เมื่อต้นเดือน จู่ๆ ก็มีคนถามผมด้วยคำถามนี้...
"....ใกล้จะสิ้นเดือนกันยายนแล้ว... วันลายังพอมีเหลืออยู่ เราไปเที่ยวกันไหม???"
คำถามนี้ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า วันลาที่ยังพอมีเหลือหากไม่นำไปใช้ให้รางวัลตัวเองที่ทำงานมาทั้งปี ก็จะถูกตัดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใยเมื่อเริ่มปีงบประมาณใหม่ ผมจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล (จริงๆต่อให้ไม่มีเรื่องตัดวันลา ก็ไม่ลังเลอยู่แล้วล่ะ ^^") แต่เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี ที่จะช่วยให้เรามีกำลังกายและใจกลับมาทำงานอย่างมีพลังอีกครั้ง??
เธอ - ไปไหนกันดี?? เราอยากไปวังเวียง!!
ผม - ...เหรอ? พม่า พุกาม เราก็อยากไปนะ... คิดว่าจะไปมาหลายทีละ เอาไงดี??
เธอ - แต่มาเลก็ดีนะ หรือจะไปฮ่องกงดี... อยากไปช๊อปเหมือนกัน!!!
ผม - มีคนบอกไว้ว่า ความคิดแรกมักจะถูกเสมอ... เราไปวังเวียงกันไหม!!! (จริงๆกลัวกระเป๋าฉีกจากการช๊อปครับ แถมพม่าเพิ่งแผ่นดินไหวคงไม่เหมาะ)
เธอ - ..... งั้นโอเค เราไปวังเวียงกัน ต่างคนต่างไปจัดการเรื่องวันลาของตัวเอง ได้วันตรงกันแล้วมาจองตั๋วกับที่พักกันเลยนะ!!!!
ทริปนี้ของเราสองคนจึงบังเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วในเวลาอันสั้น ก่อนเดินทางไม่กี่วันเรายังได้ข่าวไม่สู้ดีว่าจะมีพายุเข้ามาทางแถบประเทศลาวและไทย แต่ตั๋วโดยสารและที่พักของเราจองไว้หมดแล้ว... The trip must go on!!! ครับ!!! มาดูกันว่าเจ้าพายุที่ว่าร้ายๆจะทำอะไรเราสองคนได้ไหม ออกเดินทางไปกับเราสองคนครับ เผื่อกระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆให้มีแรงบันดาลใจ หรือไอเดียออกไปเที่ยวเหมือนที่เราได้จากกระทู้ของเพื่อนๆเช่นกัน ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การเดินทางครั้งก่อนของเราทั้งสองครั้ง ฮ่องกง และ น่าน เพื่อนๆท่านใดสนใจลองไปแวะชมได้ครับ
http://ppantip.com/topic/35502266/comment16-1
http://ppantip.com/topic/33034254
เราอาศัยบริการของพี่ "สิงโต" พาเราลัดฟ้าสู่เมืองอุดรตั้งแต่ช่วงหัวรุ่ง!! จากนั้นจึงนั่งรถตู้จากสนามบินในราคาคนละ 80 บาท ไปลงที่สถานีขนส่ง เพื่อวัดดวงซื้อตั๋วโดยสาร "อุดร - วังเวียง" หากพลาดเราต้องเดินทางเข้าเวียงจันทน์แล้วซื้อตั๋วไปวังเวียงอีกต่อหนึ่ง ในความเป็นจริงแล้วการเดินทางด้วยรถตู้เร็วกว่ารถโดยสารระหว่างประเทศนะครับ (เท่าที่สัมผัสด้วยตัวเอง)
ปล. สำหรับการแลกเงิน สามารถแลกได้ที่ด่าน ช่วงผมไปคือเรท 232 กีบ/บาท หากไปแลกที่จุดพักรถจะได้เรท 230 และหากแลกที่วังเวียงจะได้เรท 225
เนื่องจากมีพายุฝน... ทำให้ขณะอยู่บนเครื่องบิน เรามีโอกาสได้เห็นทะเลเมฆเป็นผืนเช่นนี้ตลอดทาง แต่ก็เป็นผลร้ายที่ทำให้เราเจอฝนตลอดทางตั้งแต่อุดรถึงวังเวียงเช่นกัน ^^"
