[2PM] แปลสัมภาษณ์ FRAU MAGAZINE #OCTOBER 2016
FRAU MAGAZINE OCTOBER 2016
+ IMAGE
NICHKHUN
Q : เมื่อลองมองย้อนกลับไปถึงความรู้สึกตอนเดบิวต์?
Nichkhun : ถ้าพูดตามตรง แต่เดิมไม่ได้มุ่งมั่นจะเป็นนักร้องครับ ถูกแมวมองชักชวน
จู่ๆก็เป็นเด็กฝึกหัด แล้วก็ถึงขั้นเดบิวต์ รู้สึกประหลาดใจครับ
Q : ช่วยบอกความรู้สึกตอนที่เจอหน้ากับสมาชิกวงแต่ละคนครั้งแรกหน่อย
Nichkhun : จุนเค > เพื่อนที่ใจดี เพราะว่าเทคแคร์ผมซึ่งตอนนั้นพูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลยอย่างดีมาก
แทคยอน > เห็นครั้งแรกดูท่าทางเป็นเด็กเรียน (หัวเราะ) แล้วก็เป็นล่าม
เพราะว่าเขาใช้ชีวิตที่อเมริกาเหมือนกับผม
อูยอง > เด็กหลงทางที่น่ารัก เพิ่งมาจากปูซานใหม่ๆ ดูไร้เดียงสามากๆ
จุนโฮ > เป็นคนที่มีความฝันยิ่งใหญ่ พยายามเต็มที่เพื่อความฝัน
ชานซอง > คิดว่าต้องแก่กว่าตัวเองแน่ๆ (หัวเราะ)
Q : สิ่งที่ได้รับรู้ว่า “จริงๆแล้ว○○” หลังจากทำงานร่วมกันมา 8 ปีล่ะ?
Nichkhun : จุนเค > ยิ่งรู้ถึงความสามารถยิ่งเพอร์เฟค ได้ดูจุนเคแสดง Musical ซึ่งก็เพอร์เฟค!
แทคยอน > เขาไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเชื่อใจได้
อูยอง > จะว่าโลภก็ไม่เชิงแต่เป็นคนที่ยึดความสมบูรณ์แบบต่อตัวเอง
จุนโฮ > คิดว่าเป็นคนที่มีความฝันยิ่งใหญ่แต่แรก แต่ในความเป็นจริงความฝันยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก 100 เท่า!
ชานซอง > จริงๆเป็นน้องเล็กสุด (หัวเราะ) ช่วงหลังเล่นกอล์ฟด้วยกันบ่อย
ก็เลยรู้นิสัยลึกซึ้งขึ้น เป็นคนที่สุภาพมากๆ
Q : รู้สึกยังไงที่เคยถูกเรียกว่าไอดอลสัตว์ป่า?
Nichkhun : ก่อนหน้าพวกผม ไม่มีไอดอลที่ถูกเรียกแบบนั้น รู้สึกเป็นเกียรติ แต่ก็รู้สึกกดดันด้วยครับ
เวลาโชว์ต้องฉีกเสื้อผ้า, ต้องโชว์กล้าม เพราะฉะนั้นต้องฟิตหุ่นอยู่เสมอ……
Q : ส่วนที่คิดว่าเติบโตขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบตอนนี้กับตอนเดบิวต์คือ?
Nichkhun : ตัวเองบนเวที ช่วงแรกๆจะเอาแต่รู้สึกกดดันว่าต้องห้ามเต้นผิด, ต้องร้องเพลงให้เพอร์เฟค
เลยไม่ได้สื่อสารกับแฟนคลับเลยครับ แต่ตอนนี้คิดว่าขอให้ตัวเองสนุก
และเข้าใจซึ่งกันและกันกับแฟนคลับได้คือดีที่สุดครับ
Q : ตรงกันข้ามกัน ส่วนที่ถดถอยลงล่ะ? (หัวเราะ)
Nichkhun : ที่ผ่านมา 8 ปี พยายามเต็มที่ที่จะเติมเต็มส่วนที่ไม่เพียงพอของตัวเองมาตลอด
เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมีส่วนที่ยังไม่เพียงพอ แต่คิดว่าไม่มีส่วนที่ถดถอยกว่าตอนนั้นนะครับ
Q : ส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดทางด้านร่างกาย เมื่อเทียบตอนนี้กับตอนเดบิวต์คือ?
