สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
จขกท โพสถามว่า "ทำอย่างไรให้ได้กรีนการ์ด"
คำตอบที่ คห ๑ และ ๒ ตอบมาถูกต้องหมด เพียงแต่มีข้อแตกต่างที่ต้องสาธยายต่อดังนี้
๑. หาก จขกท ต้องการให้ได้กรีนการ์ดโดยเร็ว เพื่อจะได้สิทธิประโยชน์ในการใช้ชีวิตที่อเมริกา ดังนั้น คำตอบ คห ๒ ก็ถูกต้องเพราะเปนการสนองตามความต้องการที่จะได้กรีนการ์ดแบบทันอกทันใจ ด้วยหากทำตาม คห ๑ คือเรียนให้จบ แล้วหานายจ้างยอมจ้างงาน และยื่นขอวีซ่าทำงานที่สามารถเปลี่ยนเปรใบเขียวทีหลังนั้น ไม่น่าจะเวิรค์ด้วยเหตุผลดังนี้
๑.๑ กว่าจะเรียนจบใช้เวลาสี่ปี หลังจากจบแล้ว จะใช้เวลาหางานที่มีนายจ้างยอมซัพพอรทให้ขอวีซ่าทำงานอีกกี่เดือนกี่ปี ? ซึ่งถึงตอนนั้นวีซ่าที่ถืออยู่ คือวีซ่า นร F1 จะยัง Valid อยู่หรือไม่? และ
๑.๒ สมมุติว่าหานายจ้างได้แล้ว นายจ้างต้องยื่นขอตำแหน่งงานกับทางกระทรวงแรงงาน Department of Labor เพื่อขออนุมัติตำแหน่งที่สมัคร ใช้เวลาอย่างต่ำๆ ๑-๒ ปี ซึ่งก็เช่นกัน ถึงตอนนั้นวีซ่า นร F1 ยังไม่หมดกำหนดอีกหรือ? และ
๑.๓ ถ้าถึงตอนกระทรวงแรงงานอนุมัติตำแหน่งงานออกมา แล้วต้องดำเนินการยื่นเรื่องต่อ USCIS หรือ ตม อีก ซึ่งใช้เวลาอีก ๑-๒ปี อยู่ที่ว่า ยื่นทันกำหนดการเปิดรับใบสมัครที่ทางการประกาศหรือไม่ ? เช่นสมัครในปี ๒๐๑๖ จะเปนการอนุมัติวีซ่าของโควต้าปี ๒๐๑๗ ถึงตอนนั้นว๊ซ่า นร F1 ยังมีชีวอตรอดอยู่หรือไม่? เพราะถ้าวีซ่าขาดในทุกขั้นตอน เรื่องเปนอาจถูกปฏิเสธและต้องเดินทางออกนอกประเทศทันที
ทีนี้ มาพูดข้อเท็จจริงๆดีกว่า คนไทยโดยเฉพาะนี่ได้ใบเขียวจากการจ้างงาน ไม่ว่าจะ H1b H2b หรือ H3b อะไรนี่ก็แล้วแต่ มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ประเทศที่ได้วีซ่าพวกนี้อันดับหนึ่งคืออินเดีย เพราะภาษาเก่งกว่าคนไทย พวกนี้ส่วนใหญ่จบมาทางไอที เปนที่ต้องการของตลาดงานในเมกา คนไทยได้ใบเขียวจำนวนมากที่สุดคือได้จากการแต่งงาน ทั้งนี้ไม่นับหลังปี ๒๐๐๒ เปนต้นมา ที่ทางการออกกฏหมายนิรโทษกรรม Amnesty law แก่บรรดาโรบินฮู๊ดทั้งหลายทุกชาติทุกภาษา ที่เข้าเมืองมาอย่างถูกกฏหมาย แต่อยู่เกินวีซ่า ตั้งแต่ปี ๑๙๘๖ คนไทยมีหลายคนที่อยู่เกินวีซ่ามาตั้งแต่ปี ๑๙๗๕ และไม่มีโอกาสแต่งงานกับซิติเซ่น เลยเหง่าเปนโรบินฮ็ดขึ้นคานอยู่ ส่วนคนไทยอื่นๆที่ได้ใบเขียวจากพ่อแม่พี่น้องยื่นขอให้ มีจำนวนรองลงมา และรองลงไปอีกคือ คนที่ได้ใบเขียวจากการลงทุน และจากการจับสลาก ซึ่งพวกที่ได้ใบเขียวจากการทำงานนี่ ต้องนับอยู่บ๊วยสุด
ดังนั้น ที่ คห ๒ ตอบว่าจากการแต่งงานจึงเปนคำตอบที่ตรงตามข้อเท็จจริง และเชื่อว่าเปนคำตอบที่ จขกท ถาม
คำตอบที่ คห ๑ และ ๒ ตอบมาถูกต้องหมด เพียงแต่มีข้อแตกต่างที่ต้องสาธยายต่อดังนี้
