คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เราก็นั่งหลังกับแฟนเราตลอด ระหว่าง นั่งหลังรถ เราก็ได้คุยกับแม่ของ เดคิ เรื่อง ผญ เมื่อเช้า เราบอกลักษณะแม่ ไปหมดทุกอย่าง แม่บอกว่า เป็น กุมาร ที่บ้าน (- -* นึกในใจ มาทักทายกันทำไม)
จนขากลับ(หลังขนของเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน) ไม่ว่ายังไงก็นั่งหลัง แต่รอบนี้รถจัดเลียงด้วย ข้างหน้า มีแม่ มีพ่อ มีเดคิ มีจัยแอ้น ซึ่งที่นั่งหลังมันไม่พอสำหรับหลายคน เพราะมันมีของเลยต้องโอนไปข้างหน้า นั้นก็ตาม ข้างหลังก็ประกอบด้วย เรา แฟน น้องๆอีก 2 คน รถก็เดินทางไปเลื่อยๆ จนกระทั้ง ฝนเริ่มปอย รถก็ได้แวะปั้มข้างทาง ซึ่ง ตอนนั้นก็นะ แม่ได้พูดว่า
“เด็กๆ ลงไปนั่งข้างหน้า อั้ยสองแสบไปนั่งเบาะหน้ากับแม่ แล้วให้พวกพี่ๆ ไปนั่งในแคบ” เราเลยบอกว่า
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะแม่ ให้น้องเข้าไปนั่งเหอะ เดียวน้องไม่สบาย” ก็มีอั้ยแสบนึง บอกว่า “หนูจะอยู่กับพี่เขา”
เราเลยนึกขึ้นได้ “เอ้ยเรามีร่มอยู่นิ กางร่มเร็ว” ร่มมันบรรจุคน 3 คนไหว แต่ก็ต้องเสี่ยงเปียกกันคนละหน่อย
“หนู ไปนั่งหน้าเหอะ (หันไปหาแฟน) เองไปนั่งหน้าเหอะ หนูไม่เป็นไร หนูเลือกที่จะมาเอง เดียวเองป่วย ไปนะ”
“หึ เค้าไม่เป็นไรอยู่กับเองนี้แหละนะ”
สรุป รถก็ออกเดินทาง โดยมี เรากับแฟนนั่งอยู่ข้างหลัง
ทามกลางพายุ ฝนตกอย่างกระหน่ำ เปียก ม๊อกแม๊ก กว่าจะถึงบ้านก็ 100 km กว่าๆ เหลืออีก 4 อำเภอ
จุดแรกเหมือนเดิมที่รถจอด บ้านเดคิหลังที่ 2 ส่งแม่ ลง เราก็พูดแกล้งๆ ที่เล่นทีจริงเหมือนเดิม
“เห้ยนี้ เดคิ เรานั่งหลัง สองคน แถม เปียกฝน ลดหน่อยดิ”
“ไม่อ่ะคำไหนคำนั้นหวะ”
เลยหันไปทำหน้าหงอใส่แฟน ระหว่างทางกลับบ้าน จัยแอ้น เรากับแฟนก็คุยกันว่า
“เนี้ยเอง ตอนไปงานศรีนครินทร์ เค้าให้พวกมันไปฟรี ไม่เก็บค่าอะไรเลย แถมยังมีของกินตลอดทางด้วย พอฝนตกเค้าไล่พวกมันเข้าไปในรถ แล้วเค้าก็ออกไปนั่งหลังรถคนเดียว มันยังไม่คิดเลย”
“อื้มช่างเถอะเขาเป็นยังไงก็ช่างเขาเถอะ ต่อจากนี้ หนูจะไม่รักษาเค้าแล้วเช่นกัน เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาเหอะ เขาอยากหายก็ช่างเขาให้เขาไปรักษาตัวเอง”
(เดคิ เป็นโรคผิวหนัง น้ำเหลืองไม่ดี เกล็ดเลือดต่ำ แม่เราเป็น เภสัช และเรามี อ. เป็นหมอ ที่รักษาเกี่ยวกับโรคผิวหนังอยู่ เราก็เลย เอายากิน ยาทา ยาบำรุงเลือด (ซื้อส่วนตัว) มารักษาเค้า จนอาการเค้าเริ่มดีขึ้น)
“อื้มช่างมันเถอะ ปล่อยมัน”
จนถึงบ้านจัยแอ้น ขนของลงเสร็จ เราก็บอก โดบิจ่ายเงินเขาไปเลย แล้วเราก็พูดว่า เก็บ ก็เก็บให้มันเท่าๆกันนะเว้ย
เพราะใจแอ้นมันบอก ขอบคุณคับพ่อ
(ก่อนไป โดบิบอกว่า เดคิพูดไว้ว่า ค่ารถ 1,000 นึง หารกันให้ลงตัว ก่อนจะส่งข้อความมา ว่าคนละ 350 บาท (คือเราเป็นคนคิดเยอะ) แต่เราก็ไม่รู้เขาไปจ่ายเงินกันตอนไหน เอออาจจ่ายหรือไม่จ่ายก็ช่างเหอะ )
แล้วเดคิก็พูดออกมาว่า “เออ อั้ยแอ้นมันจ่ายกรูแล้วเว้ย”
พอกลับถึงบ้านได้ เราก็พิมข้อความไปตามนี้แหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือเราเป็นคนตรง จะตรงแบบควายๆยังไง ก็จะพูด
เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ไป วท กับ โดบิตะ ซึ่ง อยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มนึง โดบิตะทำหุ่นยนอยู่ ก็ลองหุ่นยนต์ ที่โรงงานกัน เราอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ 8.30 จนถึง เที่ยงเราถึงกลับบ้านกัน ประมาณ บ่ายหน่อยๆ มีเสียงโทรศัพท์เข้า แล้วโดบิก็ส่งโทรศัพท์มาให้เรา โดยที่เราถามว่า “ใคร” โดบิบอกแค่ว่า “มันจะคุยกับเอง”
“ฮัลโหล”
“มุงเป็น อะไร โพสด่ากรูหน้าเฟสอยู่นั้นแหละ ไหนไม่ไง ก็อย่ามาด่ามาแขวะกรูดิ”
“ไหนโพสหน้าเฟสกรูที่ด่ามุง”
“เพื่อนกรูที่เขาเป็นเพื่อนกับมุงอยู่ในเฟสเขาแคปมาให้กรูดู”
“หรอ มีชื่อมุงหรอ”
“ก็เค้าบอกว่ามุงด่ากรู”
“กรูจะด่าใครก็เรื่องของกรูป่ะเฟสกุป่ะ มีชื่อมุงป่ะ ? ร้อนตัวหรอ ?”