Nichkhun : ก่อนหน้านี้ฟิตกล้ามเยอะมาก แต่ช่วงหลังนี้เล่นแต่กอล์ฟ ความแข็งแกร่งน่าจะลดลง……..
จุนเคได้เป็นนายแบบขึ้นปกนิตยสาร Men’s health ผมได้ไปดูตอนถ่ายแบบ
พอเห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาแล้ว วันนั้นรีบแจ้นไปฟิตเนสเลยครับ (หัวเราะ)
Q : ตอนเดบิวต์ นึกภาพของพวกตัวเองตอนนี้ออกไหม
Nichkhun : ตอนนั้นมองไม่เห็นสถานการณ์รอบตัวเลย ภาษาเกาหลีก็ไม่ได้เลย
เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางความมืดเลยครับ เพราะฉะนั้นนึกภาพตัวเองตอนนี้ไม่ออกเลยครับ
Q : ถ้าตอนนี้จะพูดกับตัวเองตอนช่วงเดบิวต์ จะพูดว่าอะไร?
Nichkhun : อย่ากดดันมากจนเกินไป ผ่อนคลายบ้าง
Q : ถ้าไม่ได้เป็น 2PM คิดว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่?
Nichkhun : ตอนช่วงเดบิวต์ มีงานอดิเรกหลายอย่างเลยครับ ชอบถ่ายรูปมาก ชอบเล่นเปียโนมาก ถนัดแบตมิตตัน
เพราะฉะนั้นอาจจะมุ่งมั่นเป็นนักกีฬาก็เป็นได้ครับ ไม่ซิ ยังไงๆก็น่าจะช่างถ่ายรูปนะ……..
Q : ความรู้สึกตอนเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นล่ะ?
Nichkhun : ความรู้สึกเหมือนตอนเดบิวต์ที่เกาหลีเลยครับ ภาษาไม่ได้ ระบบอะไรต่างๆ
ก็แตกต่างกับเกาหลีอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเหมือนรีสตาร์ทในทุกๆด้านครับ
Q : ในการทำงานที่ญี่ปุ่น สิ่งที่รู้สึกดีใจที่สุด, สนุกที่สุดคือ?
Nichkhun : คอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม รู้สึกเหมือนฝันที่ได้แสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
Q : กลับกับสิ่งที่ยากลำบากล่ะ?
Nichkhun : ไม่มีอะไรที่ยากลำบากเป็นพิเศษ แต่ช่วงแรกๆ ช่วงเวลาที่กว่าจะชิน
กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ยากลำบากเล็กน้อยครับ
Q : เพลงที่ออกที่ญี่ปุ่นที่มีความทรงจำมากที่สุดที่ญี่ปุ่นคือ?
Nichkhun : เพลงเดบิวต์ “Take Off” “Take Off” มีความหมายว่าเริ่มต้นด้วย ตอนนั้นพวกผมรีสตาร์ท
ในฐานะศิลปินใหม่ เพราะฉะนั้นรู้สึกประทับใจว่าชื่อเพลงมันเหมาะมากครับ
Q : การพบเจอที่ประทับใจที่สุดที่ญี่ปุ่น คือการได้พบเจอกับใคร?
Nichkhun : แฟนคลับครับ ที่ญี่ปุ่นจะมีจัดงานไฮทัชกับแฟนคลับ
ซึ่งทำให้ได้เจอกับแฟนคลับหลายพันคนใน 1 วัน รู้สึกแปลกใหม่ดีครับ
Q : ตอนเดบิวต์ที่ญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นที่ติดใจคือ? ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอะไร?
Nichkhun : ซูชิ, ราเมง > Tsukemen ร้านราเมงที่ผมชอบขาย Tsukemen เฉพาะหน้าร้อน
ทุกๆปีจะโทรไปถามว่า “เริ่มขายยังครับ?” เจ้าของร้านก็มักจะบอกว่า “รออีกนิดนะ”
Q : สิ่งที่ติดตรึงใจในการทำงานโซโล่คือ?