ตอนนี้ตั๋วไปวังเวียง... เราสามารถจองล่วงหน้าได้แล้วนะครับ!!! สภาพรถคล้ายในภาพ... แต่แย่กว่าเล็กน้อย ดีที่แอร์เย็นครับ
คนขับพาเราลัดเลาะผ่านเมือง หมู่บ้าน และหุบเขาจนถึงวังเวียง ออกเดินทางจากอุดร 8.30 น. ถึงที่หมาย 14.30 น. จากสถานีขนส่งวังเวียงมีรถพาเราเข้าเมือง "ฟรี" โดยรถจะพาไปส่งที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางวังเวียง (ผมจำชื่อโรงแรมไม่ได้จริงๆ ขออภัยครับ) จากจุดนี้เราสามารถเดินหาที่พัก จองตั๋วรถ จองทัวร์ หรือหาของกินได้ครับ ส่วนเราสองคนจองที่พักไว้แล้วจึงออกเดินเท้าไปยังที่พักทันที... ด้วยความที่คิดว่าคงไม่ไกล แต่สัมภาระของใช้ส่วนตัว กล้องถ่ายรูปสองตัว ขาตั้งอีกหนึ่งตัวก็ทำให้เหงื่อซึมกันเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนคนไหนขับรถได้... เช่ารถจักร (รถมอเตอร์ไซค์) เที่ยวก็เป็นทางเลือกที่ดี
ที่พักของเรา "Vilayvong Hotel" จองล่วงหน้าจากอโกด้า สนนราคาคืนละประมาณ 900 บาท เลือกที่นี่เพราะ "วิวดี" ครับ
หลังจากเพิ่มเติมความสดชื่น... เราสองคนก็ออกเดินเท้าหาที่เที่ยวใกล้ๆที่พัก "ถ้ำจัง" คือที่หมายที่เราเลือก ถ้ำจังตั้งอยู่ในวังเวียงรีสอร์ท เสียค่าเข้าในพื้นที่คนละ 2000 กีบ (ถ้าจำไม่ผิด) มีสะพานส้มที่ใครไปก็ต้องถ่าย มีลำธารใสให้เล่น มีถ้ำจังอยู่บนเขา
น้ำออกมาจากใต้ภูเขา... ตรงนี้!!!
มื้อเย็น... ฝากท้องกับร้าน River Hill (ไม่รู้เข้าร้านไหน ร้านนี้เปิดเพลงถูกใจ ก็เอาร้านนี้แหละ 55)
เราสั่งหมูย่าง... ซึ่งอร่อย แต่น้ำจิ้มอร่อยกว่าหมู!! ส้มตำปลาร้า... ตำปลาร้าบ้านเราแซ่บนัวถูกปากมากกว่า ลาบหมู... แปลกที่ใส่ถั่วงอก และมีกลิ่นของผักต่างๆไม่เหมือนลาบไทย อร่อยไปอีกแบบ และสุดท้าย... เบียร์ลาว!!! กินเป็นกระสัยคลายเส้นครับ ^^" (ไม่มีรูปส้มตำนะ กินเพลิน)
ปล. ราคาอาหารโดยรวมสูงกว่าบ้านเรานะครับ เริ่มต้นที่ประมาณ 15000 กีบ หรือประมาณ 60 บาท น้ำปั่นเริ่มที่ 5000 กีบ
หลังอิ่มท้อง... เราก็ออกเดินหาซื้อทัวร์สำหรับวันพรุ่งนี้ "น้ำทิพย์ทัวร์" คือบริษัทที่เราเลือกจอง... ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าทุกทัวร์ไปเหมือนกันหมด และมีให้เลือกมากมาย ที่นี่คุยถูกคอ ราคาไม่แตกต่าง... ก็เลือกที่นี่แหละครับ 555 (ผมเลือกไปทัวร์ถ้ำน้ำ ถ้ำช้าง และพายคยัค ส่วนการไป Bluelagoon เราตัดออกเพราะต้องการไปเองในตอนเช้า ราคาทัวร์จึงเหลือคนละ 90000 กีบ)
ยามเช้า... มีฟ้าระเบิดอ่อนๆที่หน้าห้อง กับหมอกหลังห้อง ผมเลยได้แต่วิ่งทะลุไปมาสนุกสนานกันไป
ที่พักของเรามีอาหารชุดให้เลือก... ส่วนมากเป็น Breakfast แบบตะวันตก แต่มีกล้วยให้กินแบบไม่จำกัด ผมนี่กินจน... ลิงเรียกพี่เลย!!!
