจ, Thanomklom ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1171324 ถูกใจ, เข้ามากดปุ่ม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1092599 ถูกใจ, un750 ถูกใจ, Nohohon_Ame ถูกใจ, กระป๋องด๋อย ถูกใจ, Atullapat ถูกใจ, พ่อบ้านใจไม่กล้า ถูกใจรวมถึงอีก 8 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
ทำไมรถยนต์รุ่นเดียวกัน "เครื่องดีเซล" ต้องแพงกว่า "เครื่องเบนซิน" ทั้งที่ .....
สืบเนื่องมาจากทางบ้านรู้สึกโอเคกับรถเก๋งดีเซล (Peugeot 508) ประหยัดน้ำมัน วิ่งทางไกลโอเค
เลยกำลังจะหารถไซส์เล็กดีเซลอีกคัน หวยเลยไปลงที่ Mazda Cx-3 (เปลี่ยนแนวไป Compact SUV)
ก็ได้ไปลองตัวดีเซลตามที่หวังไว้ ก็ประทับใจดีครับ ขับสนุกใช้ได้
แต่!! สุดท้ายประเด็นที่มาตั้งกระทู้นี้คือ
ในราคา 1.155 ล้าน ที่เป็นเครื่องดีเซล เทียบกับ เครื่องเบนซิน ที่ราคา 1.045 ล้าน ตัว Top เหมือนกันทุกอย่าง
ราคาต่างกัน 110,000 บาท (ดีเซลแพงกว่า)
คืออนุมานเอาว่า ดีเซลกินน้ำมันที่ 17กิโลลิตร เบนซินกินซัก 12กิโลลิตร
ถ้าสมมติ ขับซัก 40,000 กิโลต่อปี โดยอิงราคาน้ำมันวันนี้ที่
แก๊ส 91 ลิตรละ 24.63 บาท
ดีเซล ลิตรละ 23.34 บาท
ลองคำนวณดู
ดีเซล 40,000 กิโล / 17 กิโลต่อลิตร = เติมน้ำมัน 2,353 ลิตรต่อปี *ราคาน้ำมัน 23.34 บาทต่อลิตร เป็นเงิน = 54,919 บาท
เบนซิน 40,000 กิโล / 12 กิโลต่อลิตร = เติมน้ำมัน 3,333 ลิตรต่อปี *ราคาน้ำมัน 24.63 บาทต่อลิตร เป็นเงิน = 82,092 บาท
เท่ากับใน 1 ปี เบนซิน จ่ายแพงกว่า ดีเซล อยู่ 27,173 บาท / ปี
แต่ส่วนต่างของรถอยู่ที่ 110,000 บาท / 27,173 บาท / ปี = 3.6 ปี
นั่นหมายความว่า ถ้าซื้อรุ่นดีเซล ต้องขับ 40,000 ต่อปี ไปประมาณ 3.6 ปี ถึงจะคุ้มกับ 110,000 บาทที่จ่ายแพงกว่า
ยิ่งถ้าเบนซินเติม e20 หรือ e85 เข้าไป ความต่างมันก็จะยิ่งต่างขึ้นไปอีก
หรือ ถ้าขับแค่ 20,000 กิโลต่อปี ก็ต้องใช้เวลาถึง 6 ปีกว่า ถึงจะรู้สึกคืนทุน
*****************************
คือ ตอนนี้มันเป็นอะไรที่ติดอยู่ในหัวผมมากเลยครับ สงสัยสุดๆเลยว่า เหตุไฉนทำไมรถดีเซลต้องตั้งราคาสูงกว่า
ยิ่งไปเห็นราคา BMW 320i กับ 320d ราคาปกติต่างกันอยู่ 500,000 บาท !!!! (ไม่นับโปรฯ ตอนนี้ที่ราคาเท่ากันแล้ว)
ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่า ถ้าเลือกเครื่องดีเซลที่จ่ายแพงกว่า มันจะคุ้มตรงไหนเนี่ยครับ ??? ได้แค่ Torque งั้นหรอ ???
ยาวไปหน่อย แต่รบกวนพี่ๆ ช่วยชี้แนะนำ และให้แนวคิด ข้อคิดซักหน่อยได้ไหมครับ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