Nichkhun : การได้แสดงหนังญี่ปุ่นครับ ที่เกาหลีก็ยังไม่เคยถ่ายหนังมาก่อนเลย แต่ได้รับการติดต่อให้แสดงที่ญี่ปุ่น
ตกใจมากเลยครับ หนังที่แสดงเรื่องแรกคือ “Ouran Highschool Host Club”
ได้รับบทที่พูดภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น ซึ่งนั่นก็รู้สึกประหลาดใจครับ
Q : สิ่งที่คิดว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลง (Turning Point) ในการทำงานของ 2PM ,
หรือเป็นการหลอมรวมอย่างหนึ่งคือ?
Nichkhun : การเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นครับ พอไปต่างประเทศ สมาชิก 6 คนจะอยู่ด้วยกัน คิดว่าทีมเวิร์คดียิ่งขึ้นนะครับ
แล้วก็เพราะแฟนคลับ ทำให้ได้แสดงคอนเสิร์ตเยอะมาก จากการสั่งสมเหล่านั้นทำให้มั่นใจในความสามารถ
ทำให้รู้สึกชิวขึ้น การเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นส่งผลดีต่อ 2PM มากครับ
Q : Music Video ที่ยากลำบากที่สุดตั้งแต่เดบิวต์มาคือ?
Nichkhun : “Heartbeat” มีฉาก Dance Battle เยอะ ก็เลยฝึกซ้อมเยอะมาก แต่ดันเจ็บหลังระหว่างนั้น
เดินไม่ได้เลย แต่วันมะรืนต้องถ่ายทำแล้ว อยู่ในสถานการณ์ที่เลื่อนไม่ได้แล้วด้วย ก็เลยเต้นโดยใส่ซับพอร์ต
ทรมานมาก แต่ก็พยายามเต็มที่ครับ คิดว่าดู MV ที่เสร็จออกมาแล้วตอนนี้ ก็ดูไม่ออกว่าเจ็บหลังนะครับ
Q : คอนเสิร์ตที่ประทับใจที่สุดคือ?
Nichkhun : ก็คงเป็นโตเกียวโดมครับ
Q : เรื่องราวที่ทำให้ขำที่สุดใน 8 ปีคือ?
Nichkhun : ถ้าอูยองอยู่ข้างๆก็ขำสุดๆตลอดอ่ะครับ
Q : สิ่งที่รู้สึกอายที่สุดใน 8 ปีคือ?
Nichkhun : ในงานรับรางวัลงานหนึ่ง เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้สำหรับโชว์เป็นแนวไซเบอร์ แนวโลกอนาคต
ซึ่งมันเป็นเสื้อตัวเล็กๆที่โชว์กล้ามท้องเต็มๆ เอาจริงอายมากเลยครับ พอพูดงี้แล้ว
แฟนคลับน่าจะรู้ว่าชุดไหนนะครับ (หัวเราะ)
Q : สิ่งที่ประทับใจที่สุดใน 8 ปีคือ?
Nichkhun : ได้รับรางวัลใหญ่ครั้งแรก ท่ามกลางรุ่นพี่ที่สุดยอด ด้วยเพลง “Heartbeat” ที่เกาหลีครับ
ประทับใจจนทุกคนร้องไห้เลยครับ แล้วก็ที่โตเกียวโดมก็ร้องไห้เหมือนกัน อ๊า ที่ผ่านมาร้องไห้เยอะมากเลยนะครับ
แต่ผมไม่ได้ขี้แยนะ ร้องไห้เฉพาะบนเวทีนะครับ
Q : ถ้าจะให้รางวัลตัวเองที่พยายามอย่างเต็มที่จนถึงตอนนี้ จะให้อะไร?
Nichkhun : ตัวเองยังไม่พอใจ เพราะฉะนั้นยังให้ไม่ได้ครับ
Q : ส่วนที่คิดว่าเปลี่ยนไป, ส่วนที่คิดว่าไม่เปลี่ยนของ 2PM หลังผ่านมา 8 ปีคือ?
Nichkhun : ส่วนที่ไม่เปลี่ยนไปคือการทุ่มเทอย่างสุดกำลังอยู่เสมอ ส่วนที่เปลี่ยนไปคือสมาชิกวงทุกคนสามารถแต่งเพลงได้แล้ว
เลยทำให้ร่วมงานในขั้นตอนผลิตผลงานได้ ซึ่งสุดยอดมากครับ
Q : ความฝันหรือเป้าหมายใหม่ที่คิดอยู่ตอนนี้คือ?
