สวัสดีค่ะ วันนี้บีมจะมาเตือนใจน้องๆว่าที่บัณฑิตหญิงทุกๆท่านนะคะ
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่มาตั้งเตือนภัยช้า (รับมาประมาณปีแล้วค่ะแต่เพิ่งมาตั้งกระทู้)
เรื่องของเรื่องคือ จะรับปริญญา ก็ต้องใส่ชุดพิธีการ และที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าคัทชูถูกไหมคะ
ซึ่งโดยปกติไม่ค่อยมีใครได้ใส่รองเท้าคัทชูเรียน
รวมถึงบีมด้วยค่ะที่ไม่เคยสัมผัสกับรองเท้าประภทนี้มาก่อนเลย
ตอนเรียนเป็นสาววิศวะ ใส่แต่ผ้าใบ ไม่เคยใช่คัทชู ทำให้ไม่มีรองเท้าเพื่อในในพิธีรับปริญญา
เลยต้องซื้อรองเท้า และด้วยความคิดที่ว่า
"เห้ยยยยย ไหนๆก็ใส่ไม่กี่ครั้ง แค่ซ้อมกับรับจริง เราจะซื้อแพงๆดีๆทำไม เปลืองเงิน"
นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ค่ะ
บีมเลยไปซื้อรองเท้าคัทชูที่ถูกๆที่ "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ victory monument" //ทำเสียงแบบประกาศบน BTS 5555
คือไปก็เจอหลายร้านมากค่ะที่รองเท้าคัทชูราคาถูกๆ มีตั้งแต่ 199 บาทขึ้นไป
ด้วยความงกที่ครอบงำ บีมเลือกซื้อคู่ละ 199 บาท กะใส่แล้วทิ้งไม่คิดอะไรมาก
และนั่นคือความผิดพลาดของบีมเป็นอย่างมาก
ทรงรองเท้าคัทชูเค้าจะเป็นทรงหน้าตัด ทำให้บีบหน้าเท้ามาก
ความยาวเท้าบีมใส่รองเท้าประมาณ เบอร์ 37.5
แต่เป็นคนที่หน้าเท้ากว้างมาก เลยซื้อลองเท้าคัทชูเบอร์ 40 มาค่ะ
แล้วซื้อกันกัดมาแปะที่หลังเท้า 2ชั่น เพื่อกันเดินแล้วหลุด
และที่สำคัญคือบีมซื้อเทปปิดกันกัดที่ซื้อใน 7-11 มี 2 แบบทั้งรูปรองเท้าแดง กับอีกซองที่เนื้อนุ่มๆสีชมพู
อยากบอกว่าติดกันกัดป้องกันหนาแน่นมาก ทั้ง 2 แทบทับกันและปิดซ้ำด้วยพลาสเตอร์แปะแผลที่เป็นผ้าๆอีกชั้น
แต่ไม่รอดจากการรองเท้ากัดเลยค่ะ
หลังจากซ้อมทั้งวัน วันรุ่งขึ้น แผลเริ่มพองออกมาอย่างเห็นได้ชัด (กดสปอยล์ ระวังสยองนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เตือนแล้วนะคะว่าสยอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอแผลพองก็ไม่ได้การแล้ว เพราะจะต้องซ้อมใหญ่ในวันต่อมาอีกทำไงคะ
ใช่ค่ะ เจาเอาหนองออก แล้วผลที่ได้คือ "แผลอักเสบหนักมาก"
จนผ่านไป 3 วัน นิ้วก้อยเท้าทั้งข้างซ้ายและขวา บวมมาก เดินลำบาก เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล
พอไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ถามว่ามาทำอะไรคะ
พอตอบไปว่า "รองเท้ากัด" เจ้าหน้าที่งงค่ะ ประมาณว่าแค่รองเท้ากัดต้องมาหาหมอเลยหรอ? 5555
และเจ้าหน้าที่ได้เรียกพยาบาลให้มาดูแผล พอพยาบาลเห็นแผลแค่นั้นแหละค่ะ ตลึงกันทุกคน 5555
สภาพแผลจากการติดเชื้อ ระวังภาพหลอนติดตามนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทำใจก่อนนะคะ สยองจริงๆนะคะ ไม่มีเซ็นเซอร์นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้างซ้ายของแผลแบบซูมๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้างขวาของแผลแบบซุมๆเช่นกันค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นไงคะ สยอง ภาพติดตากันไหมคะ 55555
นี่คือตอนล้างแผลแล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบด้วยสภาพเท้าแบบนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือเกือบไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเพราะความงกของตัวเองแท้ๆเลยค่ะ
สุดท้ายนี้ เสียค่ารักษาไป 900กว่าๆ ไม่รวมกับค่าล้างแผลทุกวัน วันละ 200บาทอีกนะคะ ช็อคมากค่ะ
เสียเยอะกว่าซื้อรองเท้าดีๆสักคู่ แค่คู่ละ 500-600 บาท
อย่างที่โบราณเค้าบอกเลยค่ะ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" คือเรื่องจริง
ลาไปดวยใบบิลค่ารักษา(ไม่รวมค่าล้างแผลอีกวันละ 200บาทที่ต้องไป 1 สัปดาห์อีกนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าแท็กห้องผิดหรือแท็กผิดขออภัยด้วยนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์แย่ๆเรื่องรองเท้าให้ทุกๆคนค่ะ
