ตั้งแต่เปิดบริการมา เก็บค่าบริการได้ไม่กี่ร้อยล้าน ลงทุนไป 3000ล้าน
พอหมดสัญญา จะเปลี่ยนเป้นแบบรางอีกแล้ว
สมเป็นโครงการของพรรคแมงสาปจริงๆ
แต่ว่าโครงการแบบนี้แหละ ผ่านฉลุย ไร้การตรวจสอบ
นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ( เคที ) ในฐานะวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า วันที่1ต.ค.นี้ รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) สายสาทร-ราชพฤกษ์ จะปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ พื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้โดยสาร จากเดิมเก็บ 5 บาทตลอดสาย ส่วนอัตราที่ปรับใหม่ จะเก็บตามโซน โดยโซนที่ 1 จากสถานีสาทร ถึง สถานีวัดด่าน จำนวน 6 สถานี กำหนดอัตราค่าโดยสาร 5 บาท โซนที่ 2 จากสถานีวัดด่าน ถึง สถานีราชพฤกษ์ จำนวน 6 สถานี กำหนดอัตราค่าโดยสาร 5 บาท สำหรับ กรณีเดินทางข้ามโซน กำหนดอัตราค่าโดยสาร 10 บาท คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ค่าโดยสารเฉลี่ย 4.5 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้นายมานิตยังกล่าวถึงความคืบหน้าการปรับรูปแบบการเดินรถบีอาร์ที(BRT) ช่วงสถานีรถไฟฟ้าสาทร-ราชพฤกษ์ ระยะทาง 15.6 กม. ว่า ขณะนี้เคทีได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนในการดำเนินการศึกษารูปแบบเส้นทางการเดินรถบีอาร์ทีรูปแบบใหม่เพื่อเตรียมเสนอกทม. เป็นแผนการดำเนินการระยะต่อไปหลังจากหมดสัญญากับกทม.ในเดือนเม.ย.60นี้ ในเบื้องต้นบริษัทฯได้เสนอแนวทางปรับรูปแบบบีอาร์ทีใหม่จากเดิมใช้ล้อในการขับเคลื่อนให้เปลี่ยนมาเป็น
ระบบราง(Tram)แทนโดยจะเปลี่ยนตั้งแต่สถานีสาทร-สถานีสะพานพระราม3 โดยใช้ช่องจราจรของรถบีอาร์ทีเดิมอยู่ส่วนจะเป็นยกระดับหรือวิ่งบนพื้นราบนั้น ต้องรอผลศึกษาอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหารถจักรยานยนต์ลักลอบใช้ช่องของบีอาร์ทีส่งผลให้รับ-ส่งผู้โดยสารช้า สำหรับพลังงานนั้นจะใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าแทนโดยใช้รูปแบบการชาร์ตไฟที่สถานีแทน ส่วนสถานีพระราม3-สถานีราชพฤกษ์ นั้นยังคงต้องใช้ระบบล้ออยู่เนื่องจากการทำรางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจะใช้งบประมาณค่อนข้างสูงคาดว่าภายในเดือนต.ค.นี้ผลการศึกษาจะเสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามสำหรับการปรับรูปแบบเส้นทางบีอาร์ทีถือว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่หลังจากเปิดให้บริการมา7ปีมีผู้ใช้บริการรวม36ล้านเที่ยวคน หรือ 20,000 คน ต่อวัน เห็นได้ว่ารถบีอาร์ทีมีความจำเป็นแก่ประชาชนในเขตกทม.อยู่และไม่ควรยกเลิกการให้บริการ เชื่อว่าในอนาคตบีอาร์ทีจะเป็นขนส่งมวลชนระบบรองหรือฟีดเดอร์(feeder)สำคัญเพื่อเชื่อมกับระบบขนส่งหลักในอนาคตที่จะเกิดขึ้นอีกมากมาย ... อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/economic/525139