Nichkhun : สมาชิกวงทุกคนออกโซโล่อัลบั้ม แฟนคลับทุกคนน่าจะรู้จุดอ่อนจุดแข็งของพวกผมแต่ละคน
ก็เลยคิดว่าโซโล่อัลบั้มบนความเข้าใจในจุดนั้นน่าจะดีใจกันนะครับ
Q : ถ้าจะแสดงถึงความรู้สึกต่อแฟนคลับตลอด 8 ปีด้วยคำพูดคำเดียว?
Nichkhun : คำพูดก็คงเป็น “ขอบคุณ” นอกจากนั้นอยากแสดงให้เห็นด้วยการกระทำมากยิ่งขึ้น
Q : 2PM สำหรับคุณคือ?
Nichkhun : ครอบครัว ผมอยู่ที่ไทยกับครอบครัวจริงๆถึงอายุ 12 ปี หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อที่อเมริกา มาที่เกาหลีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
วันเวลาที่อยู่กับครอบครัวจริงๆ กับ วันเวลาที่อยู่กับ 2PM เกือบจะเท่ากันแล้ว พอลองมาคิดดูแล้ว ชีวิตเป็นอะไรที่สนุกดีนะครับ
ตอนเด็กๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกาหลีอยู่ที่ไหน จุดเชื่อมโยงมีแค่รถที่คุณพ่อขับ คือ Sonata ของ Hyundai
ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นมีตัวตนที่เหมือนครอบครัวที่ประเทศนั้นๆ………
Q : ความรู้สึก, ความตั้งใจที่มีต่อคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมในเดือนตุลาคม
Nichkhun : ที่ผ่านมาแสดงคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นมากกว่า 100 ครั้ง มีความมุ่งมั่นว่าจะทำให้เป็นคอนเสิร์ตที่สุดยอด
โดยอาศัยประสบการณ์, ความรู้ต่างๆทั้งหมดที่ได้รับมาครับ!
[2PM] แปลสัมภาษณ์ FRAU MAGAZINE #OCTOBER 2016
NICHKHUN
Nichkhun : ถ้าพูดตามตรง แต่เดิมไม่ได้มุ่งมั่นจะเป็นนักร้องครับ ถูกแมวมองชักชวน
จู่ๆก็เป็นเด็กฝึกหัด แล้วก็ถึงขั้นเดบิวต์ รู้สึกประหลาดใจครับ
Q : ช่วยบอกความรู้สึกตอนที่เจอหน้ากับสมาชิกวงแต่ละคนครั้งแรกหน่อย
Nichkhun : จุนเค > เพื่อนที่ใจดี เพราะว่าเทคแคร์ผมซึ่งตอนนั้นพูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลยอย่างดีมาก
แทคยอน > เห็นครั้งแรกดูท่าทางเป็นเด็กเรียน (หัวเราะ) แล้วก็เป็นล่าม
เพราะว่าเขาใช้ชีวิตที่อเมริกาเหมือนกับผม
อูยอง > เด็กหลงทางที่น่ารัก เพิ่งมาจากปูซานใหม่ๆ ดูไร้เดียงสามากๆ
จุนโฮ > เป็นคนที่มีความฝันยิ่งใหญ่ พยายามเต็มที่เพื่อความฝัน
ชานซอง > คิดว่าต้องแก่กว่าตัวเองแน่ๆ (หัวเราะ)
Q : สิ่งที่ได้รับรู้ว่า “จริงๆแล้ว○○” หลังจากทำงานร่วมกันมา 8 ปีล่ะ?
Nichkhun : จุนเค > ยิ่งรู้ถึงความสามารถยิ่งเพอร์เฟค ได้ดูจุนเคแสดง Musical ซึ่งก็เพอร์เฟค!
แทคยอน > เขาไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเชื่อใจได้
อูยอง > จะว่าโลภก็ไม่เชิงแต่เป็นคนที่ยึดความสมบูรณ์แบบต่อตัวเอง
จุนโฮ > คิดว่าเป็นคนที่มีความฝันยิ่งใหญ่แต่แรก แต่ในความเป็นจริงความฝันยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก 100 เท่า!