ประมาณ 8 โมง แขกของแต่ละที่พักก็จะออกมารอรถที่มารับไปออกทริป One day tour ซึ่งมีหลากหลาย ทั้งเข้าถ้ำ พายเรือ ล่องห่วงยาง เล่น Zipline หรือเข้าป่าเที่ยวน้ำตก
ถนนทางหลวงหลัก... จะเป็นถนนราดยางสองเลน เมื่อเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางอื่น... ก็จะมีสภาพเช่นนี้... นั่งรถหัวโยกเหมือนฟังเพลงสายย่อก็ไม่ปาน!!
รถจะจอดที่ริมแม่น้ำ ไกด์จะแจกกระเป๋ากันน้ำ สิ่งของที่เราเอามาควรเอาไปกับเราทั้งหมดนะฮะ ของผมทิ้งน้ำเปล่าไว้ยังหาย!! จากนั้นไกด์จะพาเราไปถ้ำน้ำซึ่งจะเดินผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนา และทางที่เละแบบสุดยอดดดดด!!!!
เมื่อถึงบริเวณหน้าถ้ำ... จะมีร้านที่พักของแต่ละทัวร์ ไกด์จะแจกเสื้อชูชีพและให้เราฝากกระเป๋าเอาไว้ยังบริเวณดังกล่าว มีห้องน้ำให้เข้า คนละ 1000 กีบ มีเสื้อขายเผื่อเสื้อใครลื่นล้มระหว่างเดินมา มีรองเท้าหายเผื่อใครทำรองเท้าหลุดในถ้ำน้ำ อย่าคิดว่าเล่นๆนะฮะ... มีคนซื้อเสื้อ ซื้อรองเท้าเพราะเหตุที่ผมว่าจริงๆ 555
ช่วงที่เราไป ระดับน้ำสูงพอควร... จากภาพด้านบนเรานั่งห่วงยางลอดเข้าไปในช่องใต้ภูเขาที่มีน้ำไหลออกมา... ภายในถ้ำช่วงแรกๆมีแสงสะท้อนสวยงามครับ ใครมีกล้องกันน้ำสามารถเก็บภาพได้ก็จะดี เลยไปด้านในจะมืด... เราต้องเกาะเชือกทวนน้ำไปตามเส้นทาง บางจุดกระแสน้ำไหลเชียวมาก กลุ่มของผมไปกลุ่มแรก เข้าไปลึกพอสมควรจนถึงบริเวณที่ไม่สามารถไปต่อได้เพราะระดับน้ำท่วมช่องทางที่จะเข้าไป... เมื่อออกจากถ้ำก็จะมีอาหารกลางวันให้รับประทาน... บอกได้คำเดียวว่า สิ่งที่รสชาติดีที่สุดคือ "กล้วย" ครับ!!!!!!
หลังอิ่มท้อง... เราจะเดินย้อนออกมาทางเดิม แวะไหว้พระที่ "ถ้ำช้าง" ถ้ำขนาดเล็กในวัดหรือสำนักสงฆ์ มีหินอันเป็นที่มาของชื่อถ้ำอยู่ภายใน
จากนี้... เราจะออกเดินทางไป "พายเรือคยัค" ระยะทาง 8 กิโลเมตร!!! ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง... ผิดกับที่กรมอุตุบอกว่าจะมีพายุเข้าในแถบนี้ ขอบอกว่า ขณะรีวิวนี้... แขนและหลังผมยังคงลอกเป็นแผ่นอยู่เลย T_T
... เดี๋ยวมาต่อครับ
[CR] เที่ยวหน้าฝน...!!! วังเวียง + เวียงจันทน์ ไปกับเพื่อนก็ได้... ไปกับแฟนก็โดน!!!!