๑. หาก จขกท ต้องการให้ได้กรีนการ์ดโดยเร็ว เพื่อจะได้สิทธิประโยชน์ในการใช้ชีวิตที่อเมริกา ดังนั้น คำตอบ คห ๒ ก็ถูกต้องเพราะเปนการสนองตามความต้องการที่จะได้กรีนการ์ดแบบทันอกทันใจ ด้วยหากทำตาม คห ๑ คือเรียนให้จบ แล้วหานายจ้างยอมจ้างงาน และยื่นขอวีซ่าทำงานที่สามารถเปลี่ยนเปรใบเขียวทีหลังนั้น ไม่น่าจะเวิรค์ด้วยเหตุผลดังนี้
๑.๑ กว่าจะเรียนจบใช้เวลาสี่ปี หลังจากจบแล้ว จะใช้เวลาหางานที่มีนายจ้างยอมซัพพอรทให้ขอวีซ่าทำงานอีกกี่เดือนกี่ปี ? ซึ่งถึงตอนนั้นวีซ่าที่ถืออยู่ คือวีซ่า นร F1 จะยัง Valid อยู่หรือไม่? และ
๑.๒ สมมุติว่าหานายจ้างได้แล้ว นายจ้างต้องยื่นขอตำแหน่งงานกับทางกระทรวงแรงงาน Department of Labor เพื่อขออนุมัติตำแหน่งที่สมัคร ใช้เวลาอย่างต่ำๆ ๑-๒ ปี ซึ่งก็เช่นกัน ถึงตอนนั้นวีซ่า นร F1 ยังไม่หมดกำหนดอีกหรือ? และ
๑.๓ ถ้าถึงตอนกระทรวงแรงงานอนุมัติตำแหน่งงานออกมา แล้วต้องดำเนินการยื่นเรื่องต่อ USCIS หรือ ตม อีก ซึ่งใช้เวลาอีก ๑-๒ปี อยู่ที่ว่า ยื่นทันกำหนดการเปิดรับใบสมัครที่ทางการประกาศหรือไม่ ? เช่นสมัครในปี ๒๐๑๖ จะเปนการอนุมัติวีซ่าของโควต้าปี ๒๐๑๗ ถึงตอนนั้นว๊ซ่า นร F1 ยังมีชีวอตรอดอยู่หรือไม่? เพราะถ้าวีซ่าขาดในทุกขั้นตอน เรื่องเปนอาจถูกปฏิเสธและต้องเดินทางออกนอกประเทศทันที
ทีนี้ มาพูดข้อเท็จจริงๆดีกว่า คนไทยโดยเฉพาะนี่ได้ใบเขียวจากการจ้างงาน ไม่ว่าจะ H1b H2b หรือ H3b อะไรนี่ก็แล้วแต่ มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ประเทศที่ได้วีซ่าพวกนี้อันดับหนึ่งคืออินเดีย เพราะภาษาเก่งกว่าคนไทย พวกนี้ส่วนใหญ่จบมาทางไอที เปนที่ต้องการของตลาดงานในเมกา คนไทยได้ใบเขียวจำนวนมากที่สุดคือได้จากการแต่งงาน ทั้งนี้ไม่นับหลังปี ๒๐๐๒ เปนต้นมา ที่ทางการออกกฏหมายนิรโทษกรรม Amnesty law แก่บรรดาโรบินฮู๊ดทั้งหลายทุกชาติทุกภาษา ที่เข้าเมืองมาอย่างถูกกฏหมาย แต่อยู่เกินวีซ่า ตั้งแต่ปี ๑๙๘๖ คนไทยมีหลายคนที่อยู่เกินวีซ่ามาตั้งแต่ปี ๑๙๗๕ และไม่มีโอกาสแต่งงานกับซิติเซ่น เลยเหง่าเปนโรบินฮ็ดขึ้นคานอยู่ ส่วนคนไทยอื่นๆที่ได้ใบเขียวจากพ่อแม่พี่น้องยื่นขอให้ มีจำนวนรองลงมา และรองลงไปอีกคือ คนที่ได้ใบเขียวจากการลงทุน และจากการจับสลาก ซึ่งพวกที่ได้ใบเขียวจากการทำงานนี่ ต้องนับอยู่บ๊วยสุด
ดังนั้น ที่ คห ๒ ตอบว่าจากการแต่งงานจึงเปนคำตอบที่ตรงตามข้อเท็จจริง และเชื่อว่าเปนคำตอบที่ จขกท ถาม
แสดงความคิดเห็น
ทำอย่างไรให้ได้Green gard
มีทางไหมมั้งค่ะที่จะทำให้ได้กรีนการ์ด
รู้ข้อมูลนิดหน่อยเอง
ถ้าจะให้น้าapplyกรีนการ์ดให้จะได้ไหมค่ะ(น้าเป็นซิติเซน)
หรือมีวิธีอื่นบ้างไหม
ขอบคุณค่ะ