“กรูไม่ได้ร้อน แต่มุงไม่ต้องมาด่ากรูอย่างนี้ มุงจะด่าก็ด่ากรูเลย”
“เอองั้นกรูก็ด่ามุงเลย”
“เออด่ามาดิ”
“มุงมันเห็นแก่ตัว มุงมันไม่แมนหวะ มุงมันสันดาร มุงว่าแต่ผัวกรูมุงไม่ดูตัวเองบ้างวะ มุงมันก็เป็น”
“กรูไม่แมนตรงไหนๆ มุงพูด”
“เมื่อวาน น้องอั้ยเดคิมันจะเป็นลม มุงยังไม่ออกมานั่งข้างนอกเลย มุงยังไม่เสียสละเลย”
“สิทธิของกรูป่ะ กรูไม่อยากนั่งกับมุง”
“เออบ้านกรูมีกระโปรงไซค์มุงนะ จะใส่ก็บอกเดียวกรูให้ฟรี”
“มุงไม่ต้องมาเรื่องของกรู เรื่องของเพื่อนกรูด้วยจะ อะไรก็ตาม”
“เรื่องของมุงกรูไม่อยาก เรื่องของเพื่อนมุงกรูยังไม่อยากเลย ต่อจากนี้ก็ให้มันรักษาตัวเองแล้วกัน ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง รักกันนัก ทำไมมุงไม่ออกค่ายารักษาให้เพื่อนด้วยอ่ะ พันกว่าบาทจ่ายดิ จ่ายมา”
“อ้าวมุง ทำไมไม่ไปทวงมันมุงมาทวงกรูทำไม”
“ก็มุงรักกันนิ จ่ายกรูมาดิ”
“ต่อจากนี้ไม่ต้องมา ไรของกรู”
“มุงคิดว่ากรูอยากเรื่องของมุงหรอ ? กรูจะทำ ไร ไม่เห็นมี ไรให้กรู”
“เออกรูจบนะเข้าใจป่ะแล้วไม่ต้องมาอีก”
“จบแล้วไง กรูไม่ได้คนเริ่มป่ะ มุงอย่ามโน ที่มุงโทรมาด่ากรูเนี้ย เค้าก็ไม่ใช่ผู้ชายเค้าทำกันละอั้ยห่า”
“มุงไม่ต้องมาเรื่องของกรูอีก กรูจบแล้ว”
“กรู “ ตู๊ดๆ ๆ ๆ เสียงวางสายก็มา
เรื่องวันนั้นก็จบแบบนี้แหละ จบแบบดื้อๆ แต่มีเราก็โพสน่าเฟส แต่คือ เราโพสในเรื่องที่เราคุยกันกับเพื่อน กับน้อง
วันรุ่งขึ้น เราเห็น โพสรูปข้อความน่าวอล เดคิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และก็มี ผู้ไม่ประสงค์ออกนามส่งมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็เลยโพส ๆๆๆๆๆ โพสใหญ่เลย
แล้ว โดบิก็โพส (โพสโดนลบ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่บอกว่ากรูไม่ได้โกดไม่ได้เกียจอะไรมุงหลอกนะ มุงก็นิ่งๆไม่ต้องโพสอะไรทั้งนั้นแล้วมุงก็ลบโพสมุงสะ ทุกคนพร้อมให้อภัยมุงเสมอ)
โพสในทำนองว่า อะไรสักอย่าง แล้วตามด้วย แฮชแท็กที่ว่า #อ่อลืมๆกรูมันก็ไม่เคยมีเพื่อนอยู่แล้วนิ
จน ซึเนโอะ (ผุ้ที่ไม่ค่อยมีบท) ก็ออกมา
ตามโพสเลยค่ะ แต่อ่านแล้วโปรดใช่วิจารณญาณ เพราะ ข้อความ มันสอดคล้องกับสิ่งที่พิมจริงๆหรือเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ค่ะสรุปทั้งนี้ ก็ยังมีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ส่งข้อความมาให้อีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ทั้งนี้เรื่องจริงเวลาโดนบล็อกคือ จะไม่สามารถเห็นข้อความหรือเฟสอีกคนได้ จริงๆก็คือ เหมือนเฟสที่โดนบล็อกหรือเฟสเราจะไม่มีตัวตน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แฟนก็ไม่ได้พูดอะไรกับเรานะ จนกระทั้ง แฟนกำลังจะจอดรถที่โลตัส แล้วแฟนถาม เองเฟสเองได้บล็อกใครมั้ย
“บอกไม่แน่ใจอ่ะต้องเปิดดูก่อนอ่ะ เปิดไงไม่รู้บอกด้วย”
“มันบอกว่าเองบล็อกมันอ่ะ”
“ใครอ่ะ”
“อั้ยแอ้นอ่ะ”
“เองจะบ้าหรอ ถ้าบล็อกมันจะตอบเค้ากลับเร็วขนาดนั้นเลยหรอ คนบล็อกกัน จะไม่เห็นข้อความกัน เช่น เค้าพิมด่าเอง เองจะไม่เห็นเค้าพิมด่า แล้วจะไม่เห็นหน้าโปรไฟล์เค้า”
รถก็จอดจึก (ถึงที่หมายแล้ว)
เราก็เลยเอาโทรศัพท์ให้แฟนดู ผลปรากฏ แฟนตรวจสองอัน ตามรูปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วเราก็เห็นข้อความ ของ เดคิเด้ง .............. เราก็เลยเข้าไปดู ของจัยแอ้นด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นโดบิก็โพสขึ้นมาหนึ่ง โพส “ขอโทษ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