ชานซอง > จริงๆเป็นน้องเล็กสุด (หัวเราะ) ช่วงหลังเล่นกอล์ฟด้วยกันบ่อย
ก็เลยรู้นิสัยลึกซึ้งขึ้น เป็นคนที่สุภาพมากๆ
Q : รู้สึกยังไงที่เคยถูกเรียกว่าไอดอลสัตว์ป่า?
Nichkhun : ก่อนหน้าพวกผม ไม่มีไอดอลที่ถูกเรียกแบบนั้น รู้สึกเป็นเกียรติ แต่ก็รู้สึกกดดันด้วยครับ
เวลาโชว์ต้องฉีกเสื้อผ้า, ต้องโชว์กล้าม เพราะฉะนั้นต้องฟิตหุ่นอยู่เสมอ……
Q : ส่วนที่คิดว่าเติบโตขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบตอนนี้กับตอนเดบิวต์คือ?
Nichkhun : ตัวเองบนเวที ช่วงแรกๆจะเอาแต่รู้สึกกดดันว่าต้องห้ามเต้นผิด, ต้องร้องเพลงให้เพอร์เฟค
เลยไม่ได้สื่อสารกับแฟนคลับเลยครับ แต่ตอนนี้คิดว่าขอให้ตัวเองสนุก
และเข้าใจซึ่งกันและกันกับแฟนคลับได้คือดีที่สุดครับ
Q : ตรงกันข้ามกัน ส่วนที่ถดถอยลงล่ะ? (หัวเราะ)
Nichkhun : ที่ผ่านมา 8 ปี พยายามเต็มที่ที่จะเติมเต็มส่วนที่ไม่เพียงพอของตัวเองมาตลอด
เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมีส่วนที่ยังไม่เพียงพอ แต่คิดว่าไม่มีส่วนที่ถดถอยกว่าตอนนั้นนะครับ
Q : ส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดทางด้านร่างกาย เมื่อเทียบตอนนี้กับตอนเดบิวต์คือ?
Nichkhun : ก่อนหน้านี้ฟิตกล้ามเยอะมาก แต่ช่วงหลังนี้เล่นแต่กอล์ฟ ความแข็งแกร่งน่าจะลดลง……..
จุนเคได้เป็นนายแบบขึ้นปกนิตยสาร Men’s health ผมได้ไปดูตอนถ่ายแบบ
พอเห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาแล้ว วันนั้นรีบแจ้นไปฟิตเนสเลยครับ (หัวเราะ)
Q : ตอนเดบิวต์ นึกภาพของพวกตัวเองตอนนี้ออกไหม
Nichkhun : ตอนนั้นมองไม่เห็นสถานการณ์รอบตัวเลย ภาษาเกาหลีก็ไม่ได้เลย
เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางความมืดเลยครับ เพราะฉะนั้นนึกภาพตัวเองตอนนี้ไม่ออกเลยครับ
Q : ถ้าตอนนี้จะพูดกับตัวเองตอนช่วงเดบิวต์ จะพูดว่าอะไร?
Nichkhun : อย่ากดดันมากจนเกินไป ผ่อนคลายบ้าง
Q : ถ้าไม่ได้เป็น 2PM คิดว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่?
Nichkhun : ตอนช่วงเดบิวต์ มีงานอดิเรกหลายอย่างเลยครับ ชอบถ่ายรูปมาก ชอบเล่นเปียโนมาก ถนัดแบตมิตตัน
เพราะฉะนั้นอาจจะมุ่งมั่นเป็นนักกีฬาก็เป็นได้ครับ ไม่ซิ ยังไงๆก็น่าจะช่างถ่ายรูปนะ……..
Q : ความรู้สึกตอนเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นล่ะ?
Nichkhun : ความรู้สึกเหมือนตอนเดบิวต์ที่เกาหลีเลยครับ ภาษาไม่ได้ ระบบอะไรต่างๆ
ก็แตกต่างกับเกาหลีอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเหมือนรีสตาร์ทในทุกๆด้านครับ
Q : ในการทำงานที่ญี่ปุ่น สิ่งที่รู้สึกดีใจที่สุด, สนุกที่สุดคือ?