"....ใกล้จะสิ้นเดือนกันยายนแล้ว... วันลายังพอมีเหลืออยู่ เราไปเที่ยวกันไหม???"
คำถามนี้ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า วันลาที่ยังพอมีเหลือหากไม่นำไปใช้ให้รางวัลตัวเองที่ทำงานมาทั้งปี ก็จะถูกตัดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใยเมื่อเริ่มปีงบประมาณใหม่ ผมจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล (จริงๆต่อให้ไม่มีเรื่องตัดวันลา ก็ไม่ลังเลอยู่แล้วล่ะ ^^") แต่เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี ที่จะช่วยให้เรามีกำลังกายและใจกลับมาทำงานอย่างมีพลังอีกครั้ง??
เธอ - ไปไหนกันดี?? เราอยากไปวังเวียง!!
ผม - ...เหรอ? พม่า พุกาม เราก็อยากไปนะ... คิดว่าจะไปมาหลายทีละ เอาไงดี??
เธอ - แต่มาเลก็ดีนะ หรือจะไปฮ่องกงดี... อยากไปช๊อปเหมือนกัน!!!
ผม - มีคนบอกไว้ว่า ความคิดแรกมักจะถูกเสมอ... เราไปวังเวียงกันไหม!!! (จริงๆกลัวกระเป๋าฉีกจากการช๊อปครับ แถมพม่าเพิ่งแผ่นดินไหวคงไม่เหมาะ)
เธอ - ..... งั้นโอเค เราไปวังเวียงกัน ต่างคนต่างไปจัดการเรื่องวันลาของตัวเอง ได้วันตรงกันแล้วมาจองตั๋วกับที่พักกันเลยนะ!!!!
ทริปนี้ของเราสองคนจึงบังเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วในเวลาอันสั้น ก่อนเดินทางไม่กี่วันเรายังได้ข่าวไม่สู้ดีว่าจะมีพายุเข้ามาทางแถบประเทศลาวและไทย แต่ตั๋วโดยสารและที่พักของเราจองไว้หมดแล้ว... The trip must go on!!! ครับ!!! มาดูกันว่าเจ้าพายุที่ว่าร้ายๆจะทำอะไรเราสองคนได้ไหม ออกเดินทางไปกับเราสองคนครับ เผื่อกระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆให้มีแรงบันดาลใจ หรือไอเดียออกไปเที่ยวเหมือนที่เราได้จากกระทู้ของเพื่อนๆเช่นกัน ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราอาศัยบริการของพี่ "สิงโต" พาเราลัดฟ้าสู่เมืองอุดรตั้งแต่ช่วงหัวรุ่ง!! จากนั้นจึงนั่งรถตู้จากสนามบินในราคาคนละ 80 บาท ไปลงที่สถานีขนส่ง เพื่อวัดดวงซื้อตั๋วโดยสาร "อุดร - วังเวียง" หากพลาดเราต้องเดินทางเข้าเวียงจันทน์แล้วซื้อตั๋วไปวังเวียงอีกต่อหนึ่ง ในความเป็นจริงแล้วการเดินทางด้วยรถตู้เร็วกว่ารถโดยสารระหว่างประเทศนะครับ (เท่าที่สัมผัสด้วยตัวเอง)
ปล. สำหรับการแลกเงิน สามารถแลกได้ที่ด่าน ช่วงผมไปคือเรท 232 กีบ/บาท หากไปแลกที่จุดพักรถจะได้เรท 230 และหากแลกที่วังเวียงจะได้เรท 225
เนื่องจากมีพายุฝน... ทำให้ขณะอยู่บนเครื่องบิน เรามีโอกาสได้เห็นทะเลเมฆเป็นผืนเช่นนี้ตลอดทาง แต่ก็เป็นผลร้ายที่ทำให้เราเจอฝนตลอดทางตั้งแต่อุดรถึงวังเวียงเช่นกัน ^^"