* สรุป ใครถูกใครผิดใครยังไง ? นี้ใช่หรือไม่นิสัยผู้ชาย ถ้าเป็นคุณ ๆ จะทำยังไง
เวลาเรียนของโดบิยังเหลืออีก 1 เทอม ที่ต้องพบป่ะกับพวกนี้
หลังจากเกิดเรื่อง 3 วัน เราเพิ่งรู้วันนี้ว่า เราโดน เดคิ ลบเพื่อน โดนซึเนโอะลบเพื่อน (ที่รู้เพราะต้องเข้าไปเอาข้อความมาโพสให้อ่านกัน)
ปล.1 ครีมอาบน้ำไม่ได้ติดใจอะไร แต่ รอบแรกไม่มีหารเลยใช่แต่ของเรา
ปล.2 นี้นิสัย ผู้ชายตัวจริงเค้าต้องทำอย่างนี้กันหรอ
ปล.3 ถ้าเรื่องผีมีอีกเยอะ เป็นคนมีเซนไว้มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ
เรื่องนี้ซีเรียส ขอความเห็นหน่อยค่ะ
จนขากลับ(หลังขนของเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน) ไม่ว่ายังไงก็นั่งหลัง แต่รอบนี้รถจัดเลียงด้วย ข้างหน้า มีแม่ มีพ่อ มีเดคิ มีจัยแอ้น ซึ่งที่นั่งหลังมันไม่พอสำหรับหลายคน เพราะมันมีของเลยต้องโอนไปข้างหน้า นั้นก็ตาม ข้างหลังก็ประกอบด้วย เรา แฟน น้องๆอีก 2 คน รถก็เดินทางไปเลื่อยๆ จนกระทั้ง ฝนเริ่มปอย รถก็ได้แวะปั้มข้างทาง ซึ่ง ตอนนั้นก็นะ แม่ได้พูดว่า
“เด็กๆ ลงไปนั่งข้างหน้า อั้ยสองแสบไปนั่งเบาะหน้ากับแม่ แล้วให้พวกพี่ๆ ไปนั่งในแคบ” เราเลยบอกว่า
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะแม่ ให้น้องเข้าไปนั่งเหอะ เดียวน้องไม่สบาย” ก็มีอั้ยแสบนึง บอกว่า “หนูจะอยู่กับพี่เขา”
เราเลยนึกขึ้นได้ “เอ้ยเรามีร่มอยู่นิ กางร่มเร็ว” ร่มมันบรรจุคน 3 คนไหว แต่ก็ต้องเสี่ยงเปียกกันคนละหน่อย
“หนู ไปนั่งหน้าเหอะ (หันไปหาแฟน) เองไปนั่งหน้าเหอะ หนูไม่เป็นไร หนูเลือกที่จะมาเอง เดียวเองป่วย ไปนะ”
“หึ เค้าไม่เป็นไรอยู่กับเองนี้แหละนะ”
สรุป รถก็ออกเดินทาง โดยมี เรากับแฟนนั่งอยู่ข้างหลัง
ทามกลางพายุ ฝนตกอย่างกระหน่ำ เปียก ม๊อกแม๊ก กว่าจะถึงบ้านก็ 100 km กว่าๆ เหลืออีก 4 อำเภอ
จุดแรกเหมือนเดิมที่รถจอด บ้านเดคิหลังที่ 2 ส่งแม่ ลง เราก็พูดแกล้งๆ ที่เล่นทีจริงเหมือนเดิม
“เห้ยนี้ เดคิ เรานั่งหลัง สองคน แถม เปียกฝน ลดหน่อยดิ”
“ไม่อ่ะคำไหนคำนั้นหวะ”
เลยหันไปทำหน้าหงอใส่แฟน ระหว่างทางกลับบ้าน จัยแอ้น เรากับแฟนก็คุยกันว่า
“เนี้ยเอง ตอนไปงานศรีนครินทร์ เค้าให้พวกมันไปฟรี ไม่เก็บค่าอะไรเลย แถมยังมีของกินตลอดทางด้วย พอฝนตกเค้าไล่พวกมันเข้าไปในรถ แล้วเค้าก็ออกไปนั่งหลังรถคนเดียว มันยังไม่คิดเลย”
“อื้มช่างเถอะเขาเป็นยังไงก็ช่างเขาเถอะ ต่อจากนี้ หนูจะไม่รักษาเค้าแล้วเช่นกัน เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาเหอะ เขาอยากหายก็ช่างเขาให้เขาไปรักษาตัวเอง”
(เดคิ เป็นโรคผิวหนัง น้ำเหลืองไม่ดี เกล็ดเลือดต่ำ แม่เราเป็น เภสัช และเรามี อ. เป็นหมอ ที่รักษาเกี่ยวกับโรคผิวหนังอยู่ เราก็เลย เอายากิน ยาทา ยาบำรุงเลือด (ซื้อส่วนตัว) มารักษาเค้า จนอาการเค้าเริ่มดีขึ้น)
“อื้มช่างมันเถอะ ปล่อยมัน”
จนถึงบ้านจัยแอ้น ขนของลงเสร็จ เราก็บอก โดบิจ่ายเงินเขาไปเลย แล้วเราก็พูดว่า เก็บ ก็เก็บให้มันเท่าๆกันนะเว้ย
เพราะใจแอ้นมันบอก ขอบคุณคับพ่อ
(ก่อนไป โดบิบอกว่า เดคิพูดไว้ว่า ค่ารถ 1,000 นึง หารกันให้ลงตัว ก่อนจะส่งข้อความมา ว่าคนละ 350 บาท (คือเราเป็นคนคิดเยอะ) แต่เราก็ไม่รู้เขาไปจ่ายเงินกันตอนไหน เอออาจจ่ายหรือไม่จ่ายก็ช่างเหอะ )
