แบร์ลุสโคนิโม่: มินิ ซีรี่ส์ ( 1 )
- รุด กุลลิท -
...
ช่วงปี 1964 ลีกกัลโช่ได้เริ่มใช้กฏการแบนนักเตะต่างชาติสำหรับการเล่นในกัลโช่ทุกระดับ เนื่องจากผลงานที่ย่ำแย่ของทีมชาติอิตาลีในช่วงต้นทศวรรษ 60 ทั้งในฟุตบอลโลกและยูโร ก่อนจะเริ่มปลดล็อคกฏเหล็กดังกล่าวในอีก 20 ปีต่อมา
และการปลดล็อคครั้งนั้น ก็เป็นการเริ่มสร้างอาณาจักรของ "แบร์ลุสโคนิสโม่" และ "3 ทหารเสือดัตช์" ในเวลาเดียวกัน
...
"ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่" ก้าวเข้ามาบริหารทีมเอซี มิลานในช่วงต้นยุค 80 พร้อมกับภารกิจที่ต้องพยุงสถานะของสโมสรไม่ให้ล้มละลายเนื่องจากการตกชั้นในช่วงนั้น
ปี 1982 กัลโช่อนุญาตให้แต่ละทีมมีผู้เล่นต่างชาติได้ทีมละ 2 คน ( มิลานใช้งานคู่หูจากอังกฤษอย่าง 'มาร์ค เฮทลี่ย์' และ 'เรย์ วิลกิ้นส์' ) ก่อนจะเพิ่มเป็น 3 คนในปี 1988
ซึ่ง 3 ผู้เล่นนอกที่แบร์ลุสโคนี่ต้องการนำเข้ามายกระดับสโมสรล้วนมาจากในลีกฮอลแลนด์ทั้งสิ้น
"ผมเติบโตมาแบบอิสรเสรีในอัมสเตอร์ดัม มันทำให้คุณแข็งแกร่ง ไม่มีใครหยุดผมได้ ผมเป็นคนดื้อ? บางทีนะ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ผมแข็งแกร่ง"
นั่นคือบทสัมภาษณ์แรกของชายผู้มาเมืองมิลานด้วยแสงแฟลช เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากแฟนบอล และกัมปนาทของไซเรนจากรถตำรวจที่ต้องคุ้มกันเขาตลอดการเดินทางในวันแถลงข่าว
"รุด กุลลิท"
...
มกราคม 1987 ดาวเตะหัวเดดร็อคอยู่ในเมืองมิลานเพื่อเข้ารับการตรวจร่างกาย ในขณะที่พีเอสวีต้นสังกัดของกุลลิท โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่นักเตะอันเป็นกล่องดวงใจของพวกเขากำลังจะทิ้งพวกเขาไป
"ในตอนนั้นมียูเวนตุสอีกทีมที่เดินเรื่องขอซื้อตัวกุลลิท นั่นทำให้ผมต้องเบิ้ลค่าเหนื่อยเพิ่มให้กุลลิทมากกว่าตอนอยู่พีเอสวีถึง 3 เท่า เราเจรจากันนานหลายเดือนมาก จนในที่สุดดีลนี้ก็สำเร็จ พีเอสวีได้เงินก้อนโตไป พร้อมกับที่สื่ออิตาลีเรียกผมว่าเจ้าบุญทุ่ม และตั้งฉายาว่า 'แบร์ลุสโคนิโม่' "
แบร์ลุสโคนี่เล่าถึงมหากาพย์ของกุลลิทในตลาดซื้อขายอันลือลั่นนี้ ในขณะที่วันเปิดตัวกับสื่อยังต้องให้กัลเลียนี่ตามประกบติดกุลลิทในการสัมภาษณ์ เนื่องจากความเป็นคนตรงไปตรงมาจนหลายๆ ครั้งก็ทำเอาผู้บริหารของมิลานสะดุ้งโหยงเลย
"พวกเขา ( หมายถึงผู้บริหารของมิลาน ) บอกกับผมตอนคุยกันในฮอลแลนด์ว่า ที่นี่มีหนังสือพิมพ์กีฬา 3 ฉบับ และทุกฉบับก็เขียนแต่เรื่องไร้สาระ จริงอ๊ะเปล่า?" กุลลิทโพล่งมากลางงานเปิดตัวท่ามกลางนักข่าวและสื่อเต็มห้อง
ในขณะที่ครั้งนึงกุลลิทตอบนักข่าวที่ถามว่าจะเป็นอย่างไรหากมิลานไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรป
"นี่เป็นคำถามไร้สาระนะ คำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า 'ถ้า' "
"ถ้า ถ้า ถ้า เฮ้ย ถ้าแม่ของผมมีไอ้จ้อน ยังงั้นเธอก็คงเป็นพ่อผมน่ะสิ!"
