สวัสดีค่า กลับมาอีกแล้วหลังจากที่ห่างหายไปนาน... ^o^
Taiwan trip ของเราเดินทางเดือนพ.ค ปี2016ค่ะ สมาชิกทั้งหมดทั้งมวลรวม 7 คน
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน Nok scoot = 4,242 บาท (ค่าเครื่อง 3,800 + ค่าตัดบัตรเครดิต ประมาณ 442 บาท)
Hotel = 2,535 บาท /3คืน /คน (Taipei M Hotel Main station )
Wifi = 444 บาท /4days /7คน ( I-wifi)
Pocket money = 8,000 บาท (rate 1.115) ได้เงินประมาณ 7,100 NT
Visa = 1,500 บาท (ตอนนี้Free Visaแล้ว ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2559เป็นต้นไป)
Total = 16,340 บาท
Day1
เริ่มวันแรกกันเลย Taipei Go Go!
บินไฟล์ทตี 3 รีบออกมาดอนเมืองกันตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน ทั้งหิว ทั้งง่วง แต่กลัวตกเครื่องอดกินชานมมากกว่า
มิชชั่นของทริปนี้ก็ไม่พ้น “กิน” อีกตามเคย แต่ที่เปลี่ยนไปคือเราจะมุ่งไปชิมชานมอันลือเลื่อง ของขึ้นชื่อของไต้หวัน โดยเราตั้งใจไว้ว่าจะกินกันวันละ 7 แก้ว 7 ร้าน เท่าจำนวนสมาชิก #จริงจังแค่ไหนถามใจเธอดูว์
รีวิวชานมตามอ่านกันได้ในนี้นะคะ --
http://ppantip.com/topic/35173757
ปล.ที่ต้องแยกรีวิวเพราะเรากินกันไปอย่างบ้าคลั่งค่ะ ลองไปอ่านกันดูโน๊ะ
ตัดภาพกลับมาที่ สนามบินดอนเมือง ณ เวลาอีก15นาทีเที่ยงคืน...
ตั้งใจไว้ว่ามาเร็วก่อนสัก 3 ชม. เผื่อมาหาไรกิน ถ่ายรูปสวยเช็กอิน แต่พอลงแท็กซี่ เดินเข้าประตูมาเท่านั้นแหละ
โอ้วววแม่มมมเจ้า แถวเช็คอินหรืองูอนาคอนด้า ยาวได้อีก คดได้อีก
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 4 วัน คนจึงเยอะมว๊ากกก และ Nok Scootไม่สามารถเช็คอิน online ได้ ผู้คนจึงล้นหลามอย่างที่เห็น ขึ้นเครื่องปุ๊บ หลับปั๊บ เก็บแรงไว้กินยาวๆ
Landing…
ถึง Taoyuan International Airport ประมาณ 8 โมงนิดๆ
เอิ่ม....พร้อมม๊ายยยย?
เดินตามป้าย
แวะช้อปชานมคนละขวด 2 ขวด พร้อมเสบียงแล้วก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเข้าเมืองกัน
ซื้อตั๋วไปไทเป 125NT
รอขึ้นรถตรงนี้เลยค่า
บัสจอดที่สถานี Taipei Main Station ฝั่งด้านหลัง เราก็เดินงงกันเข้าไปในสถานี ถามเจ้าหน้าที่ เดินวนในนั้นประมาณ 5นาทีก็พบทางสว่าง ทางออกที่เราตามหา M5 Exit จากนั้นก็เดินตามเพื่อนที่ดูGoogle Street viewมาอย่างดีไปยังรร. ระหว่างทางมีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ทั้งห้าง Watson Mac และ7-11 ประมาณ 2-3 ที่