แล้วเดคิก็พูดออกมาว่า “เออ อั้ยแอ้นมันจ่ายกรูแล้วเว้ย”
พอกลับถึงบ้านได้ เราก็พิมข้อความไปตามนี้แหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือเราเป็นคนตรง จะตรงแบบควายๆยังไง ก็จะพูด
เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ไป วท กับ โดบิตะ ซึ่ง อยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มนึง โดบิตะทำหุ่นยนอยู่ ก็ลองหุ่นยนต์ ที่โรงงานกัน เราอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ 8.30 จนถึง เที่ยงเราถึงกลับบ้านกัน ประมาณ บ่ายหน่อยๆ มีเสียงโทรศัพท์เข้า แล้วโดบิก็ส่งโทรศัพท์มาให้เรา โดยที่เราถามว่า “ใคร” โดบิบอกแค่ว่า “มันจะคุยกับเอง”
“ฮัลโหล”
“มุงเป็น อะไร โพสด่ากรูหน้าเฟสอยู่นั้นแหละ ไหนไม่ไง ก็อย่ามาด่ามาแขวะกรูดิ”
“ไหนโพสหน้าเฟสกรูที่ด่ามุง”
“เพื่อนกรูที่เขาเป็นเพื่อนกับมุงอยู่ในเฟสเขาแคปมาให้กรูดู”
“หรอ มีชื่อมุงหรอ”
“ก็เค้าบอกว่ามุงด่ากรู”
“กรูจะด่าใครก็เรื่องของกรูป่ะเฟสกุป่ะ มีชื่อมุงป่ะ ? ร้อนตัวหรอ ?”
“กรูไม่ได้ร้อน แต่มุงไม่ต้องมาด่ากรูอย่างนี้ มุงจะด่าก็ด่ากรูเลย”
“เอองั้นกรูก็ด่ามุงเลย”
“เออด่ามาดิ”
“มุงมันเห็นแก่ตัว มุงมันไม่แมนหวะ มุงมันสันดาร มุงว่าแต่ผัวกรูมุงไม่ดูตัวเองบ้างวะ มุงมันก็เป็น”
“กรูไม่แมนตรงไหนๆ มุงพูด”
“เมื่อวาน น้องอั้ยเดคิมันจะเป็นลม มุงยังไม่ออกมานั่งข้างนอกเลย มุงยังไม่เสียสละเลย”
“สิทธิของกรูป่ะ กรูไม่อยากนั่งกับมุง”
“เออบ้านกรูมีกระโปรงไซค์มุงนะ จะใส่ก็บอกเดียวกรูให้ฟรี”
“มุงไม่ต้องมาเรื่องของกรู เรื่องของเพื่อนกรูด้วยจะ อะไรก็ตาม”
“เรื่องของมุงกรูไม่อยาก เรื่องของเพื่อนมุงกรูยังไม่อยากเลย ต่อจากนี้ก็ให้มันรักษาตัวเองแล้วกัน ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง รักกันนัก ทำไมมุงไม่ออกค่ายารักษาให้เพื่อนด้วยอ่ะ พันกว่าบาทจ่ายดิ จ่ายมา”
“อ้าวมุง ทำไมไม่ไปทวงมันมุงมาทวงกรูทำไม”
“ก็มุงรักกันนิ จ่ายกรูมาดิ”
“ต่อจากนี้ไม่ต้องมา ไรของกรู”
“มุงคิดว่ากรูอยากเรื่องของมุงหรอ ? กรูจะทำ ไร ไม่เห็นมี ไรให้กรู”
“เออกรูจบนะเข้าใจป่ะแล้วไม่ต้องมาอีก”
“จบแล้วไง กรูไม่ได้คนเริ่มป่ะ มุงอย่ามโน ที่มุงโทรมาด่ากรูเนี้ย เค้าก็ไม่ใช่ผู้ชายเค้าทำกันละอั้ยห่า”
“มุงไม่ต้องมาเรื่องของกรูอีก กรูจบแล้ว”
“กรู “ ตู๊ดๆ ๆ ๆ เสียงวางสายก็มา
เรื่องวันนั้นก็จบแบบนี้แหละ จบแบบดื้อๆ แต่มีเราก็โพสน่าเฟส แต่คือ เราโพสในเรื่องที่เราคุยกันกับเพื่อน กับน้อง
วันรุ่งขึ้น เราเห็น โพสรูปข้อความน่าวอล เดคิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และก็มี ผู้ไม่ประสงค์ออกนามส่งมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็เลยโพส ๆๆๆๆๆ โพสใหญ่เลย
แล้ว โดบิก็โพส (โพสโดนลบ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่บอกว่ากรูไม่ได้โกดไม่ได้เกียจอะไรมุงหลอกนะ มุงก็นิ่งๆไม่ต้องโพสอะไรทั้งนั้นแล้วมุงก็ลบโพสมุงสะ ทุกคนพร้อมให้อภัยมุงเสมอ)
โพสในทำนองว่า อะไรสักอย่าง แล้วตามด้วย แฮชแท็กที่ว่า #อ่อลืมๆกรูมันก็ไม่เคยมีเพื่อนอยู่แล้วนิ
จน ซึเนโอะ (ผุ้ที่ไม่ค่อยมีบท) ก็ออกมา