Nichkhun : คอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม รู้สึกเหมือนฝันที่ได้แสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
Q : กลับกับสิ่งที่ยากลำบากล่ะ?
Nichkhun : ไม่มีอะไรที่ยากลำบากเป็นพิเศษ แต่ช่วงแรกๆ ช่วงเวลาที่กว่าจะชิน
กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ยากลำบากเล็กน้อยครับ
Q : เพลงที่ออกที่ญี่ปุ่นที่มีความทรงจำมากที่สุดที่ญี่ปุ่นคือ?
Nichkhun : เพลงเดบิวต์ “Take Off” “Take Off” มีความหมายว่าเริ่มต้นด้วย ตอนนั้นพวกผมรีสตาร์ท
ในฐานะศิลปินใหม่ เพราะฉะนั้นรู้สึกประทับใจว่าชื่อเพลงมันเหมาะมากครับ
Q : การพบเจอที่ประทับใจที่สุดที่ญี่ปุ่น คือการได้พบเจอกับใคร?
Nichkhun : แฟนคลับครับ ที่ญี่ปุ่นจะมีจัดงานไฮทัชกับแฟนคลับ
ซึ่งทำให้ได้เจอกับแฟนคลับหลายพันคนใน 1 วัน รู้สึกแปลกใหม่ดีครับ
Q : ตอนเดบิวต์ที่ญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นที่ติดใจคือ? ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอะไร?
Nichkhun : ซูชิ, ราเมง > Tsukemen ร้านราเมงที่ผมชอบขาย Tsukemen เฉพาะหน้าร้อน
ทุกๆปีจะโทรไปถามว่า “เริ่มขายยังครับ?” เจ้าของร้านก็มักจะบอกว่า “รออีกนิดนะ”
Q : สิ่งที่ติดตรึงใจในการทำงานโซโล่คือ?
Nichkhun : การได้แสดงหนังญี่ปุ่นครับ ที่เกาหลีก็ยังไม่เคยถ่ายหนังมาก่อนเลย แต่ได้รับการติดต่อให้แสดงที่ญี่ปุ่น
ตกใจมากเลยครับ หนังที่แสดงเรื่องแรกคือ “Ouran Highschool Host Club”
ได้รับบทที่พูดภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น ซึ่งนั่นก็รู้สึกประหลาดใจครับ
Q : สิ่งที่คิดว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลง (Turning Point) ในการทำงานของ 2PM ,
หรือเป็นการหลอมรวมอย่างหนึ่งคือ?
Nichkhun : การเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นครับ พอไปต่างประเทศ สมาชิก 6 คนจะอยู่ด้วยกัน คิดว่าทีมเวิร์คดียิ่งขึ้นนะครับ
แล้วก็เพราะแฟนคลับ ทำให้ได้แสดงคอนเสิร์ตเยอะมาก จากการสั่งสมเหล่านั้นทำให้มั่นใจในความสามารถ
ทำให้รู้สึกชิวขึ้น การเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นส่งผลดีต่อ 2PM มากครับ
Q : Music Video ที่ยากลำบากที่สุดตั้งแต่เดบิวต์มาคือ?
Nichkhun : “Heartbeat” มีฉาก Dance Battle เยอะ ก็เลยฝึกซ้อมเยอะมาก แต่ดันเจ็บหลังระหว่างนั้น
เดินไม่ได้เลย แต่วันมะรืนต้องถ่ายทำแล้ว อยู่ในสถานการณ์ที่เลื่อนไม่ได้แล้วด้วย ก็เลยเต้นโดยใส่ซับพอร์ต
ทรมานมาก แต่ก็พยายามเต็มที่ครับ คิดว่าดู MV ที่เสร็จออกมาแล้วตอนนี้ ก็ดูไม่ออกว่าเจ็บหลังนะครับ
Q : คอนเสิร์ตที่ประทับใจที่สุดคือ?
Nichkhun : ก็คงเป็นโตเกียวโดมครับ
Q : เรื่องราวที่ทำให้ขำที่สุดใน 8 ปีคือ?
Nichkhun : ถ้าอูยองอยู่ข้างๆก็ขำสุดๆตลอดอ่ะครับ
Q : สิ่งที่รู้สึกอายที่สุดใน 8 ปีคือ?
