**** สำหรับ นักเทคนิค หรือผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องเทคนิค *****
นักเทคนิค จะหาจังหวะการเทรดใน TF ที่ตัวเองถนัด บางคนชอบเทรดเก็งกำไรสั้นๆ ในวัน ( Day trade ) หรือเพียงไม่กี่นาที ( Scalping ) เท่านั้น ส่วนบางคนไม่มีเวลาเฝ้าจอ เพราะมีงานอื่นๆ ก็มักจะเทรดโดยใช้ TF ที่ยาวขึ้น เช่น กราฟ DAILY หรือ WEEKLY Chart ... ซึ่ง นักเทคนิคแต่ละคน ก็มักจะมีวิธีดูสัญญาณซื้อขาย ส่วนตัวที่ใช้อยู่ว่า ตัวบ่งชี้ไหนให้สัญญาณซื้อ หรือ ขาย ตอนไหน ก็ทำไปตามสัญญาณซื้อหรือขายที่เิกิดขึ้น ในขณะนั้น ซึ่งเมื่อนักลงทุนแต่ละคน ใช้ตัวบ่งชี้ที่ให้สัญญาณซื้อขายไม่เหมือนกัน และ TF ที่ใช้แตกต่างกัน ก็จะให้สัญญาณซื้อขายที่แตกต่างกันไปด้วย ... นอกจากนี้ แม้จะเห็นสัญญาณซื้อขาย ราคาเดียวกัน แต่การตัดสินใจซื้อหรือขาย ของแต่ละคน ก็ไวไม่เท่ากัน บางคนโลเล บางคนขาดวินัย ก็ยิ่งทำให้มีความแตกต่างเรื่องราคาซื้อขาย เบี่ยงเบนไปจากจุดที่ให้สัญญาณซื้อขาย และมีผลต่อกำไร ขาดทุน ที่เกิดขึ้นไปด้วย ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ให้นักเทคนิคแต่ละคนปรับปรุงและพัฒนาวิธีเทรดของแต่ละคนต่อไปในอนาคต ...
ผมนำเรื่องการให้สัญญาณซื้อขาย ในแต่ละ Time frame มาแสดง ให้เห็นผลของการใช้ระบบเทรดหนึ่ง ( แต่จะเป็นระบบเทรดใดๆก็ได้ ที่แต่ละคนเลือกมาใช้ ) มาเป็นตัวแทน ในการแสดงผล เพื่อให้เข้าใจถึง การให้สัญญาณซื้อขาย ว่า มันเกิดขึ้น ต่อเนื่องขยายไปในแต่ละ TF อย่างไร และทำไมบาง TF เกิดสัญญาณซื้อ และบาง TF ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ และเราจะตัดสินใจอย่างไร ในกรณีที่เรามีข้อมูลเช่นนี้ ...
หมายเหตุ : การเกิดสัญญาณซื้อขาย ของแต่ระบบเทรด หรือตัวบ่งชี้ ไม่ใช่ตัวกำหนดว่า แนวโน้มราคาเปลี่ยนแปลงไปหรือกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง หรือกลับกัน แล้ว แต่สัญญาณซื้อเป็นเพียงจุดแนะนำให้ซื้อเมื่อระบบเทรดคำนวณค่าโมเมนตัมแล้วพบว่า แรงซื้อ > แรงขาย และราคา (ดัชนี) มีโอกาสเดินหน้าขึ้นไปต่อได้ ส่วนสัญญาณขายที่เกิดจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่กำไรจะลดลง ( Stop Profit Loss ) ในกรณีที่ เมื่อราคา (ดัชนี ) วิ่งขึ้นมาจากสัญญาณซื้อก่อนหน้าระดับหนึ่ง เมื่อระบบเทรดตรวจพบแรงขาย >แรงซื้อ ก็จะแนะนนำให้ขาย ซึ่งได้กำหนดไว้ในสูตรระบบเทรดแต่ละระบบเทรด เป็นต้น
ผมนำ กราฟ SET ในแต่ละ Time frame ระยะสั้นๆ เช่น 15 / 30 / 60 นาที กราฟ Daily Weekly Monrthly Quarterly มาให้ดูเปรียบเทียบ จากระบบเทรดที่ผมใช้เป็นตัวอย่างแสดง เพื่อให้เห็นภาพ การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของ SET ในแต่ละ TF ว่า หาก SET จะเปลี่ยนจากขาลง ที่ผ่านมา เป็นขาขึ้น ดัชนีจะเกิดสัญญาณซื้อใน TF สั้นที่สุดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นการสรุปแรงซื้อ>แรงขาย