ตามโพสเลยค่ะ แต่อ่านแล้วโปรดใช่วิจารณญาณ เพราะ ข้อความ มันสอดคล้องกับสิ่งที่พิมจริงๆหรือเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ค่ะสรุปทั้งนี้ ก็ยังมีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ส่งข้อความมาให้อีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ทั้งนี้เรื่องจริงเวลาโดนบล็อกคือ จะไม่สามารถเห็นข้อความหรือเฟสอีกคนได้ จริงๆก็คือ เหมือนเฟสที่โดนบล็อกหรือเฟสเราจะไม่มีตัวตน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แฟนก็ไม่ได้พูดอะไรกับเรานะ จนกระทั้ง แฟนกำลังจะจอดรถที่โลตัส แล้วแฟนถาม เองเฟสเองได้บล็อกใครมั้ย
“บอกไม่แน่ใจอ่ะต้องเปิดดูก่อนอ่ะ เปิดไงไม่รู้บอกด้วย”
“มันบอกว่าเองบล็อกมันอ่ะ”
“ใครอ่ะ”
“อั้ยแอ้นอ่ะ”
“เองจะบ้าหรอ ถ้าบล็อกมันจะตอบเค้ากลับเร็วขนาดนั้นเลยหรอ คนบล็อกกัน จะไม่เห็นข้อความกัน เช่น เค้าพิมด่าเอง เองจะไม่เห็นเค้าพิมด่า แล้วจะไม่เห็นหน้าโปรไฟล์เค้า”
รถก็จอดจึก (ถึงที่หมายแล้ว)
เราก็เลยเอาโทรศัพท์ให้แฟนดู ผลปรากฏ แฟนตรวจสองอัน ตามรูปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วเราก็เห็นข้อความ ของ เดคิเด้ง .............. เราก็เลยเข้าไปดู ของจัยแอ้นด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นโดบิก็โพสขึ้นมาหนึ่ง โพส “ขอโทษ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
* สรุป ใครถูกใครผิดใครยังไง ? นี้ใช่หรือไม่นิสัยผู้ชาย ถ้าเป็นคุณ ๆ จะทำยังไง
เวลาเรียนของโดบิยังเหลืออีก 1 เทอม ที่ต้องพบป่ะกับพวกนี้
หลังจากเกิดเรื่อง 3 วัน เราเพิ่งรู้วันนี้ว่า เราโดน เดคิ ลบเพื่อน โดนซึเนโอะลบเพื่อน (ที่รู้เพราะต้องเข้าไปเอาข้อความมาโพสให้อ่านกัน)
ปล.1 ครีมอาบน้ำไม่ได้ติดใจอะไร แต่ รอบแรกไม่มีหารเลยใช่แต่ของเรา
ปล.2 นี้นิสัย ผู้ชายตัวจริงเค้าต้องทำอย่างนี้กันหรอ
ปล.3 ถ้าเรื่องผีมีอีกเยอะ เป็นคนมีเซนไว้มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ
เรื่องนี้ซีเรียส ขอความเห็นหน่อยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้คุณจะทำยังไง
หมายเหตุก่อนอ่าน
1. ข้อความทุกข้อความคือความจริง บิดเบือนแค่ชื่อ
2. แฟนเราจะผิดหรือจะถูก ตัวเราเองจะเป็นคนที่ด่าแฟนก่อนที่จะถามความจริง
3. เรารู้ว่าคำว่า “เพื่อน” เป็นไง เราไม่เคยยุยงสงเสริมให้แฟนเลิกยุ้งกับเพื่อน
เริ่มเรื่อง
เราเอง(ขอใช้นามสมมุติว่า ชิสุกะ มาทั้งเรื่องยกเว้นโดเรม่อนกับของวิเศษ) เป็นแฟนกับโดบิตะ โดบิตะก็เรียนอยู่ในชั้นการศึกษาระดับนึง ซึ่งกำลังจะจบ ในช่างนั้น โดบิตะต้องออกไปฝึกงาน แต่ไม่ใช่ในจังหวัดของตนเอง เพราะในจังหวัดของตัวเองไม่มีที่จะให้ฝึกงานที่เกียวกับสาขาช่างที่ตัวเองเรียนมา
โดบิตะก็มีเพื่อนสนิทเป็น จัยแอ็น ซึเนโอะ เดคิซึงิ (เอาแค่ตัวละครหลักที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วกันค่ะ จริงๆเพื่อนในกลุ่มมีประมาณ 5-7คน) ซึ่ง โดบิ ก็ไปฝึกงานกับพวกที่เอ่ยชื่อมา ที่จังหวัด ๆ หนึ่ง เราเองก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันกับพวกนี้ ก่อนไปฝึกงาน เราจึง พิมข้อความว่า ฝากดูโดบิด้วยนะ ว่า จะไปยุ้งกับใครมั้ย จะมีคนอื่นมั้ย (พอดีแฟนก่อนคบกันเคยมีนิสัยชอบเที่ยวกลางคืน แต่พอมาอยู่กับเรา เค้าไม่เคยนะ เพราะเราไม่เคยเข้าผับ หรือเที่ยวกลางคืนเลย)
คนแรกที่ให้ดู คือ เดคิ เดคิ บอกว่า “เออ ๆ เดียวกรูดูให้มันจะไปมีใคร มันก็อยู่กับพวกกรูนี้แหละ”