ตอนนี้ตั๋วไปวังเวียง... เราสามารถจองล่วงหน้าได้แล้วนะครับ!!! สภาพรถคล้ายในภาพ... แต่แย่กว่าเล็กน้อย ดีที่แอร์เย็นครับ
คนขับพาเราลัดเลาะผ่านเมือง หมู่บ้าน และหุบเขาจนถึงวังเวียง ออกเดินทางจากอุดร 8.30 น. ถึงที่หมาย 14.30 น. จากสถานีขนส่งวังเวียงมีรถพาเราเข้าเมือง "ฟรี" โดยรถจะพาไปส่งที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางวังเวียง (ผมจำชื่อโรงแรมไม่ได้จริงๆ ขออภัยครับ) จากจุดนี้เราสามารถเดินหาที่พัก จองตั๋วรถ จองทัวร์ หรือหาของกินได้ครับ ส่วนเราสองคนจองที่พักไว้แล้วจึงออกเดินเท้าไปยังที่พักทันที... ด้วยความที่คิดว่าคงไม่ไกล แต่สัมภาระของใช้ส่วนตัว กล้องถ่ายรูปสองตัว ขาตั้งอีกหนึ่งตัวก็ทำให้เหงื่อซึมกันเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนคนไหนขับรถได้... เช่ารถจักร (รถมอเตอร์ไซค์) เที่ยวก็เป็นทางเลือกที่ดี
ที่พักของเรา "Vilayvong Hotel" จองล่วงหน้าจากอโกด้า สนนราคาคืนละประมาณ 900 บาท เลือกที่นี่เพราะ "วิวดี" ครับ
หลังจากเพิ่มเติมความสดชื่น... เราสองคนก็ออกเดินเท้าหาที่เที่ยวใกล้ๆที่พัก "ถ้ำจัง" คือที่หมายที่เราเลือก ถ้ำจังตั้งอยู่ในวังเวียงรีสอร์ท เสียค่าเข้าในพื้นที่คนละ 2000 กีบ (ถ้าจำไม่ผิด) มีสะพานส้มที่ใครไปก็ต้องถ่าย มีลำธารใสให้เล่น มีถ้ำจังอยู่บนเขา
น้ำออกมาจากใต้ภูเขา... ตรงนี้!!!
มื้อเย็น... ฝากท้องกับร้าน River Hill (ไม่รู้เข้าร้านไหน ร้านนี้เปิดเพลงถูกใจ ก็เอาร้านนี้แหละ 55)
เราสั่งหมูย่าง... ซึ่งอร่อย แต่น้ำจิ้มอร่อยกว่าหมู!! ส้มตำปลาร้า... ตำปลาร้าบ้านเราแซ่บนัวถูกปากมากกว่า ลาบหมู... แปลกที่ใส่ถั่วงอก และมีกลิ่นของผักต่างๆไม่เหมือนลาบไทย อร่อยไปอีกแบบ และสุดท้าย... เบียร์ลาว!!! กินเป็นกระสัยคลายเส้นครับ ^^" (ไม่มีรูปส้มตำนะ กินเพลิน)
ปล. ราคาอาหารโดยรวมสูงกว่าบ้านเรานะครับ เริ่มต้นที่ประมาณ 15000 กีบ หรือประมาณ 60 บาท น้ำปั่นเริ่มที่ 5000 กีบ
หลังอิ่มท้อง... เราก็ออกเดินหาซื้อทัวร์สำหรับวันพรุ่งนี้ "น้ำทิพย์ทัวร์" คือบริษัทที่เราเลือกจอง... ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าทุกทัวร์ไปเหมือนกันหมด และมีให้เลือกมากมาย ที่นี่คุยถูกคอ ราคาไม่แตกต่าง... ก็เลือกที่นี่แหละครับ 555 (ผมเลือกไปทัวร์ถ้ำน้ำ ถ้ำช้าง และพายคยัค ส่วนการไป Bluelagoon เราตัดออกเพราะต้องการไปเองในตอนเช้า ราคาทัวร์จึงเหลือคนละ 90000 กีบ)
ยามเช้า... มีฟ้าระเบิดอ่อนๆที่หน้าห้อง กับหมอกหลังห้อง ผมเลยได้แต่วิ่งทะลุไปมาสนุกสนานกันไป
ที่พักของเรามีอาหารชุดให้เลือก... ส่วนมากเป็น Breakfast แบบตะวันตก แต่มีกล้วยให้กินแบบไม่จำกัด ผมนี่กินจน... ลิงเรียกพี่เลย!!!
