REVIEW
Blair Witch (2016)
Director: Adam Wingard
"ตำนานบางเรื่อง เราก็ไม่ควรไปยุ่มย่ามกับมัน"
คำจำกัดความในที่นี้หมายถึงทั้งตัวละคร และ การหยิบหนังเรื่องนี้มาเล่าต่อด้วย จะว่าไปแล้วในยุคสมัยที่ The Blair Witch Project มันโด่งดังทั่วโลกก็เพราะว่า "สไตล์" ของหนังและผนวกกับการตลาดที่ชาญฉลาดมาก ทำให้หนังได้รับการกล่าวขวัญถึงทุกวันนี้ เพราะถ้าเอาเข้าจริงมองกันตามเนื้อผ้า มันคือการถ่ายทำภาพการเดินป่าขนาดยาวและการสร้างบรรยากาศมากกว่า
แต่เหนืออื่นใดเหตุผลที่ The Blair Witch Project มีเสน่ห์และจะได้รับการกล่าวถึงไปอีกนานแสนนานก็เพราะว่า "เราไม่เคยรู้ว่า จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับชะตากรรมของวัยรุ่นทั้งสามคน" หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป แม่มดมีจริงหรือไม่
สำหรับ Blair Witch คือการเล่าเรื่องต่อมาหลังจากนั้น 20 ปี เมื่อน้องชายของเฮเธอร์เกิดอยากจะตามหาพี่สาวที่หายไป (กว่า 20 ปี) และประหนึ่งว่าตัวละครเหล่านี้ไม่เคยดูหนังสยองขวัญกันมาก่อนในชีวิต การเดินทางเข้าป่าต้องคำสาปจึงเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเขา
สิ่งที่ตอนแรกเหมือนจะโดดเด่นมากก็คือหนังพยายามบอกคนดูว่าหนังเรื่องนี้มาจากกล้องหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่ติดแบบบลูทูชที่หู มีโดรน กล้องโปร กล้องวีดี (สารพัดสารเพ ซึ่งถ้า GpPro เป็นสปอนเซอร์อีกเราอาจจะได้เห็นกล้องในมุมแบบนั้นด้วยก็ได้ 5555) แต่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปข้างหน้า หนังก็ยิ่งจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ด้อยค่าลงเรื่อยๆ พอๆกับสติปัญญาของตัวละครที่คงไม่เคยดูหนังสยองขวัญกันมาก่อนจริงๆ
ช่วงแรกจนถึงกลางเรื่อง หนังสร้างบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจของป่าแบล็คฮิลล์ได้ดี และการที่หนังเล่นกับเสียงและความมืด (รวมไปถึงสิ่งที่มองไม่เห็น) ยิ่งปลุกเร้าจินตนาการของผู้ชมให้เตลิดเปิดเปิงยามที่ทุกครั้งไฟฉายของตัวละครดับ หรือมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น แต่น่าเสียดายเมื่อหนังเดินทางมาสู่ช่วงเผยร่างลึกลับ หนังกลายเป็นหนังที่อุดุมไปด้วยพล็อตแนวตัวละครโง่ ทำพฤติกรรมสมควรแก่ความตาย (อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างอยากให้ดูเอง ซึ่งรับรองว่าผู้ชมจะได้สมเพชเวทนาตัวละครอย่างสาแก่ใจแน่นอน)
ในภาพรวม Blair Witch ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเลวร้ายทนดูไม่ได้ แต่อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังกับตัวผู้กำกับอย่าง อดัม วินการ์ด ไว้เยอะ เพราะหนังก่อนหน้านี้ของเขาแทบทุกเรื่องล้วนแล้วแต่มีจุดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหนังเชือด You're Next ที่ชาญฉลาด The ABCs of Death ที่ตลกร้ายสะใจ The Guest เป็นหนังระทึกขวัญที่โคตรสนุก พอมาโหมดธรรมดามาก สูตรเชยๆตามขนบหนังแนวนี้เลยผิดหวังพอสมควร
-------------------------------------------------------------------------------------
อย่างไรก็ตามความพยายามของ Blair Witch (มีการเปิดเผยรายละเอียดนิดหน่อย ถ้าไม่ต้องการทราบก่อนดูหนังอยากให้ข้ามย่อหน้านี้ไปครับ) คือความพยายามขยาย "ตำนาน" และ "ความผิดปกติ" ของป่าแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1.เวลาหลังที่ตัวละครโดนคำสาป (เวลาจะไม่เสถียร กลางวันป่าก็ยังจะฟ้ามืดไม่เห็นตะวัน)
2.แผลของตัวละครที่เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในเนื้อ
3.บ้านลึกลับ ที่มีห้องมากมายเต็มไปหมด และอุโมงค์ที่ขดตัวอยู่ในบ้าน
4.การลวงตาและการพรางตา (ซึ่งน่าจะเป็นอำนาจของสิ่งลึกลับ) ที่ทำให้ผู้โดนคำสาปหลงวัน หลงคืน และบางทีตัวละครที่รอดชีวิตอาจจะหลุดเข้าไปอยู่ในมิติเวลาบางอย่าง (ตัวอย่างเช่นตัวละคร เลน หนวดเครายาวเฟิ้มและกลายเป็นคนเสียสติภายในเวลาไม่กี่นาที หลังจากที่คนดูไม่ได้เห็นตัวละครนี้ในจอ)
แต่การสร้างปริศนาเหล่านี้ก็ไม่ได้รับคำเฉลย เช่นเดียวกับหนังภาคแรกที่ สุดท้ายคนดูก็ไม่รู้ว่าการที่กล้องล้มไปคืออะไร แต่อย่างน้อยภาคนี้คนดูจะได้รู้คำตอบว่าทำไม คนในหนังภาคแรกถึงหันหน้าเข้าผนังและทำไมกล้องถึงล้ม