คนที่สองให้ จัยแอ็น “เออๆ ค่าให้ดู เลี้ยงเบียร์ด้วย” เราก็เลยทำหน้าทำตาเหมือนไม่ค่อยพอใจอ่า แต่คือเราก็ไม่ได้จิงจังนะเราขี้เล่นแต่เราไม่ได้หันไปให้ ซึเนโอะดูอ่ะ เพราะตอนนั้นเขาทำหน้าเครียดๆอยู่ และ เราก็ไม่ค่อยสนิทกับซึเดโอะสักเท่าไหร่
เรื่องทุกอย่างก็ไปได้ดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรากับโดบิตะคุยกันทุกวัน คบกัน 7 เดือน อยู่บ้านเดียวกัน คนมันเคยอยู่ด้วยกัน แล้วมันหายไป ก็มีบ้างที่ โทรคาสายไว้แล้วหลับไป แต่เราเป็นคนที่ ชอบสะดุ้งตื่น ตอน ตี 2 ตี 3 แล้วเราจะกดวางสาย(อ้าวแล้วตอนไม่ได้วางสายทำอะไรหละ เราเองจะนอนหลังโดบิตะเสมอ(คือติดเกมส์)ไม่นั่งเล่นเกมส์ก็จะนั่งแชทนอนแชทอยู่อย่างนั้นแหละ แต่ แต่ไว้เลยนะ ใครคุยอะไรกันเราก็ไม่เคยสนใจเลย จะมีสนอยู่บ้าง โผล่มาประมาณ 2-3 ที ในทำนองว่าเรานอนคุยแชทอยู่กับเพื่อนงี้ แล้วเราใส่หูฟัง ระหว่างใส่หูฟังมันก็ได้ยินเสียรอบๆที่พวกเขาคุยกัน เราก็แบบว่าแทรกอ่ะ ในความกวนตีนของเรา ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเรามาไม่บ่อย (ในทำนองว่าเข้ามาฟังพวกเขาคุยกันไม่บ่อย))ตลอดเวลาการฝึกงานมันก็ผ่านไปด้วยดีเวลาเราโทรหาโดบิ แล้วโดบิไม่รับเราจะโทรหาจัยแอ็นหรือเดคิ เราจะโทร 2 สาย ถ้าใน 2 สายนี้เขาไม่รับคือ ทุกคนคงไม่ว่าง
ในระหว่างที่ฝึกงาน (เวลาเลิกงาน แต่อยู่หอ) โดบิก็จะใช้ ไอดีสตรูม เราไปเล่น จนวันนึงเราชักสงสัย เอ๊ะ คุยกับเราไป จะเล่น ดายบายเดย์ไลน์ ได้ยังไง เราก็เลยถามใครเล่น โดบิก็บอก จัยแอ็นเล่น เราก็เลยบอก “แหม่ เล่นไม่ขอกันเลยนะ ไหนเปิดโฟนดิ๊ ” แล้วโดบิก็เปิดโฟน เราเลยตะโกนว่า “โอ้โหเล่นของเขาอ่ะของเค้ารึยัง”
ปลายสายตอบว่า “ต้องขอด้วยหรอวะ นี้กรูดูแลผัวให้มุงอยู่นะ ตอบแทนกันบ้างดิ”
“เห้ย ขอกันหน่อยก็ยังดีนะเว้ยมันเป็นมารยาท”
“เออก็ได้ งั้นกรูขอเล่นหน่อย”
“มุงพูดดีๆไม่เป็นหรือไง”
“เอ้า ก็กรูขอเล่นหน่อยไง กรูขอมุงแล้วเนี้ย”
“พูดดีๆดิ ขอยืมของเขาพูดงี้หรอ ต้องพูดว่า ขอเล่นหน่อยคับดิ”
“ขอเล่นหน่อยคับ”
“ค่ะ” คือเราเป็นคนขี้เล่นอ่ะ เหมือนกวนตีนเขาไปทั่วอ่ะ
เวลาก็ผ่านไป คนมันไกลกัน มันก็ต้องมีทะเราะกันบ้างอะไรกันบ้าง ถึงเราจะทะเราะหนักมากแค่ไหน เราก็ยังหันกลับมาคุยกันปกติ และที่สำคัญลืมไม่ได้เลยคือการ ขอบคุณ เหตุการณ์วันนั้นเราทะเราะกันหนักมากมากถึงมากที่สุด
เรื่องมันก็คือ จัยแอ้นเปิดเพลงเสียงดังมาก แล้วมันเข้าโทรศัพท์แสบแก้วหู
ทางโดบิเองก็เหมือนยอมเพื่อนอ่ะ จนทะเราะกัน แต่แล้วเรื่องก็ผ่านไปในวันรุ่งขึ้น พอเลิกงานก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม
ระหว่างคุยกัน เสียงจัยแอ้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เห้ยมุงจะคุยเฮียไรกันนักหนาคนจะหลับจะนอน เข้าใจมั้ย คุยแล้วก็ไม่วางสายคาสายไว้มุงรู้มั้ยว่าสมองมันเสื่อม บลาๆๆๆๆๆๆๆ”
เราก็เลยคุยกับโดบิว่า “ทีเรื่องแม้งควรเผือกไม่เผือกที่เรื่องไม่ควรเผือก ๆ จัง “ เรายิ่งเครียดๆอยู่เราก็อยากได้คนรักมาคอยปลอบใจหรือแบบว่า อะไรก็ได้ให้เราสบายใจ แค่นั้นแหละ
เราจึงส่งข้อความนี้ไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราพูดเลย คือเราเป็นคนที่ ถ้าเราโมโห เราไม่ชอบเราก็พูด แต่ใจคือ เราพูดจบแล้วก็คือจบนะ เราไม่ได้คิดอะไร (เดี๊ยวมีบทตรงนี้ต่อตอนท้าย)
