จากกระแสที่ดังอยู่ตอนนี้ เซอร์วิสชาร์จ หรือ ค่าบริการ ตามร้านต่าง ๆ
หลายๆคน (ส่วนมาก) คิดว่าไม่จ่ายได้คงดีกว่า (ใช่มั้ยคะ)
ในความเป็นจริงแล้ว ร้านทั่วไปมีอยู่ทั้ง 2 ประเภทค่ะ คือ..ร้านที่คิดและไม่คิดค่าบริการ
ร้านที่ไม่คิดค่าบริการ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ..ร้านที่เราเดินไปสั่ง จ่ายเงิน รับของยกไปนั่งทานเอง
ซึ่งจริง ๆ ต้องยกถาดที่เราทานเสร็จเอาเศษขยะ กล่องข้าวพลาสติกไปทิ้งเองในที่เค้าจัดไว้ให้ด้วยซ้ำ (แต่เห็นทิ้งไว้เกลื่อนร้านซะส่วนมาก)
หรือร้านที่คิดค่าบริการ แต่หากพนักงานบริการไม่ดี สกปรก มีสิ่งแปลกปลอม หรือไม่แจ้งว่ามีค่าบริการ
เราก็สามารถยกเว้นการจ่ายค่าบริการรวมถึงร้องเรียนได้ด้วยซ้ำ
เราจะเห็นกระทู้ประเภทนี้ผ่านตาอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
ส่วนร้านที่คิดค่าบริการ
ก็มีอยู่ทั่วไปนะคะโดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าโดยทางร้านจะระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในเมนูอยู่แล้วส่วนมาก
ว่า"รายการอาหารยังไม่รวมค่าบริการหรือค่าเซอร์วิสชาร์จ 10%"
และเรามีหน้าที่ต้องจ่ายตามที่ร้านระบุหากเข้าไปรับบริการ
ที่มาตั้งกระทู้วันนี้เพราะ..อยากให้คนที่ไม่เข้าใจประเด็นนี้ ไปทำความเข้าใจเสียใหม่
และเหมือนคนที่ตั้งใจจะไม่จ่ายค่าบริการเยอะมากจริง ๆ จากประสบการณ์ตรงวันนี้เลยค่ะ
ไปทานอาหารร้านญี่ปุ่นในห้างแถบชานเมือง และในเมนูระบุไว้ชัดเจนถึงค่าบริการดังกล่าว
แต่..มีมนุษย์ป้าท่านนึง โวยวายไม่จ่ายค่าบริการเพราะบอกว่ามีสิทธิ์ไม่จ่ายค่ะ
และเวลาไล่เรี่ยกัน อีก 2 โต๊ะก็ขอไม่จ่ายดั่งเช่นโต๊ะมนุษย์ป้าท่านนั้นด้วย
เป็นเรื่องที่สะท้อนใจมาก ๆ หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า..เซอร์วิสชาร์จคืออะไร
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนเบี้ยขยัน หากพนักงานให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนรายได้เพิ่มเติมอีกน้อยนิดจากเงินเดือนตามค่าแรงขั้นต่ำ ให้มีกำลังใจทำงาน
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนเงินส่วนต่างเวลาเข้ากะแล้วเลิกดึก รถเมล์หมด ต้องโบกแท็กซี่เข้าเมืองไปต่อรถเมล์ (โดยเฉพาะห้างชานเมือง)
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนเงินก้นถุง ที่เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ค่าเทอมลูก ค่าหมอลูก เพราะประกันสังคมไม่ได้ครอบคลุมไปถึงลูกยามป่วยไข้
ค่าบริการ 10% ที่คุณจ่าย คือ 10 บาท จากยอด 100 บาท แล้วนำมาหารกับพนักงานทั้งร้านเป็น 10 คน
และเจ้าของร้านเค้าไม่ได้มามีรายได้จากการบริการตรงนี้เลย ซึ่งเราไม่จ่ายค่าบริการเจ้าของร้านก็ไม่เดือดร้อน !!!!
เชื่อเถอะค่ะ ถ้าเลือกได้ มีโอกาสเรียนสูง ๆ พนักงานเหล่านั้นก็คงอยากทำงานออฟฟิศ เงินเดือนดี ๆ นั่งห้องแอร์เย็น ๆ
ไม่ต้องมาแบกของหนัก ไม่ต้องยืนเรียกลูกค้าหน้าร้านเป็นชั่วโมง ไม่ต้องตัวเหม็นคาวแล่เนื้อปลาทั้งวัน
พนักงานดี ๆ ที่เต็มใจทำงาน บริการเราเป็นอย่างดีมีอยู่อีกเยอะนะคะ
แต่ถ้าไม่อยากเสียค่าบริการให้กับพนักงานจริง ๆ ก็เลือกร้านที่เค้าให้บริการตนเอง
หรือร้านริมทางทั่วไปที่เค้าไม่เก็บค่าบริการดีกว่า สบายใจกว่ากันมากค่ะ ^^
**ขออนุญาตออกตัวก่อนนะคะ จขกท.เป็นเจ้าของบริษัท แต่เห็นใจคนทำงานบริการมากๆ ค่ะ
http://news.mthai.com/hot-news/social-news/520909.html
มีแก้ไขคำผิดค่ะ
เซอร์วิสชาร์จ..ไม่ต้องจ่ายจริงหรือ ???