ท้าด๊า! M hotel Main Station
ห้องพักกว้าง เตียงใหญ่ ที่สำคัญหมอนนุ่มดูดวิญญาณมากค่ะ
ห้องน้ำสะอาด ที่ฉีดตู๊ดแรงเฟร่อ
ภูมิใจนำเสนอโรงแรมมากกกก คือถูก คือดีย์ คือเดินใกล้ ขึ้นรถไฟสะดวกทั้งสถานีTaipei Mainและ Ximen
ตอนแรกเราจองHostel นอนรวม 7 คน จองล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ได้ตั๋วเครื่องบิน แต่ระหว่างนั้นก็เข้ามาส่องอยู่เรื่อยๆเผื่อมีตัวเลือกที่ดีกว่า แล้วเราก็มาเจอ รร.นี้ ตัดสินใจกดจองทันทีทั้งที่ยังไม่มีในรีวิว ถามเพื่อนไต้หวันก็ไม่รู้จัก เนื่องจากเป็นโรงแรมที่รีโนเวทใหม่ เพิ่งเปิดให้พักตอนเดือนมีนาคม (เปิดได้ไม่กี่วันเราก็จองเลยจ้า) ห้องพักมีหลายแบบ เราจองห้องสำหรับ 3 คน และ 4 คนไป ในราคาที่หารเฉลี่ยต่อคน 845 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้า และมีตู้กดสารพัดน้ำให้กดฟรีทั้งคืน
เนื่องจากเหนื่อยมาทั้งคืน มีแค่ขนมประทังความหิว แพลนแรกเรา ก็เลยจัดหนักเป็นอาหารทะเลสดๆที่ตลาดปลา หลังจากที่ทำการบ้านมาอย่างดิบดี เดินทางจากโรงแรมได้หลายวิธี งั้นงี้ๆ รถไฟต่อรถเมล์ ขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน แต่สุดท้ายด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมาก ไม่ต้องนั่งรถไฟหลายต่อ และเรามากันหลายคน ก็เรียกแท็กซี่เลยจ้า พนักงานที่โรงแรมคอนเฟิร์มแล้วไม่ไกล นางก็ใจดีนะ เขียนภาษาไต้หวันให้แถมไปโบกแท็กซี่บอกพิกัดให้เรียบร้อย น่ารักฝุดๆ
เอี๊ยดดดด....ส่งถึงหน้าตลาดปลาด้วยค่าแท็กซี่ 180 NT
ซ้ายเป็นตลาดผลไม้ ขวาเป็นตลาดปลา
โอ้โหวววว จุ้ง หอย ปู ปลา เต็มตลาดทั้งยังเป็นๆและพร้อมเข้ามาอยู่ในท้อง เดินวน เดินหยิบ เดินชนกันไปมา แกซื้อนี่ ชั้นซื้อนั่น มีความสด ความจัดเซ็ทไว้ ซื้อง่าย กินง่าย ที่สำคัญนะ ราคาไม่แพงเลย
เมื่อหยิบทุกอย่างจนพอใจแล้วก็ไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ได้เลยค่ะ พนักงานจะมีตะเกียบและซอสต่างๆเตรียมไว้ให้
เอ๊าพร้อมรึยังเอ่ย? ป่ะๆไปกินกันโล้ด!
ด้านนอกมีโต๊ะให้เลือกนั่ง,ยืนได้ตามใจ
หยิบเพลินเกินห้ามใจ ซาชิมิ ซูชิ ปลาแซลมอนย่าง หอยเซลอบชีส บลาๆ
ใครมีแพลนว่าจะมากินที่นี่ อย่าลื๊มมมมมม “น้ำจิ้มซีฟู้ด” เพิ่มพลังความแซ่บ!
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ 2,400 NT เท่าน้านนนนนน!!!