เรื่องราวมันก็ผ่านไป โดยที่เราก็ไม่ได้สนใจอะไร นานเข้า นานเข้า ก็ใกล้จะสิ้นสุดการฝึกงาน มีคืนนึงเราเล่นเกมส์อยู่คุยกับแฟนปกติ ในขณะนั้นแฟนก็หลับไปแล้ว เราก็ยังคาสายไว้อยู่ ก็เป็น ชม หรือ ครึ่ง ชม นี้แหละ ที่เรายังไม่ได้วาง แล้วเราเปิดโฟนไว้ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“เห้ย แล้ววันนี้มันเป็นไงบ้างวะ”
“มันก็ดีขึ้น มีงานอะไรก็ช่วยบ้าง”
“กรูนึกว่ามันยังเห็นแก่ตัวแล้วทำตัวอย่างเดิมอยู่”
“ก็ดีขึ้นมาแล้วนิดหน่อย”
(เราพยายามฟังแล้วแต่ปะติดปะต่อได้แค่นี้)
เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็เลยคุยกับเดคิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก็ได้ความตามนี้ แล้วเราก็ตรงเลยจ้า ไม่ได้บงไม่ได้บอกโดบิ ยังไงอ่ะ ใส่นางก่อนเลย
“ เองอยู่กับเพื่อน ว่างงานก็ช่วยเพื่อนบ้างอะไรบ้าง เราไม่ชอบให้ใครมาว่าเองหรือยังไงนะ ”
“ เองเค้าก็ทำงานเองนะ เค้าทำงานเค้ายังไม่มีเวลาว่างเลยอ่ะ”
ก็ไม่ได้อะไรเรื่องวันนั้นก็จบไป ด้วยความที่เราก็ไม่ได้รับฟังความข้างเดียว แล้วก็ไม่เข้าข้างแฟน เพราะจากนั้นเราก็ยังพูดกับแฟนเวลาโทรไป หรือยังไงเราก็ถามเสมอว่า วันนี้งานเป็นไงบ้าง ยุ้งมั้ย ว่างบ้างป่าว หนักมั้ย เหนื่อยมั้ย แล้วได้ช่วยเพื่อนบ้างมั้ย
อาทิตย์สุดท้ายก่อนฝึกงานเสร็จ
เราเห็นน่าเฟส ซึเนโอะ อัพสเตตัส พร้อมกันกับ เดคิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็เลยถามเดคิไปว่า โดบิมันทำอะไรอีก เดคิก็ตอบตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็วนมาอีหลูบเดิม
“เอง ไปทะเราะอะไรกันอีก”
“ไม่รู้พวกแม้ง”
“เองไม่ช่วยงานเค้าหรือเปล่า”
“เอ็ง!! (ขึ้นเสียงนิดหน่อย) เค้าทำงานเค้า ๆ ยังจะมีเวลาไปช่วยใครเลย ต่างคนก็ต่างทำงาน”
“อื้อๆ กินข้าวด้วยแล้วกัน พักแล้วก็โทรหานะ ทำงานไปเหอะ”
จบเรื่องของวันนั้น
ตกดึก เราโทรหา จัยแอ้น นึกคึกไรไม่รู้ คือ ตอนที่ทะเราะกับ โดบิ แล้วโทรไป สายมันตัดไวไป แบบมันสงสัย
ผลปรากฏ อ้าวววววววว กรูโดนบล็อกเบอร์หรือเปล่าวะ เลยโทรหาเดคิ เพราะโทรหาโดบิไม่รับสาย
“ฮัลโหล โดบิทำไรอยู่อ่ะ”
“มันอาบน้ำ”
“อื้อๆ ขอบใจ ขอสายไอ้แอ้นหน่อยดิ”
“อ่ะ มันขอสายมุงอ่ะ”
“ใครวะ”
“เมียอั้ยบิ”
“ฮัลโหล มุงบล็อกเบอกรูหรอ ?”
“เออ ทำไมอ่ะ”
“เพราะเรื่องวันนั้นหรอ ?”
“ก็กรูเผือกไม่ใช่หรอ”
“นี้! กรูพูดกรูบอกจบ กรูไม่ได้คิดไรคือไม่ได้คิดไรดิ มุงจะเก็บมาคิดทำไม มุงจะคิดหรืออะไรก็แล้วแต่ของมุงเหอะ กรูไม่ได้โกรธไม่ได้เกียจอะไรมุงเลยนะเว้ย”
ตู๊ดๆๆๆ
เราก็เลยคุยกับโนบิ
“เอง รู้ป่าวอั้ยแอ้นมันบล็อกเบอร์เค้า”
“รู้แล้ว”
“อ้าว รู้ได้ไงอ่ะ”
“ก็เองบอกเค้าอยู่นี้ไงอ่ะ”
ก็คุยกันตามปกติ จนโดบิหลับไป.... เราก็เลยไปพิมพ์แชทคุยกันกับ เดคิ
สรุปข้อความที่คุยกับเดคิว่าเราเล่นแรงไปหรอที่ไปด่าแอ้นอย่างนั้น เดคิก็บอกว่ามันก็เป็นอย่างนั้น
ส่วนเราเองก็ไม่มีความที่จะให้ความเป็นส่วนตัวพวกเขาเลย(แอบไปได้ยินเค้านินทาผัวตัวเองไง)
แล้วก็เดคิบอกว่า วันนั้นโดบิส่งทอสับให้ดู ทุกคนตกใจที่มีแต่เบอร์เรา (จริงๆจะให้เป็นเบอร์ใครก็โดบิมีแค่เรา)
แต่โดบิบอกว่า วันนั้นเดคิยื้มโทรศัพท์ไปโทรหาพี่ที่ทำงานแล้วมันเห็นเอง (อ้าวใครพูดความจริง เหอะๆ)
สรุปเรื่อง ตรงที่ฝึกงานก็จบแบบนี้แหละ แล้วเราก็เพิ่งรู้ว่า จัยแอ้นลบเพื่อนเราไป