#BlairWitch
#PRETTYPLASALID
ชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ละครเวที พากิน พาเที่ยว ฝากตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับ
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[SR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] Blair Witch - "ตำนานบางเรื่อง เราก็ไม่ควรไปยุ่มย่ามกับมัน"
REVIEW
Blair Witch (2016)
Director: Adam Wingard
"ตำนานบางเรื่อง เราก็ไม่ควรไปยุ่มย่ามกับมัน"
คำจำกัดความในที่นี้หมายถึงทั้งตัวละคร และ การหยิบหนังเรื่องนี้มาเล่าต่อด้วย จะว่าไปแล้วในยุคสมัยที่ The Blair Witch Project มันโด่งดังทั่วโลกก็เพราะว่า "สไตล์" ของหนังและผนวกกับการตลาดที่ชาญฉลาดมาก ทำให้หนังได้รับการกล่าวขวัญถึงทุกวันนี้ เพราะถ้าเอาเข้าจริงมองกันตามเนื้อผ้า มันคือการถ่ายทำภาพการเดินป่าขนาดยาวและการสร้างบรรยากาศมากกว่า
แต่เหนืออื่นใดเหตุผลที่ The Blair Witch Project มีเสน่ห์และจะได้รับการกล่าวถึงไปอีกนานแสนนานก็เพราะว่า "เราไม่เคยรู้ว่า จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับชะตากรรมของวัยรุ่นทั้งสามคน" หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป แม่มดมีจริงหรือไม่
สำหรับ Blair Witch คือการเล่าเรื่องต่อมาหลังจากนั้น 20 ปี เมื่อน้องชายของเฮเธอร์เกิดอยากจะตามหาพี่สาวที่หายไป (กว่า 20 ปี) และประหนึ่งว่าตัวละครเหล่านี้ไม่เคยดูหนังสยองขวัญกันมาก่อนในชีวิต การเดินทางเข้าป่าต้องคำสาปจึงเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเขา
สิ่งที่ตอนแรกเหมือนจะโดดเด่นมากก็คือหนังพยายามบอกคนดูว่าหนังเรื่องนี้มาจากกล้องหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่ติดแบบบลูทูชที่หู มีโดรน กล้องโปร กล้องวีดี (สารพัดสารเพ ซึ่งถ้า GpPro เป็นสปอนเซอร์อีกเราอาจจะได้เห็นกล้องในมุมแบบนั้นด้วยก็ได้ 5555) แต่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปข้างหน้า หนังก็ยิ่งจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ด้อยค่าลงเรื่อยๆ พอๆกับสติปัญญาของตัวละครที่คงไม่เคยดูหนังสยองขวัญกันมาก่อนจริงๆ
ช่วงแรกจนถึงกลางเรื่อง หนังสร้างบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจของป่าแบล็คฮิลล์ได้ดี และการที่หนังเล่นกับเสียงและความมืด (รวมไปถึงสิ่งที่มองไม่เห็น) ยิ่งปลุกเร้าจินตนาการของผู้ชมให้เตลิดเปิดเปิงยามที่ทุกครั้งไฟฉายของตัวละครดับ หรือมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น แต่น่าเสียดายเมื่อหนังเดินทางมาสู่ช่วงเผยร่างลึกลับ หนังกลายเป็นหนังที่อุดุมไปด้วยพล็อตแนวตัวละครโง่ ทำพฤติกรรมสมควรแก่ความตาย (อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างอยากให้ดูเอง ซึ่งรับรองว่าผู้ชมจะได้สมเพชเวทนาตัวละครอย่างสาแก่ใจแน่นอน)
ในภาพรวม Blair Witch ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเลวร้ายทนดูไม่ได้ แต่อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังกับตัวผู้กำกับอย่าง อดัม วินการ์ด ไว้เยอะ เพราะหนังก่อนหน้านี้ของเขาแทบทุกเรื่องล้วนแล้วแต่มีจุดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหนังเชือด You're Next ที่ชาญฉลาด The ABCs of Death ที่ตลกร้ายสะใจ The Guest เป็นหนังระทึกขวัญที่โคตรสนุก พอมาโหมดธรรมดามาก สูตรเชยๆตามขนบหนังแนวนี้เลยผิดหวังพอสมควร
-------------------------------------------------------------------------------------
อย่างไรก็ตามความพยายามของ Blair Witch (มีการเปิดเผยรายละเอียดนิดหน่อย ถ้าไม่ต้องการทราบก่อนดูหนังอยากให้ข้ามย่อหน้านี้ไปครับ) คือความพยายามขยาย "ตำนาน" และ "ความผิดปกติ" ของป่าแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#BlairWitch
#PRETTYPLASALID
ชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ละครเวที พากิน พาเที่ยว ฝากตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับ https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/