บางทีการเลิกราก้ไม่จำเป็นต้องมีคนใหม่เสมอไป แค่เราสองคนรู้สึกถึงความรักที่เป็นกันอยู่ตอนนี้ มันไม่เหมือนแฟนกันแล้ว อาจจะเป็นช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ที่เราทั้งสองละเลยถึงความรู้สึกของกันและกัน แล้วก้ไม่ได้มานั่งพูดคุย แก้ไขปัญหาตรงนั้น แต่กลับปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ พอถึงจุดๆหนึ่งที่ปล่อยเลยไปบ่อยๆ ก้เกิดความรู้สึกที่ว่า ช่าง
ไม่มีไรหรอก เดวพุ้งนี้ก้เหมือนเดิม และมันก้จริง ทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้น มักจะปล่อยผ่านไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเวลานั้น จากความรักกัน ของคนสองคนที่เป็นแฟนกัน ก้ค่อยๆแปรผันกลายเป็นความรู้สึกแบบเพื่อน โดยไม่รู้ตัว โดยพื้นฐานก้แล้วเราก้เป็นเพื่อนกันมาก่อน พอตอนนี้ก้กลับกลายจากแฟนมาเป็นเพื่อน เราทั้งสองต่างรู้ดี ถึงความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่วันๆนึงขาดเค้าไปทั้งวัน ก้ไม่เปนไร แต่รู้ว่ามีตัวตนพอ ไม่โทรหา ไม่คุยกันเป็นวัน หรือบางทีสอง สาม วัน เวลาไปไหนมาไหนก้ไปคนเดียวได้ กินข้าวคนเดียว ในแต่ละวันจะทำอะไรก้ทำ แต่พอเกิดปัญหาหรือต้องการสักคนที่คอยอยู่ข้างๆ ก้จะโทรหาหรือไลน์หา แล้วก้คุยกันปกติ อารมณ์ตะเปรียบเทียบก้เหมือนกับ เพื่อนที่เปนน้ำเปล่า ถึงไม่อร่ ความรุ้สึกแบบนี้และที่มันหมายถึง เรากลับมาเป็นเพื่อนกันแล้ว
เราทั้งสองเลือกที่จะไม่พูดกันตรงๆถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป แค่คุยๆกันไปวันๆ แล้วแอบหยอดเล็กหยอดน้อย ั้ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็รู้ตัวแล้วว่ารักเรามันไม่เหมือนเก่าแล้ว ที่เราเลือกไม่ถามตรงๆและไม่คุยกันตรงๆถึงสถานะที่เปลี่ยนไป เพราะเราไม่อยากเสียเขาไปในฐานะเพื่อน ถึงสถานะแฟนจะไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่เราก้เป็นเพื่อนกันได้ เราพยายามใช้ความรู้สึกและเวลาที่เหลือก่อนจะเรียนจบปริญญา ซ่อมแซมความรู้สึกที่พังไปบางส่วน เพื่อให้เราทั้งสอง ยังคงเป็นเพื่อนได้ตลอด ถึงแม้เราจะเลิกกันแล้ว..แต่เราก้เป็นเพื่อนกันแบบไม่ขัดเขินได้
ทุกวันนี้รู้สถานะ และเรารู้ว่าเทอก้รู้ แค่เราทั้งสองไม่เลือกที่จะพูดออกมา เพื่อบั่นทอนจิตใจของคนทั้งสองคนที่กำลังพยายามซ่อมแซมตัวเองอยู่
ขอบคุณที่ผ่านมา เกือบสามปีที่เราอยู่ข้างกันมา มันมีหลายอย่างที่เป็นความทรงจำ ความเจ็บปวด สิ่งที่เข้าใจผิด การไม่เข้าใจกันและเลือกที่จะไม่พูดถึงมัน ข้ามผ่านมันไป ถึงแม้ค้างคาอยู่ในใจ อนาคตต่อจากนี้ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นยังไงต่อ ขอให้พบเจอกับสิ่งที่ดีๆทุกอย่าง จะคอยอยู่ข้างๆเทอเสมอ แต่ขอไว้อย่าง คำพูดแรกและคำพูดที่สำคัญที่สุดของเราสองคน ขอให้จำไว้นะ
"ว่าเราสองคนจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด"
ปล. ที่เขียนไปนั้น เราดูพฤติกรรมของเราทั้งคู่ออก ถึงเขียนแบบนั้น.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
จากแฟน กลายเป็น เพื่อน เลิกกันไม่จำเป็นต้องมีใหม่ ใครมีความคิดเห็นแบบเราบ้างค่ะ
เราทั้งสองเลือกที่จะไม่พูดกันตรงๆถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป แค่คุยๆกันไปวันๆ แล้วแอบหยอดเล็กหยอดน้อย ั้ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็รู้ตัวแล้วว่ารักเรามันไม่เหมือนเก่าแล้ว ที่เราเลือกไม่ถามตรงๆและไม่คุยกันตรงๆถึงสถานะที่เปลี่ยนไป เพราะเราไม่อยากเสียเขาไปในฐานะเพื่อน ถึงสถานะแฟนจะไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่เราก้เป็นเพื่อนกันได้ เราพยายามใช้ความรู้สึกและเวลาที่เหลือก่อนจะเรียนจบปริญญา ซ่อมแซมความรู้สึกที่พังไปบางส่วน เพื่อให้เราทั้งสอง ยังคงเป็นเพื่อนได้ตลอด ถึงแม้เราจะเลิกกันแล้ว..แต่เราก้เป็นเพื่อนกันแบบไม่ขัดเขินได้
ทุกวันนี้รู้สถานะ และเรารู้ว่าเทอก้รู้ แค่เราทั้งสองไม่เลือกที่จะพูดออกมา เพื่อบั่นทอนจิตใจของคนทั้งสองคนที่กำลังพยายามซ่อมแซมตัวเองอยู่
ขอบคุณที่ผ่านมา เกือบสามปีที่เราอยู่ข้างกันมา มันมีหลายอย่างที่เป็นความทรงจำ ความเจ็บปวด สิ่งที่เข้าใจผิด การไม่เข้าใจกันและเลือกที่จะไม่พูดถึงมัน ข้ามผ่านมันไป ถึงแม้ค้างคาอยู่ในใจ อนาคตต่อจากนี้ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นยังไงต่อ ขอให้พบเจอกับสิ่งที่ดีๆทุกอย่าง จะคอยอยู่ข้างๆเทอเสมอ แต่ขอไว้อย่าง คำพูดแรกและคำพูดที่สำคัญที่สุดของเราสองคน ขอให้จำไว้นะ
"ว่าเราสองคนจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด"
ปล. ที่เขียนไปนั้น เราดูพฤติกรรมของเราทั้งคู่ออก ถึงเขียนแบบนั้น.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