วันแรกของการสิ้นสุดการฝึกงาน ทุกคนกลับมากันหมด โดยที่ เหลือของไว้ที่ห้องที่ฝึกงาน
เลยเป็นอีกวันที่จะต้องขึ้นไปเอา เราได้คุยกับเดคิว่า จะไปด้วย แต่เดคิบอกรถเต็ม (ดูตามรูปแล้วกัน)
เราจึงคุยกันกับแฟนว่า เอางี้นะ เดียวเค้ากับเองออกคนละครึ่งเน๊อะ เดียวเค้านั่งหลังพอ ไม่เป็นไรอ่ะ เองนั่งหน้าก็ได้เพื่อเองเมารถ เดียวบอกเดคิก่อนว่าจะไปด้วย (แต่เหมือนจะลืม)
ก่อนถึงที่นัดหมาย
เดคิโทรมา
“ฮัลโหล ว่าไง”
“เออ ตื่นกันยัง”
“อื้อโดบิอาบน้ำอยู่ ไปด้วยคนนะนั่งหลังก็ได้”
“ร้อนนะกรูบอกเลย”
“อื้อไม่เป็นไร”
“เจอกันบ้านจัยแอ้น”
ก็สรุปเหมือนเดิมว่าเดียวเราช่วย โดบิออก
ถึงเวลานัดหมาย เราก็ไปรอที่หน้าบ้าน จัยแอ้น(ไม่ได้เข้าไปในบ้านนะรอหน้าบ้าน) พอรถมา เดคิเปิดกระจกรถ เราก็ยิ้มๆ แล้วก็เห็นเด็ก ผญ ใน รถผมบ็อบสั้นๆ จะเง้อหน้ามาจากเบาะรถข้างๆคนขับ มายิ้มให้เราๆก็ยิ้มกลับ (แอบนึกในใจน้องมันป่ะวะ แล้วจะพูดไงวะ (เรื่องก่อนหน้านี้น้องมันบอกว่าอยากเล่นเม่นเราก็เลยบอกเดียวเอามาให้เล่น) ก็เลยยิ้มกลับไปแค่นั้นแหละ) เราก็เริ่มขึ้นไปนั่งข้างหลัง แล้วก็สวัสดี พ่อของเดคิ พอคนครบ รถก็ออก คนที่นั่งหน้าก็มี (จัยแอ้น พ่อ เด็ก และเดคิ) จุดแรกที่ไป คือไปบ้านหลังแรกของ เดคิ ห่างจากบ้าน จัยแอ้น 15 km. คือไปทำไรกันก็ไม่รู้อ่ะ แต่ประตูรถฝั่งคนขับก็เปิด (เดคิขับ) แล้วก็พูดขึ้นว่า
“เห้ยมุง (พูดกับเรา) คิดไงจะไปด้วยร้อนนะ”
“อื้อ อยากอยู่กับแฟน”
“ค่ารถคิดเป็นหัวนะ ไม่ได้หาร 2”
(อ้าวเฮียเวรแล้วไง แล้วกรูจะไม่ไปตอนนี้ทันหรือเปล่า ? นึกในใจ) ก็เลยตอบตกลงไป อื้อ (คือด้วยความคิดเห็นว่าเป็นคนกันเอง นั่งหลังตากแดดเดียวก็คงลดให้มั้ง )
เสร็จ ก็ไปแวะ บ้านหลังที่สองของเดคิ ซึ่งระยะห่างจากหลังแรก 30 km โดยประมาณ
ลงเสร็จอะไรเสร็จ เราก็ถามเดคิว่า “น้องมุงอ่ะ” เดคิก็ตอบว่า “อยู่ในห้องกำลังแต่งตัวอยู่”
เราก็เลยหันไปถาม โดบิว่า “เองตอนนั่งรถมา เห็นกี่คนในรถ”
“ 3 คน”
“เอาจริงดิ”
“อื้ม”
“หนูเห็น 4 คน” (เราชอบทำตัวเหมือนเด็ก แต่จริงๆแล้วเขาอายุน้อยกว่าเรา 4 ปี เราก็เลยชอบเรียกแทนตัวเองว่าหนู)
. . . . ??? (เก็บไว้ในใจ ไม่ถงไม่ถามแม้งละ)
“ อั้ยเดคิ มีน้องกี่คนอ่ะ”
“ 2 คน” โนบิตอบ
“นี้ เดคิ เรานั่งหลังอ่ะ ลดราคาหน่อยดิ แดดมันร้อนอ่ะ” (ปากพาหาเรื่อง)
“ไม่อ่ะ ราคาไหนราคานั้น”
รออยู่อย่างนั้น ประมาณ 1-2 ชม. กว่ารถจะออก
ระหว่างที่รถจะออก คือ มีน้อง 2 คน มีแม่ มีพ่อ มีจัยแอ้น มีเดคิ มีเรา มีโดบิ ทั้งหมด 8 คน
แม่บอกว่า แม่จะนั่งหลังเพราะจะกิน ลองกอง เดียวทำให้ข้างในเลอะ เลยนั่งหลังดีกว่า น้อง 2 คน ก็เลยไปนั่งหลังกับแม่
เราเลยขอเดคิไปนั่งหน้ากับโดบิ ซึ่งมีโดบินั่งกลาง ระหว่าง จัยแอ้นกับเรา พ่อของเดคินั่งข้างๆ เดคิ ซึ่งเดคิก็คือคนขับ
รถก็ผ่านไปเลื่อยๆ จนถึงที่หมาย รถจอด ที่หน้า บ. ฝึกงาน (3 จังหวัด) ใน บ. ก็ไม่มีใครอยู่ ทั้งหมดก็จะไปกินข้าว ก็เกิดเหตุ น้องสาวของ เดคิ คนหนึ่ง จะเป็นลม เราเลยให้น้องเข้าไปนั่งแทนที่เรา แล้วเราออกมานั่งข้างนอก ซึ่งโดบิก็ตามมาด้วย เพราะตัวเราเองไม่ค่อยแข็งแรง
ระหว่างกินข้าวเสร็จ ก็รอเวลา 3 โมง (ตอนนั้น บ่ายหน่อยๆ) ระหว่างรอ ก็ไปเที่ยว เราก็ตัดสินใจนั่งหลังรถ แล้วให้น้องเดคิไปนั่งหน้า แต่ก็มีเด็กดื้อคนนึงมาอยู่ข้างหลัง จากนั้น จนถึงเวลานัดหมาย ไม่ว่าจะไปไหนนัก
ต่อที่คอมเม้นค่ะ