นั่นล่ะฮะ "รุด กุลลิท"
( มีต่อครับ )
รำลึกความหลังกับแบร์ลุสโคนิโม่: อาณาจักรอันเกรียงไกรของมิลาน
- รุด กุลลิท -
...
ช่วงปี 1964 ลีกกัลโช่ได้เริ่มใช้กฏการแบนนักเตะต่างชาติสำหรับการเล่นในกัลโช่ทุกระดับ เนื่องจากผลงานที่ย่ำแย่ของทีมชาติอิตาลีในช่วงต้นทศวรรษ 60 ทั้งในฟุตบอลโลกและยูโร ก่อนจะเริ่มปลดล็อคกฏเหล็กดังกล่าวในอีก 20 ปีต่อมา
และการปลดล็อคครั้งนั้น ก็เป็นการเริ่มสร้างอาณาจักรของ "แบร์ลุสโคนิสโม่" และ "3 ทหารเสือดัตช์" ในเวลาเดียวกัน
...
"ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่" ก้าวเข้ามาบริหารทีมเอซี มิลานในช่วงต้นยุค 80 พร้อมกับภารกิจที่ต้องพยุงสถานะของสโมสรไม่ให้ล้มละลายเนื่องจากการตกชั้นในช่วงนั้น
ปี 1982 กัลโช่อนุญาตให้แต่ละทีมมีผู้เล่นต่างชาติได้ทีมละ 2 คน ( มิลานใช้งานคู่หูจากอังกฤษอย่าง 'มาร์ค เฮทลี่ย์' และ 'เรย์ วิลกิ้นส์' ) ก่อนจะเพิ่มเป็น 3 คนในปี 1988
ซึ่ง 3 ผู้เล่นนอกที่แบร์ลุสโคนี่ต้องการนำเข้ามายกระดับสโมสรล้วนมาจากในลีกฮอลแลนด์ทั้งสิ้น
"ผมเติบโตมาแบบอิสรเสรีในอัมสเตอร์ดัม มันทำให้คุณแข็งแกร่ง ไม่มีใครหยุดผมได้ ผมเป็นคนดื้อ? บางทีนะ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ผมแข็งแกร่ง"
นั่นคือบทสัมภาษณ์แรกของชายผู้มาเมืองมิลานด้วยแสงแฟลช เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากแฟนบอล และกัมปนาทของไซเรนจากรถตำรวจที่ต้องคุ้มกันเขาตลอดการเดินทางในวันแถลงข่าว
"รุด กุลลิท"
...
มกราคม 1987 ดาวเตะหัวเดดร็อคอยู่ในเมืองมิลานเพื่อเข้ารับการตรวจร่างกาย ในขณะที่พีเอสวีต้นสังกัดของกุลลิท โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่นักเตะอันเป็นกล่องดวงใจของพวกเขากำลังจะทิ้งพวกเขาไป
"ในตอนนั้นมียูเวนตุสอีกทีมที่เดินเรื่องขอซื้อตัวกุลลิท นั่นทำให้ผมต้องเบิ้ลค่าเหนื่อยเพิ่มให้กุลลิทมากกว่าตอนอยู่พีเอสวีถึง 3 เท่า เราเจรจากันนานหลายเดือนมาก จนในที่สุดดีลนี้ก็สำเร็จ พีเอสวีได้เงินก้อนโตไป พร้อมกับที่สื่ออิตาลีเรียกผมว่าเจ้าบุญทุ่ม และตั้งฉายาว่า 'แบร์ลุสโคนิโม่' "
แบร์ลุสโคนี่เล่าถึงมหากาพย์ของกุลลิทในตลาดซื้อขายอันลือลั่นนี้ ในขณะที่วันเปิดตัวกับสื่อยังต้องให้กัลเลียนี่ตามประกบติดกุลลิทในการสัมภาษณ์ เนื่องจากความเป็นคนตรงไปตรงมาจนหลายๆ ครั้งก็ทำเอาผู้บริหารของมิลานสะดุ้งโหยงเลย
"พวกเขา ( หมายถึงผู้บริหารของมิลาน ) บอกกับผมตอนคุยกันในฮอลแลนด์ว่า ที่นี่มีหนังสือพิมพ์กีฬา 3 ฉบับ และทุกฉบับก็เขียนแต่เรื่องไร้สาระ จริงอ๊ะเปล่า?" กุลลิทโพล่งมากลางงานเปิดตัวท่ามกลางนักข่าวและสื่อเต็มห้อง
ในขณะที่ครั้งนึงกุลลิทตอบนักข่าวที่ถามว่าจะเป็นอย่างไรหากมิลานไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรป
"นี่เป็นคำถามไร้สาระนะ คำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า 'ถ้า' "
"ถ้า ถ้า ถ้า เฮ้ย ถ้าแม่ของผมมีไอ้จ้อน ยังงั้นเธอก็คงเป็นพ่อผมน่ะสิ!"
นั่นล่ะฮะ "รุด กุลลิท"
( มีต่อครับ )