Nichkhun : ในงานรับรางวัลงานหนึ่ง เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้สำหรับโชว์เป็นแนวไซเบอร์ แนวโลกอนาคต
ซึ่งมันเป็นเสื้อตัวเล็กๆที่โชว์กล้ามท้องเต็มๆ เอาจริงอายมากเลยครับ พอพูดงี้แล้ว
แฟนคลับน่าจะรู้ว่าชุดไหนนะครับ (หัวเราะ)
Q : สิ่งที่ประทับใจที่สุดใน 8 ปีคือ?
Nichkhun : ได้รับรางวัลใหญ่ครั้งแรก ท่ามกลางรุ่นพี่ที่สุดยอด ด้วยเพลง “Heartbeat” ที่เกาหลีครับ
ประทับใจจนทุกคนร้องไห้เลยครับ แล้วก็ที่โตเกียวโดมก็ร้องไห้เหมือนกัน อ๊า ที่ผ่านมาร้องไห้เยอะมากเลยนะครับ
แต่ผมไม่ได้ขี้แยนะ ร้องไห้เฉพาะบนเวทีนะครับ
Q : ถ้าจะให้รางวัลตัวเองที่พยายามอย่างเต็มที่จนถึงตอนนี้ จะให้อะไร?
Nichkhun : ตัวเองยังไม่พอใจ เพราะฉะนั้นยังให้ไม่ได้ครับ
Q : ส่วนที่คิดว่าเปลี่ยนไป, ส่วนที่คิดว่าไม่เปลี่ยนของ 2PM หลังผ่านมา 8 ปีคือ?
Nichkhun : ส่วนที่ไม่เปลี่ยนไปคือการทุ่มเทอย่างสุดกำลังอยู่เสมอ ส่วนที่เปลี่ยนไปคือสมาชิกวงทุกคนสามารถแต่งเพลงได้แล้ว
เลยทำให้ร่วมงานในขั้นตอนผลิตผลงานได้ ซึ่งสุดยอดมากครับ
Q : ความฝันหรือเป้าหมายใหม่ที่คิดอยู่ตอนนี้คือ?
Nichkhun : สมาชิกวงทุกคนออกโซโล่อัลบั้ม แฟนคลับทุกคนน่าจะรู้จุดอ่อนจุดแข็งของพวกผมแต่ละคน
ก็เลยคิดว่าโซโล่อัลบั้มบนความเข้าใจในจุดนั้นน่าจะดีใจกันนะครับ
Q : ถ้าจะแสดงถึงความรู้สึกต่อแฟนคลับตลอด 8 ปีด้วยคำพูดคำเดียว?
Nichkhun : คำพูดก็คงเป็น “ขอบคุณ” นอกจากนั้นอยากแสดงให้เห็นด้วยการกระทำมากยิ่งขึ้น
Q : 2PM สำหรับคุณคือ?
Nichkhun : ครอบครัว ผมอยู่ที่ไทยกับครอบครัวจริงๆถึงอายุ 12 ปี หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อที่อเมริกา มาที่เกาหลีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
วันเวลาที่อยู่กับครอบครัวจริงๆ กับ วันเวลาที่อยู่กับ 2PM เกือบจะเท่ากันแล้ว พอลองมาคิดดูแล้ว ชีวิตเป็นอะไรที่สนุกดีนะครับ
ตอนเด็กๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกาหลีอยู่ที่ไหน จุดเชื่อมโยงมีแค่รถที่คุณพ่อขับ คือ Sonata ของ Hyundai
ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นมีตัวตนที่เหมือนครอบครัวที่ประเทศนั้นๆ………
Q : ความรู้สึก, ความตั้งใจที่มีต่อคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมในเดือนตุลาคม
Nichkhun : ที่ผ่านมาแสดงคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นมากกว่า 100 ครั้ง มีความมุ่งมั่นว่าจะทำให้เป็นคอนเสิร์ตที่สุดยอด
โดยอาศัยประสบการณ์, ความรู้ต่างๆทั้งหมดที่ได้รับมาครับ!
Japanese - Thai Translated By @Jujang_J
http://www.twitlonger.com/show/n_1sp4c81