ประมาณ 8 โมง แขกของแต่ละที่พักก็จะออกมารอรถที่มารับไปออกทริป One day tour ซึ่งมีหลากหลาย ทั้งเข้าถ้ำ พายเรือ ล่องห่วงยาง เล่น Zipline หรือเข้าป่าเที่ยวน้ำตก
ถนนทางหลวงหลัก... จะเป็นถนนราดยางสองเลน เมื่อเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางอื่น... ก็จะมีสภาพเช่นนี้... นั่งรถหัวโยกเหมือนฟังเพลงสายย่อก็ไม่ปาน!!
รถจะจอดที่ริมแม่น้ำ ไกด์จะแจกกระเป๋ากันน้ำ สิ่งของที่เราเอามาควรเอาไปกับเราทั้งหมดนะฮะ ของผมทิ้งน้ำเปล่าไว้ยังหาย!! จากนั้นไกด์จะพาเราไปถ้ำน้ำซึ่งจะเดินผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนา และทางที่เละแบบสุดยอดดดดด!!!!
เมื่อถึงบริเวณหน้าถ้ำ... จะมีร้านที่พักของแต่ละทัวร์ ไกด์จะแจกเสื้อชูชีพและให้เราฝากกระเป๋าเอาไว้ยังบริเวณดังกล่าว มีห้องน้ำให้เข้า คนละ 1000 กีบ มีเสื้อขายเผื่อเสื้อใครลื่นล้มระหว่างเดินมา มีรองเท้าหายเผื่อใครทำรองเท้าหลุดในถ้ำน้ำ อย่าคิดว่าเล่นๆนะฮะ... มีคนซื้อเสื้อ ซื้อรองเท้าเพราะเหตุที่ผมว่าจริงๆ 555
ช่วงที่เราไป ระดับน้ำสูงพอควร... จากภาพด้านบนเรานั่งห่วงยางลอดเข้าไปในช่องใต้ภูเขาที่มีน้ำไหลออกมา... ภายในถ้ำช่วงแรกๆมีแสงสะท้อนสวยงามครับ ใครมีกล้องกันน้ำสามารถเก็บภาพได้ก็จะดี เลยไปด้านในจะมืด... เราต้องเกาะเชือกทวนน้ำไปตามเส้นทาง บางจุดกระแสน้ำไหลเชียวมาก กลุ่มของผมไปกลุ่มแรก เข้าไปลึกพอสมควรจนถึงบริเวณที่ไม่สามารถไปต่อได้เพราะระดับน้ำท่วมช่องทางที่จะเข้าไป... เมื่อออกจากถ้ำก็จะมีอาหารกลางวันให้รับประทาน... บอกได้คำเดียวว่า สิ่งที่รสชาติดีที่สุดคือ "กล้วย" ครับ!!!!!!
หลังอิ่มท้อง... เราจะเดินย้อนออกมาทางเดิม แวะไหว้พระที่ "ถ้ำช้าง" ถ้ำขนาดเล็กในวัดหรือสำนักสงฆ์ มีหินอันเป็นที่มาของชื่อถ้ำอยู่ภายใน
จากนี้... เราจะออกเดินทางไป "พายเรือคยัค" ระยะทาง 8 กิโลเมตร!!! ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง... ผิดกับที่กรมอุตุบอกว่าจะมีพายุเข้าในแถบนี้ ขอบอกว่า ขณะรีวิวนี้... แขนและหลังผมยังคงลอกเป็นแผ่นอยู่เลย T_T
... เดี๋ยวมาต่อครับ