แบกกระเป๋าเที่ยวมาก็หลายที่ มี Pantip เป็น Travel Guide อยากจะเขียนรีวิวการเดินทาง แต่ก็ดองไว้จนที่สุดก็ไม่ได้เขียน พึ่งไปกาญจนบุรีมาเมื่อ 9-11 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา เลยลองหยิบทริปสั้นๆ มาเขียนเป็นกระทู้แรกก่อน  ถ้าผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยด้วยค่ะ

ทริปนี้เริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟค่ะ มาถึงสถานีรถไฟตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพราะกลัวรถติดค่ะ รถไฟไปกาญจนบุรีออกจากสถานีธนบุรี (บางกอกน้อย) ใกล้ๆ โรงพยาบาลศิริราช รถไฟออก 7:50น. คนไทยใช้บัตรประชาชนรับตั๋วฟรีได้เลยค่ะ ชาวต่างชาติ 100 บาท ต้องยื่นพาสปอร์ตตอนซื้อตั๋วด้วยค่ะ





รถไฟมาตรงเวลาค่ะ คนไม่แน่มาก ลืมถ่ายบรรยากาศในขบวน มีแม่ค้าเดินมาขายของเรื่อยๆ ก๋วยเตี๋ยวแห้งห่อละ 10 บาท อร่อยค่ะ



ชิมข้าวแกงเขียวหวานด้วย กระทงเล็กๆ 10 บาทเหมือนกันค่ะ



บรรยากาศระหว่างทางค่ะ สวยจริงอะไรจริง ถ่ายหลายรูป มือใหม่หัดถ่าย เลยออกมาดูได้ไม่กี่รูป



น่าจะเป็นจุดสับรางรถไฟ



ถ่ายจากท้ายขบวน



ถึงสถานีกาญจนบุรี รถไฟจะจอดประมาณ 10 นาที รับคนขึ้นเพิ่ม มีการเปลี่ยนป้ายข้างขบวนและเอาตู้รถไฟมาต่อเพิ่มค่ะ ยังไม่ลงสถานีนี้นะคะ นั่งต่ออีก 1 สถานี เราไปลงที่สถานีสะพานแควใหญ่ค่ะ





ถึงแล้วค่ะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ถึงประมาณ 11 โมง แดดร้อนมาก คนก็เยอะมากเช่นกันค่ะ





หลังจากนั้นก็เหมารถสองแถวไปสถานีขนส่งกาญจนบุรีต่อค่ะ ราคาเหมา 150 บาท หารกัน 4 คนถือว่าโอเค เราจะไปไทรโยคกันต่อค่ะ นั่งรถกาญจนบุรีทองผาภูมิ ช่อง B9 มีรถออกทุกชั่วโมง วันแรกลืมถ่ายรูปค่ะ ภาพนี้แอบไปถ่ายตอนวันกลับ



เราขึ้นรถตอน 12:00 ค่ะ คืนแรกพักที่วังนกแก้วรีสอร์ท บอกคนเก็บเงินว่าลงที่ปากทางถ้ำดาวดึงส์ ค่ารถคนละ 55 บาทค่ะ นั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ



ไปถึงประมาณบ่าย 2 ลงรถแล้วก็โทรหาทางรีสอร์ทค่ะ ซักแป๊บเค้าก็ให้รถออกมารับ คันเล็กกระทัดรัดค่ะ



ห้องพักจองไว้ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาค่ะ Standard Raft ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ คืนละ 2600 บาท สำหรับ 2 คน เสริมเตียง 1000 บาทค่ะ มีแอร์ มี WiFi ถึงทุกห้อง แต่ความแรงของสัญญาณไม่เท่ากันนะคะ ความเห็นส่วนตัวคิดว่าห้องดีเลยค่ะ ราคานี้รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า ถือว่าคุ้มค่ะ มีกิจกรรมฟรีด้วยค่ะ วันที่ไปเป็นวันศุกร์มีล่องแพไปที่แม่น้ำไทรโยคใหญ่ค่ะ รายละเอียดค่าห้องและกิจกรรมดูได้จากเว็บไซด์ของรีสอร์ทค่ะ



ระเบียงหน้าห้องค่ะ จะนอนอ่านหนังสือหรือกระโดดน้ำเล่นจากหน้าห้องเลยก็ได้ค่ะ วันที่ไปน้ำค่อนข้างแรง กว่าจะปีนขึ้นมาได้แต่ละทีทำหืดขึ้นคอ โชคดีที่ห้องอยู่แถบต้นๆ แพ ขึ้นบันไดแรกไม่ได้ ก็ลอยไปขึ้นบันไดถัดไปได้อีกหลายบันไดค่ะ



มีสระว่ายน้ำด้วยค่ะ แต่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำลงเท่านั้น



นั่งแพลากไปน้ำตกไทรโยคใหญ่ค่ะ แพออกตอน 4 โมงเย็น ควรไปถึงก่อนประมาณ 15 นาที เผื่อเวลาจับจองที่นั่งค่ะ



นั่งแพประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ จอดแวะเล่นน้ำตกประมาณ 30-40 นาที แล้วก็ลากแพกลับรีสอร์ทค่ะ ช่วงที่เล่นน้ำตก จะมีเรือขายก๋วยเตี๋ยว (40 บาท) ส้มตำ (40 บาท) เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว (ไม่ได้ซื้อ) มีแค่ลำเดียว (หิวจัด ลืมถ่ายรูปค่ะ) ราคารับได้ค่ะ ไม่ถือว่าแพง



กลับมาถึงรีสอร์ทประมาณ 1 ทุ่ม อาบน้ำสระผมเสร็จก็หิวจัดหล่ะค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปเลย ห้องอาหารกว้างขวางค่ะ ก็ไม่ได้ถ่าย (อีกแล้ว) เอารูปอาหารเช้าจากบนโต๊ะลงแทนละกัน อาหารมีให้เลือกเยอะค่ะ ทั้งอาหารเย็นและอาหารเช้า มีพนักงานคอยดูแล และเติมอาหารตลอดค่ะ



ทานอาหารเช้าเสร็จก็พักผ่อนและเก็บของค่ะ ภาพรวมสำหรับวังนกแก้วรีสอร์ท ส่วนตัวแล้วประทับใจค่ะ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอน เช็คเอ้าท์ประมาณ 10 โมง ให้รถของรีสอร์ทออกไปส่งที่ถนนเส้นหลักค่ะ รอรถไปสังขละบุรีต่อ ไปทางอำเภอทองผาภูมิค่ะ



ถามเวลาไว้แล้วตอนขามา รถเมล์ไปสังขละบุรีจะมีวันละ 3 เวลา ออกจากสถานีขนส่งกาญจนบุรีตอน 6:20 8:40 และ 12:00 เป็นรถเมล์กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี กะเวลารถมาถึงประมาณ 2 ชั่วโมง +- เลยออกมารอก่อนดีกว่าค่ะ ประมาณ 10:30 รถก็มาถึงค่ะ ตั้งใจดูรถดีๆ นะคะ เป็นทางตรงลงเนิน รถจะแล่นค่อนข้างเร็ว ต้องรอโบกให้ทันค่ะ