หลายๆคน (ส่วนมาก) คิดว่าไม่จ่ายได้คงดีกว่า (ใช่มั้ยคะ)
ในความเป็นจริงแล้ว ร้านทั่วไปมีอยู่ทั้ง 2 ประเภทค่ะ คือ..ร้านที่คิดและไม่คิดค่าบริการ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ..ร้านที่เราเดินไปสั่ง จ่ายเงิน รับของยกไปนั่งทานเอง
ซึ่งจริง ๆ ต้องยกถาดที่เราทานเสร็จเอาเศษขยะ กล่องข้าวพลาสติกไปทิ้งเองในที่เค้าจัดไว้ให้ด้วยซ้ำ (แต่เห็นทิ้งไว้เกลื่อนร้านซะส่วนมาก)
เราก็สามารถยกเว้นการจ่ายค่าบริการรวมถึงร้องเรียนได้ด้วยซ้ำ
เราจะเห็นกระทู้ประเภทนี้ผ่านตาอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
ก็มีอยู่ทั่วไปนะคะโดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าโดยทางร้านจะระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในเมนูอยู่แล้วส่วนมาก
ว่า"รายการอาหารยังไม่รวมค่าบริการหรือค่าเซอร์วิสชาร์จ 10%"
และเรามีหน้าที่ต้องจ่ายตามที่ร้านระบุหากเข้าไปรับบริการ
ที่มาตั้งกระทู้วันนี้เพราะ..อยากให้คนที่ไม่เข้าใจประเด็นนี้ ไปทำความเข้าใจเสียใหม่
และเหมือนคนที่ตั้งใจจะไม่จ่ายค่าบริการเยอะมากจริง ๆ จากประสบการณ์ตรงวันนี้เลยค่ะ
ไปทานอาหารร้านญี่ปุ่นในห้างแถบชานเมือง และในเมนูระบุไว้ชัดเจนถึงค่าบริการดังกล่าว
แต่..มีมนุษย์ป้าท่านนึง โวยวายไม่จ่ายค่าบริการเพราะบอกว่ามีสิทธิ์ไม่จ่ายค่ะ
และเวลาไล่เรี่ยกัน อีก 2 โต๊ะก็ขอไม่จ่ายดั่งเช่นโต๊ะมนุษย์ป้าท่านนั้นด้วย
เป็นเรื่องที่สะท้อนใจมาก ๆ หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า..เซอร์วิสชาร์จคืออะไร
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนเบี้ยขยัน หากพนักงานให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนรายได้เพิ่มเติมอีกน้อยนิดจากเงินเดือนตามค่าแรงขั้นต่ำ ให้มีกำลังใจทำงาน
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนเงินส่วนต่างเวลาเข้ากะแล้วเลิกดึก รถเมล์หมด ต้องโบกแท็กซี่เข้าเมืองไปต่อรถเมล์ (โดยเฉพาะห้างชานเมือง)
เซอร์วิสชาร์จเปรียบเหมือนเงินก้นถุง ที่เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ค่าเทอมลูก ค่าหมอลูก เพราะประกันสังคมไม่ได้ครอบคลุมไปถึงลูกยามป่วยไข้
ค่าบริการ 10% ที่คุณจ่าย คือ 10 บาท จากยอด 100 บาท แล้วนำมาหารกับพนักงานทั้งร้านเป็น 10 คน
และเจ้าของร้านเค้าไม่ได้มามีรายได้จากการบริการตรงนี้เลย ซึ่งเราไม่จ่ายค่าบริการเจ้าของร้านก็ไม่เดือดร้อน !!!!
เชื่อเถอะค่ะ ถ้าเลือกได้ มีโอกาสเรียนสูง ๆ พนักงานเหล่านั้นก็คงอยากทำงานออฟฟิศ เงินเดือนดี ๆ นั่งห้องแอร์เย็น ๆ
ไม่ต้องมาแบกของหนัก ไม่ต้องยืนเรียกลูกค้าหน้าร้านเป็นชั่วโมง ไม่ต้องตัวเหม็นคาวแล่เนื้อปลาทั้งวัน
พนักงานดี ๆ ที่เต็มใจทำงาน บริการเราเป็นอย่างดีมีอยู่อีกเยอะนะคะ
แต่ถ้าไม่อยากเสียค่าบริการให้กับพนักงานจริง ๆ ก็เลือกร้านที่เค้าให้บริการตนเอง
หรือร้านริมทางทั่วไปที่เค้าไม่เก็บค่าบริการดีกว่า สบายใจกว่ากันมากค่ะ ^^
**ขออนุญาตออกตัวก่อนนะคะ จขกท.เป็นเจ้าของบริษัท แต่เห็นใจคนทำงานบริการมากๆ ค่ะ
http://news.mthai.com/hot-news/social-news/520909.html
มีแก้ไขคำผิดค่ะ