ใน TF ระยะสั้นนั้น หากหากแรงซื้อยังมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะทำให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นต่อไปได้ และทำให้เกิดสัญญาณซื้อ ใน TF ที่ใหญ่ขึ้นไปเรือยๆ ซึ่งการที่ราคาหุ้น(ดัชนี) เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะจูงใจให้คนที่ซื้อหุ้นที่ต้นทุนต่ำ ขายหุ้นทำกำไรออกมาเพิ่มมากขึ้น จนกว่า ราคาหุ้น(ดัชนี) จะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ แล้วปรับตัวลง และเกิดสัญญาณขายตามมาจากระบบเทรดที่ให้สัญญาณ.. ซึ่งการเกิดสัญญาณขาย ก็จะหมายถึง แรงขาย > แรงซื้อ ใน TF นั้น ๆ และหากแรงขายยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะส่งผลไปยัง TF ที่ใหญ่ขึ้น เกิดสัญญาณขายตามมา เช่นกัน จนกว่าดัชนี (ราคาหุ้น) จะลดลงมาต่ำจนจูงใจให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาใหม่ สลับกันไปเรื่อยๆ ตามหลักการ Demand & Supply ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงราคา....
ผมจะไม่สรุปว่า SET ปัจจุบัน เป็นขาขึ้น ขาลง จบขาขึ้น จบขาลง แล้วหรือไม่ ... เพราะมันขึ้นกับว่า แต่ละคนมองกันใน TF ไหน .. ส่วนการที่เราจะเทรดแล้วกำไร หรือ ขาดทุน ก็ขึ้นกับ เทคนิค และวิธีการเทรด และใช้ TF ในการเทรด ของแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกัน ...ให้ใช้วิธีที่ตัวเองถนัดและมั่นใจมากที่สุดไปแล้วกันครับ..
SET TF 15 นาที
SET TF 30 นาที
SET TF 60 นาที
SET TF Daily
SET TF Weekly
SET TF Monthly
SET TF Quarterly
...........ขอให้โชคดีครับ ......................
ความสัมพันธ์ ระหว่าง Time Frame กับ การให้สัญญาณซื้อขาย
นักเทคนิค จะหาจังหวะการเทรดใน TF ที่ตัวเองถนัด บางคนชอบเทรดเก็งกำไรสั้นๆ ในวัน ( Day trade ) หรือเพียงไม่กี่นาที ( Scalping ) เท่านั้น ส่วนบางคนไม่มีเวลาเฝ้าจอ เพราะมีงานอื่นๆ ก็มักจะเทรดโดยใช้ TF ที่ยาวขึ้น เช่น กราฟ DAILY หรือ WEEKLY Chart ... ซึ่ง นักเทคนิคแต่ละคน ก็มักจะมีวิธีดูสัญญาณซื้อขาย ส่วนตัวที่ใช้อยู่ว่า ตัวบ่งชี้ไหนให้สัญญาณซื้อ หรือ ขาย ตอนไหน ก็ทำไปตามสัญญาณซื้อหรือขายที่เิกิดขึ้น ในขณะนั้น ซึ่งเมื่อนักลงทุนแต่ละคน ใช้ตัวบ่งชี้ที่ให้สัญญาณซื้อขายไม่เหมือนกัน และ TF ที่ใช้แตกต่างกัน ก็จะให้สัญญาณซื้อขายที่แตกต่างกันไปด้วย ... นอกจากนี้ แม้จะเห็นสัญญาณซื้อขาย ราคาเดียวกัน แต่การตัดสินใจซื้อหรือขาย ของแต่ละคน ก็ไวไม่เท่ากัน บางคนโลเล บางคนขาดวินัย ก็ยิ่งทำให้มีความแตกต่างเรื่องราคาซื้อขาย เบี่ยงเบนไปจากจุดที่ให้สัญญาณซื้อขาย และมีผลต่อกำไร ขาดทุน ที่เกิดขึ้นไปด้วย ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ให้นักเทคนิคแต่ละคนปรับปรุงและพัฒนาวิธีเทรดของแต่ละคนต่อไปในอนาคต ...