อิ่มท้องแล้วไปเที่ยวกันต่อค่ะ
แลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้เลยในทริปนี้ก็คือ จิ่วเฟิ่น “Jiufen”เราเปิดพี่Gooหาบัสสายที่ไปจากตลาดปลาได้เลย พี่Gooบอกให้เดินไปอีกนิดแล้วจะมีป้ายรถเมล์ เนื่องจากหากะทันหันเลยไม่ได้จำสายไว้ แต่ไปลงตรงป้ายที่จะต่อไป Jiufen ได้เลยค่ะ
ฝนตกหนักมาก TT
ถ้าถามว่า Jiufen มีอะไร อย่างแรกเลยคือ อยากเห็นสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดการ์ตูนเรื่องโปรด “spirit away” ไปตามหามุมโคมแดงที่โรงน้ำชา อีกทั้งของกินก็เยอะ ร้านรวงขายของมุ้งมิ้งตลอดสองข้างทาง และวิวสวยๆบนภูเขา
นั่งรถออกจากเมืองไปประมาณเกือบ 2 ชม. ระหว่างทางมีแต่ตึกเก่าๆเหมือนในหนังฮ่องกงสมัยก่อน ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ผ่านแม่น้ำ สะพาน ฝนก็ตกตลอดทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเมืองที่น่ารักๆ เป็นปลายทางรอเราอยู่
พอใกล้จะถึง ก็มองเห็นสุสานบนภูเขา เหมือนบ้านหลังเล็กๆเต็มไปหมด ตอนนี้สมาชิกเริ่มตื่นมาชี้ไม้ชี้มือกัน
รถจะจอดหลายป้าย ให้สังเกตป้ายที่คนลงเยอะๆ
ลงรถมาฝนยังไม่หยุดตก ต้องแวะซื้อร่มและเสื้อกันฝนใน 7-11 เจอโหยวโย่วข่าลายมุ้งมิ้ง ได้มาคนละใบไว้ใช้ตอนนั่งรถไฟ
เดินเข้ามายังไม่ถึงสองนาทีเราก็โดนดักด้วย “โรตีไอติมใส่ถั่วใส่ผักชี”
อันนี้คือ รีวิวไหนๆ เพื่อนๆก็บอกต้องลอง เอาวะ ลองก็ลอง
คือไงดี แป้งบางๆ ไอติมจะหวานน้อยๆ รสสัมผัสจะออกเป็นไอติมกะทิบ้านเราก็ไม่ใช่ ร่วนๆแบบเชอร์เบทก็ไม่เชิง มีความกรุบๆ ของถั่วและความเฮลตี้ของผักชี เอิ่ม...ลองดูเองโน๊ะ!
ต่อค่ะ
ขนมอันนี้เพื่อนไต้หวันเคยซื้อมาฝากแล้วนางภูมิใจนำเสนอมากว่า นี่ฮิตสุดๆในไต้หวัน อร่อยมากนะ
นี่ก็ลองชิมดู
เฮ้ยบับ... มีความของคาวและของหวานรวมอยู่ด้วยกัน เหมือนอากงอาม่าชอบกินมะม่วงสุกกับข้าวสวยไรงี้
แครกเกอร์มีต้นหอมแทรกซึมอยู่และเค็มอ่อนๆ ส่วนไส้นั้นเหนียวๆ รสนมๆ กินไปพร้อมกันอื้ม..หนุบหนับ
ก็อร่อยนะแค่ไม่คุ้นเคย
พพ : 1อันค่า^^
แม่ค้า : มองบน
พพ : เอิ่ม...
อันต่อมา คือพีคเบาๆ ก่อนมาเราดูคลิปที่ฝรั่งมา Jiufen แล้วกินหอย นางบอกว่า snail ซึ่งมันคือหอยทาก แล้วเอามาย่างกินงี้หรอ เอิ่ม...
ใต้ความอยากลอง 3 ตัว 100 NT
เรามีไม้เด็ด ควักน้ำจิ้มซีฟู้ดออกมาราดจ้า พกมันไปทุกที่ รสชาติก็เหมือนหอยหวานย่างนะ หวาน กรุบ เด้ง อร่อยดี
อิ่มแล้ว ไปชมวิวกันบ้างดีกว่า
โรงน้ำชา
ขากลับ เรากลับกันก่อนค่ำ กลัวรถจะหมด กลัวคนจะเยอะแย่งกันขึ้นรถ แต่ปรากฏว่าคนรอรถไม่เยอะ อาจเป็นเพราะฝนตกปรอยๆตลอด ใครมีแพลนจะไปเที่ยว เผื่อเวลา แล้วก็ติดร่มคันเล็กๆไปกันด้วยนะค้า (ค่ารถขากลับ 100 NT จอดที่ป้ายเดิมตอนขามา)
つづく。。。
[CR] ไทเปหลายหมื่นกิโล(แคลอรี่) #WheretoTabiTabi
สวัสดีค่า กลับมาอีกแล้วหลังจากที่ห่างหายไปนาน... ^o^
Taiwan trip ของเราเดินทางเดือนพ.ค ปี2016ค่ะ สมาชิกทั้งหมดทั้งมวลรวม 7 คน
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน Nok scoot = 4,242 บาท (ค่าเครื่อง 3,800 + ค่าตัดบัตรเครดิต ประมาณ 442 บาท)
Hotel = 2,535 บาท /3คืน /คน (Taipei M Hotel Main station )
Wifi = 444 บาท /4days /7คน ( I-wifi)
Pocket money = 8,000 บาท (rate 1.115) ได้เงินประมาณ 7,100 NT
Visa = 1,500 บาท (ตอนนี้Free Visaแล้ว ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2559เป็นต้นไป)
Total = 16,340 บาท
Day1
เริ่มวันแรกกันเลย Taipei Go Go!