ได้เวลารื้อของเก่า BRTระบบใหม่เป็นแบบราง สวดยอดจริงลูกพี่ ของเก่าขาดทุนวัน จะรื้อทำใหม่อีกแล้ว
พอหมดสัญญา จะเปลี่ยนเป้นแบบรางอีกแล้ว
สมเป็นโครงการของพรรคแมงสาปจริงๆ
แต่ว่าโครงการแบบนี้แหละ ผ่านฉลุย ไร้การตรวจสอบ
นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ( เคที ) ในฐานะวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า วันที่1ต.ค.นี้ รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) สายสาทร-ราชพฤกษ์ จะปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ พื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้โดยสาร จากเดิมเก็บ 5 บาทตลอดสาย ส่วนอัตราที่ปรับใหม่ จะเก็บตามโซน โดยโซนที่ 1 จากสถานีสาทร ถึง สถานีวัดด่าน จำนวน 6 สถานี กำหนดอัตราค่าโดยสาร 5 บาท โซนที่ 2 จากสถานีวัดด่าน ถึง สถานีราชพฤกษ์ จำนวน 6 สถานี กำหนดอัตราค่าโดยสาร 5 บาท สำหรับ กรณีเดินทางข้ามโซน กำหนดอัตราค่าโดยสาร 10 บาท คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ค่าโดยสารเฉลี่ย 4.5 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้นายมานิตยังกล่าวถึงความคืบหน้าการปรับรูปแบบการเดินรถบีอาร์ที(BRT) ช่วงสถานีรถไฟฟ้าสาทร-ราชพฤกษ์ ระยะทาง 15.6 กม. ว่า ขณะนี้เคทีได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนในการดำเนินการศึกษารูปแบบเส้นทางการเดินรถบีอาร์ทีรูปแบบใหม่เพื่อเตรียมเสนอกทม. เป็นแผนการดำเนินการระยะต่อไปหลังจากหมดสัญญากับกทม.ในเดือนเม.ย.60นี้ ในเบื้องต้นบริษัทฯได้เสนอแนวทางปรับรูปแบบบีอาร์ทีใหม่จากเดิมใช้ล้อในการขับเคลื่อนให้เปลี่ยนมาเป็นระบบราง(Tram)แทนโดยจะเปลี่ยนตั้งแต่สถานีสาทร-สถานีสะพานพระราม3 โดยใช้ช่องจราจรของรถบีอาร์ทีเดิมอยู่ส่วนจะเป็นยกระดับหรือวิ่งบนพื้นราบนั้น ต้องรอผลศึกษาอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหารถจักรยานยนต์ลักลอบใช้ช่องของบีอาร์ทีส่งผลให้รับ-ส่งผู้โดยสารช้า สำหรับพลังงานนั้นจะใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าแทนโดยใช้รูปแบบการชาร์ตไฟที่สถานีแทน ส่วนสถานีพระราม3-สถานีราชพฤกษ์ นั้นยังคงต้องใช้ระบบล้ออยู่เนื่องจากการทำรางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจะใช้งบประมาณค่อนข้างสูงคาดว่าภายในเดือนต.ค.นี้ผลการศึกษาจะเสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามสำหรับการปรับรูปแบบเส้นทางบีอาร์ทีถือว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่หลังจากเปิดให้บริการมา7ปีมีผู้ใช้บริการรวม36ล้านเที่ยวคน หรือ 20,000 คน ต่อวัน เห็นได้ว่ารถบีอาร์ทีมีความจำเป็นแก่ประชาชนในเขตกทม.อยู่และไม่ควรยกเลิกการให้บริการ เชื่อว่าในอนาคตบีอาร์ทีจะเป็นขนส่งมวลชนระบบรองหรือฟีดเดอร์(feeder)สำคัญเพื่อเชื่อมกับระบบขนส่งหลักในอนาคตที่จะเกิดขึ้นอีกมากมาย ... อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/economic/525139