ผมนำเรื่องการให้สัญญาณซื้อขาย ในแต่ละ Time frame มาแสดง ให้เห็นผลของการใช้ระบบเทรดหนึ่ง ( แต่จะเป็นระบบเทรดใดๆก็ได้ ที่แต่ละคนเลือกมาใช้ ) มาเป็นตัวแทน ในการแสดงผล เพื่อให้เข้าใจถึง การให้สัญญาณซื้อขาย ว่า มันเกิดขึ้น ต่อเนื่องขยายไปในแต่ละ TF อย่างไร และทำไมบาง TF เกิดสัญญาณซื้อ และบาง TF ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ และเราจะตัดสินใจอย่างไร ในกรณีที่เรามีข้อมูลเช่นนี้ ...
หมายเหตุ : การเกิดสัญญาณซื้อขาย ของแต่ระบบเทรด หรือตัวบ่งชี้ ไม่ใช่ตัวกำหนดว่า แนวโน้มราคาเปลี่ยนแปลงไปหรือกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง หรือกลับกัน แล้ว แต่สัญญาณซื้อเป็นเพียงจุดแนะนำให้ซื้อเมื่อระบบเทรดคำนวณค่าโมเมนตัมแล้วพบว่า แรงซื้อ > แรงขาย และราคา (ดัชนี) มีโอกาสเดินหน้าขึ้นไปต่อได้ ส่วนสัญญาณขายที่เกิดจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่กำไรจะลดลง ( Stop Profit Loss ) ในกรณีที่ เมื่อราคา (ดัชนี ) วิ่งขึ้นมาจากสัญญาณซื้อก่อนหน้าระดับหนึ่ง เมื่อระบบเทรดตรวจพบแรงขาย >แรงซื้อ ก็จะแนะนนำให้ขาย ซึ่งได้กำหนดไว้ในสูตรระบบเทรดแต่ละระบบเทรด เป็นต้น
ผมนำ กราฟ SET ในแต่ละ Time frame ระยะสั้นๆ เช่น 15 / 30 / 60 นาที กราฟ Daily Weekly Monrthly Quarterly มาให้ดูเปรียบเทียบ จากระบบเทรดที่ผมใช้เป็นตัวอย่างแสดง เพื่อให้เห็นภาพ การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของ SET ในแต่ละ TF ว่า หาก SET จะเปลี่ยนจากขาลง ที่ผ่านมา เป็นขาขึ้น ดัชนีจะเกิดสัญญาณซื้อใน TF สั้นที่สุดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นการสรุปแรงซื้อ>แรงขาย ใน TF ระยะสั้นนั้น หากหากแรงซื้อยังมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะทำให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นต่อไปได้ และทำให้เกิดสัญญาณซื้อ ใน TF ที่ใหญ่ขึ้นไปเรือยๆ ซึ่งการที่ราคาหุ้น(ดัชนี) เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะจูงใจให้คนที่ซื้อหุ้นที่ต้นทุนต่ำ ขายหุ้นทำกำไรออกมาเพิ่มมากขึ้น จนกว่า ราคาหุ้น(ดัชนี) จะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ แล้วปรับตัวลง และเกิดสัญญาณขายตามมาจากระบบเทรดที่ให้สัญญาณ.. ซึ่งการเกิดสัญญาณขาย ก็จะหมายถึง แรงขาย > แรงซื้อ ใน TF นั้น ๆ และหากแรงขายยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะส่งผลไปยัง TF ที่ใหญ่ขึ้น เกิดสัญญาณขายตามมา เช่นกัน จนกว่าดัชนี (ราคาหุ้น) จะลดลงมาต่ำจนจูงใจให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาใหม่ สลับกันไปเรื่อยๆ ตามหลักการ Demand & Supply ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงราคา....
ผมจะไม่สรุปว่า SET ปัจจุบัน เป็นขาขึ้น ขาลง จบขาขึ้น จบขาลง แล้วหรือไม่ ... เพราะมันขึ้นกับว่า แต่ละคนมองกันใน TF ไหน .. ส่วนการที่เราจะเทรดแล้วกำไร หรือ ขาดทุน ก็ขึ้นกับ เทคนิค และวิธีการเทรด และใช้ TF ในการเทรด ของแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกัน ...ให้ใช้วิธีที่ตัวเองถนัดและมั่นใจมากที่สุดไปแล้วกันครับ..
SET TF 15 นาที
SET TF 30 นาที
SET TF 60 นาที
SET TF Daily
SET TF Weekly
SET TF Monthly
SET TF Quarterly
...........ขอให้โชคดีครับ ......................