บินไฟล์ทตี 3 รีบออกมาดอนเมืองกันตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน ทั้งหิว ทั้งง่วง แต่กลัวตกเครื่องอดกินชานมมากกว่า
มิชชั่นของทริปนี้ก็ไม่พ้น “กิน” อีกตามเคย แต่ที่เปลี่ยนไปคือเราจะมุ่งไปชิมชานมอันลือเลื่อง ของขึ้นชื่อของไต้หวัน โดยเราตั้งใจไว้ว่าจะกินกันวันละ 7 แก้ว 7 ร้าน เท่าจำนวนสมาชิก #จริงจังแค่ไหนถามใจเธอดูว์
รีวิวชานมตามอ่านกันได้ในนี้นะคะ -- http://ppantip.com/topic/35173757
ปล.ที่ต้องแยกรีวิวเพราะเรากินกันไปอย่างบ้าคลั่งค่ะ ลองไปอ่านกันดูโน๊ะ
ตัดภาพกลับมาที่ สนามบินดอนเมือง ณ เวลาอีก15นาทีเที่ยงคืน...
ตั้งใจไว้ว่ามาเร็วก่อนสัก 3 ชม. เผื่อมาหาไรกิน ถ่ายรูปสวยเช็กอิน แต่พอลงแท็กซี่ เดินเข้าประตูมาเท่านั้นแหละ
โอ้วววแม่มมมเจ้า แถวเช็คอินหรืองูอนาคอนด้า ยาวได้อีก คดได้อีก
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 4 วัน คนจึงเยอะมว๊ากกก และ Nok Scootไม่สามารถเช็คอิน online ได้ ผู้คนจึงล้นหลามอย่างที่เห็น ขึ้นเครื่องปุ๊บ หลับปั๊บ เก็บแรงไว้กินยาวๆ
Landing…
ถึง Taoyuan International Airport ประมาณ 8 โมงนิดๆ
เอิ่ม....พร้อมม๊ายยยย?