ปล. edit เพื่อจะมาบอกว่า ภาพมีการย่อและปรับสีให้ดูพาสเทลเล็กน้อย เพื่อไม่สยองแบบสีจริงๆแล้วนะคะ 55555
เตือนภัย น้องๆว่าที่บัณฑิตหญิงทุกๆท่าน ว่าด้วยเรื่อง "รองเท้าคัทชู ราคาถูก ที่ไม่ถูก"
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่มาตั้งเตือนภัยช้า (รับมาประมาณปีแล้วค่ะแต่เพิ่งมาตั้งกระทู้)
เรื่องของเรื่องคือ จะรับปริญญา ก็ต้องใส่ชุดพิธีการ และที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าคัทชูถูกไหมคะ
ซึ่งโดยปกติไม่ค่อยมีใครได้ใส่รองเท้าคัทชูเรียน
รวมถึงบีมด้วยค่ะที่ไม่เคยสัมผัสกับรองเท้าประภทนี้มาก่อนเลย
ตอนเรียนเป็นสาววิศวะ ใส่แต่ผ้าใบ ไม่เคยใช่คัทชู ทำให้ไม่มีรองเท้าเพื่อในในพิธีรับปริญญา
เลยต้องซื้อรองเท้า และด้วยความคิดที่ว่า
"เห้ยยยยย ไหนๆก็ใส่ไม่กี่ครั้ง แค่ซ้อมกับรับจริง เราจะซื้อแพงๆดีๆทำไม เปลืองเงิน"
นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ค่ะ
บีมเลยไปซื้อรองเท้าคัทชูที่ถูกๆที่ "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ victory monument" //ทำเสียงแบบประกาศบน BTS 5555
คือไปก็เจอหลายร้านมากค่ะที่รองเท้าคัทชูราคาถูกๆ มีตั้งแต่ 199 บาทขึ้นไป
ด้วยความงกที่ครอบงำ บีมเลือกซื้อคู่ละ 199 บาท กะใส่แล้วทิ้งไม่คิดอะไรมาก
และนั่นคือความผิดพลาดของบีมเป็นอย่างมาก
ทรงรองเท้าคัทชูเค้าจะเป็นทรงหน้าตัด ทำให้บีบหน้าเท้ามาก
ความยาวเท้าบีมใส่รองเท้าประมาณ เบอร์ 37.5
แต่เป็นคนที่หน้าเท้ากว้างมาก เลยซื้อลองเท้าคัทชูเบอร์ 40 มาค่ะ
แล้วซื้อกันกัดมาแปะที่หลังเท้า 2ชั่น เพื่อกันเดินแล้วหลุด
และที่สำคัญคือบีมซื้อเทปปิดกันกัดที่ซื้อใน 7-11 มี 2 แบบทั้งรูปรองเท้าแดง กับอีกซองที่เนื้อนุ่มๆสีชมพู
อยากบอกว่าติดกันกัดป้องกันหนาแน่นมาก ทั้ง 2 แทบทับกันและปิดซ้ำด้วยพลาสเตอร์แปะแผลที่เป็นผ้าๆอีกชั้น
แต่ไม่รอดจากการรองเท้ากัดเลยค่ะ
หลังจากซ้อมทั้งวัน วันรุ่งขึ้น แผลเริ่มพองออกมาอย่างเห็นได้ชัด (กดสปอยล์ ระวังสยองนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอแผลพองก็ไม่ได้การแล้ว เพราะจะต้องซ้อมใหญ่ในวันต่อมาอีกทำไงคะ
ใช่ค่ะ เจาเอาหนองออก แล้วผลที่ได้คือ "แผลอักเสบหนักมาก"
จนผ่านไป 3 วัน นิ้วก้อยเท้าทั้งข้างซ้ายและขวา บวมมาก เดินลำบาก เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล
พอไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ถามว่ามาทำอะไรคะ
พอตอบไปว่า "รองเท้ากัด" เจ้าหน้าที่งงค่ะ ประมาณว่าแค่รองเท้ากัดต้องมาหาหมอเลยหรอ? 5555
และเจ้าหน้าที่ได้เรียกพยาบาลให้มาดูแผล พอพยาบาลเห็นแผลแค่นั้นแหละค่ะ ตลึงกันทุกคน 5555
สภาพแผลจากการติดเชื้อ ระวังภาพหลอนติดตามนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้างซ้ายของแผลแบบซูมๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้างขวาของแผลแบบซุมๆเช่นกันค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นไงคะ สยอง ภาพติดตากันไหมคะ 55555
นี่คือตอนล้างแผลแล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบด้วยสภาพเท้าแบบนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือเกือบไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเพราะความงกของตัวเองแท้ๆเลยค่ะ
สุดท้ายนี้ เสียค่ารักษาไป 900กว่าๆ ไม่รวมกับค่าล้างแผลทุกวัน วันละ 200บาทอีกนะคะ ช็อคมากค่ะ
เสียเยอะกว่าซื้อรองเท้าดีๆสักคู่ แค่คู่ละ 500-600 บาท
อย่างที่โบราณเค้าบอกเลยค่ะ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" คือเรื่องจริง
ลาไปดวยใบบิลค่ารักษา(ไม่รวมค่าล้างแผลอีกวันละ 200บาทที่ต้องไป 1 สัปดาห์อีกนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าแท็กห้องผิดหรือแท็กผิดขออภัยด้วยนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์แย่ๆเรื่องรองเท้าให้ทุกๆคนค่ะ
ปล. edit เพื่อจะมาบอกว่า ภาพมีการย่อและปรับสีให้ดูพาสเทลเล็กน้อย เพื่อไม่สยองแบบสีจริงๆแล้วนะคะ 55555