เดินตามป้าย
แวะช้อปชานมคนละขวด 2 ขวด พร้อมเสบียงแล้วก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเข้าเมืองกัน
ซื้อตั๋วไปไทเป 125NT
รอขึ้นรถตรงนี้เลยค่า
บัสจอดที่สถานี Taipei Main Station ฝั่งด้านหลัง เราก็เดินงงกันเข้าไปในสถานี ถามเจ้าหน้าที่ เดินวนในนั้นประมาณ 5นาทีก็พบทางสว่าง ทางออกที่เราตามหา M5 Exit จากนั้นก็เดินตามเพื่อนที่ดูGoogle Street viewมาอย่างดีไปยังรร. ระหว่างทางมีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ทั้งห้าง Watson Mac และ7-11 ประมาณ 2-3 ที่
ท้าด๊า! M hotel Main Station
ห้องพักกว้าง เตียงใหญ่ ที่สำคัญหมอนนุ่มดูดวิญญาณมากค่ะ
ห้องน้ำสะอาด ที่ฉีดตู๊ดแรงเฟร่อ
ภูมิใจนำเสนอโรงแรมมากกกก คือถูก คือดีย์ คือเดินใกล้ ขึ้นรถไฟสะดวกทั้งสถานีTaipei Mainและ Ximen
ตอนแรกเราจองHostel นอนรวม 7 คน จองล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ได้ตั๋วเครื่องบิน แต่ระหว่างนั้นก็เข้ามาส่องอยู่เรื่อยๆเผื่อมีตัวเลือกที่ดีกว่า แล้วเราก็มาเจอ รร.นี้ ตัดสินใจกดจองทันทีทั้งที่ยังไม่มีในรีวิว ถามเพื่อนไต้หวันก็ไม่รู้จัก เนื่องจากเป็นโรงแรมที่รีโนเวทใหม่ เพิ่งเปิดให้พักตอนเดือนมีนาคม (เปิดได้ไม่กี่วันเราก็จองเลยจ้า) ห้องพักมีหลายแบบ เราจองห้องสำหรับ 3 คน และ 4 คนไป ในราคาที่หารเฉลี่ยต่อคน 845 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้า และมีตู้กดสารพัดน้ำให้กดฟรีทั้งคืน
เนื่องจากเหนื่อยมาทั้งคืน มีแค่ขนมประทังความหิว แพลนแรกเรา ก็เลยจัดหนักเป็นอาหารทะเลสดๆที่ตลาดปลา หลังจากที่ทำการบ้านมาอย่างดิบดี เดินทางจากโรงแรมได้หลายวิธี งั้นงี้ๆ รถไฟต่อรถเมล์ ขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน แต่สุดท้ายด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมาก ไม่ต้องนั่งรถไฟหลายต่อ และเรามากันหลายคน ก็เรียกแท็กซี่เลยจ้า พนักงานที่โรงแรมคอนเฟิร์มแล้วไม่ไกล นางก็ใจดีนะ เขียนภาษาไต้หวันให้แถมไปโบกแท็กซี่บอกพิกัดให้เรียบร้อย น่ารักฝุดๆ
เอี๊ยดดดด....ส่งถึงหน้าตลาดปลาด้วยค่าแท็กซี่ 180 NT
ซ้ายเป็นตลาดผลไม้ ขวาเป็นตลาดปลา
โอ้โหวววว จุ้ง หอย ปู ปลา เต็มตลาดทั้งยังเป็นๆและพร้อมเข้ามาอยู่ในท้อง เดินวน เดินหยิบ เดินชนกันไปมา แกซื้อนี่ ชั้นซื้อนั่น มีความสด ความจัดเซ็ทไว้ ซื้อง่าย กินง่าย ที่สำคัญนะ ราคาไม่แพงเลย
เมื่อหยิบทุกอย่างจนพอใจแล้วก็ไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ได้เลยค่ะ พนักงานจะมีตะเกียบและซอสต่างๆเตรียมไว้ให้
เอ๊าพร้อมรึยังเอ่ย? ป่ะๆไปกินกันโล้ด!
ด้านนอกมีโต๊ะให้เลือกนั่ง,ยืนได้ตามใจ
หยิบเพลินเกินห้ามใจ ซาชิมิ ซูชิ ปลาแซลมอนย่าง หอยเซลอบชีส บลาๆ
ใครมีแพลนว่าจะมากินที่นี่ อย่าลื๊มมมมมม “น้ำจิ้มซีฟู้ด” เพิ่มพลังความแซ่บ!
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ 2,400 NT เท่าน้านนนนนน!!!
อิ่มท้องแล้วไปเที่ยวกันต่อค่ะ
แลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้เลยในทริปนี้ก็คือ จิ่วเฟิ่น “Jiufen”เราเปิดพี่Gooหาบัสสายที่ไปจากตลาดปลาได้เลย พี่Gooบอกให้เดินไปอีกนิดแล้วจะมีป้ายรถเมล์ เนื่องจากหากะทันหันเลยไม่ได้จำสายไว้ แต่ไปลงตรงป้ายที่จะต่อไป Jiufen ได้เลยค่ะ
ฝนตกหนักมาก TT
ถ้าถามว่า Jiufen มีอะไร อย่างแรกเลยคือ อยากเห็นสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดการ์ตูนเรื่องโปรด “spirit away” ไปตามหามุมโคมแดงที่โรงน้ำชา อีกทั้งของกินก็เยอะ ร้านรวงขายของมุ้งมิ้งตลอดสองข้างทาง และวิวสวยๆบนภูเขา
นั่งรถออกจากเมืองไปประมาณเกือบ 2 ชม. ระหว่างทางมีแต่ตึกเก่าๆเหมือนในหนังฮ่องกงสมัยก่อน ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ผ่านแม่น้ำ สะพาน ฝนก็ตกตลอดทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเมืองที่น่ารักๆ เป็นปลายทางรอเราอยู่
พอใกล้จะถึง ก็มองเห็นสุสานบนภูเขา เหมือนบ้านหลังเล็กๆเต็มไปหมด ตอนนี้สมาชิกเริ่มตื่นมาชี้ไม้ชี้มือกัน
รถจะจอดหลายป้าย ให้สังเกตป้ายที่คนลงเยอะๆ
ลงรถมาฝนยังไม่หยุดตก ต้องแวะซื้อร่มและเสื้อกันฝนใน 7-11 เจอโหยวโย่วข่าลายมุ้งมิ้ง ได้มาคนละใบไว้ใช้ตอนนั่งรถไฟ
เดินเข้ามายังไม่ถึงสองนาทีเราก็โดนดักด้วย “โรตีไอติมใส่ถั่วใส่ผักชี”
อันนี้คือ รีวิวไหนๆ เพื่อนๆก็บอกต้องลอง เอาวะ ลองก็ลอง
คือไงดี แป้งบางๆ ไอติมจะหวานน้อยๆ รสสัมผัสจะออกเป็นไอติมกะทิบ้านเราก็ไม่ใช่ ร่วนๆแบบเชอร์เบทก็ไม่เชิง มีความกรุบๆ ของถั่วและความเฮลตี้ของผักชี เอิ่ม...ลองดูเองโน๊ะ!
ต่อค่ะ
ขนมอันนี้เพื่อนไต้หวันเคยซื้อมาฝากแล้วนางภูมิใจนำเสนอมากว่า นี่ฮิตสุดๆในไต้หวัน อร่อยมากนะ
นี่ก็ลองชิมดู
เฮ้ยบับ... มีความของคาวและของหวานรวมอยู่ด้วยกัน เหมือนอากงอาม่าชอบกินมะม่วงสุกกับข้าวสวยไรงี้
แครกเกอร์มีต้นหอมแทรกซึมอยู่และเค็มอ่อนๆ ส่วนไส้นั้นเหนียวๆ รสนมๆ กินไปพร้อมกันอื้ม..หนุบหนับ
ก็อร่อยนะแค่ไม่คุ้นเคย
พพ : 1อันค่า^^
แม่ค้า : มองบน
พพ : เอิ่ม...
อันต่อมา คือพีคเบาๆ ก่อนมาเราดูคลิปที่ฝรั่งมา Jiufen แล้วกินหอย นางบอกว่า snail ซึ่งมันคือหอยทาก แล้วเอามาย่างกินงี้หรอ เอิ่ม...
ใต้ความอยากลอง 3 ตัว 100 NT
เรามีไม้เด็ด ควักน้ำจิ้มซีฟู้ดออกมาราดจ้า พกมันไปทุกที่ รสชาติก็เหมือนหอยหวานย่างนะ หวาน กรุบ เด้ง อร่อยดี
อิ่มแล้ว ไปชมวิวกันบ้างดีกว่า
โรงน้ำชา
ขากลับ เรากลับกันก่อนค่ำ กลัวรถจะหมด กลัวคนจะเยอะแย่งกันขึ้นรถ แต่ปรากฏว่าคนรอรถไม่เยอะ อาจเป็นเพราะฝนตกปรอยๆตลอด ใครมีแพลนจะไปเที่ยว เผื่อเวลา แล้วก็ติดร่มคันเล็กๆไปกันด้วยนะค้า (ค่ารถขากลับ 100 NT จอดที่ป้ายเดิมตอนขามา)
つづく。。。