ผมมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ตั้งมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ไม่ค่อยมีงานอะไรก็มีงานซื้อมาขายไปกับที่ทำงานแฟนบ้าง ได้กำไรนิดหนิอย เหมือนตั้ง หจก.ไว้เปล่าๆ
วันหนึงไปติดต่อที่ร้านซ่อมแอร์ในซอยให้มาล้างแอร์ที่ห้อง ได้พบกับช่างเอ อายุ 50 ปี ล้างแอร์ด้วยความชำนาญครับ และผมขอเบอร์ติดต่อไว้ หลังจากนั้นอีกเดือนกว่าผมกลับบ้านต่างจังหวัดก็ได้โทรไปปรึกษาเรื่องซ่อมแอร์ ก็ได้คำแนะนำที่ดีแบบไม่หวงความรู้ จากนั้นอีกสองเดือนผมก็โทรให้ช่างมาช่วยติดตั้งปลั้กไฟพ่วงที่ห้อง ก็ถามว่าค่าแรงจะเอาเท่าไหร่ ช่างเอบอกว่า 200 บาท (คิดในใจทำไมถูกอย่างงี้) ระหว่างทำผมก็ถามช่างเอว่า ทำไมไม่เปิดร้านเอง ก็บอกว่าได้ออกจากร้านเดิมแล้วตอนนี้ไปช่วยงานซ่อมแอร์ที่นนทบุรี ช่างเอก็เล่าต่อว่า เมื่อก่อนเคยมีบริษัทเป็นของตัวเองแต่ถูกญาติโกงเงิน จากนั้นก็โดนเมียโกงเงินไปกับชู้และทิ้งลูกไว้ให้ จากนั้นก็ไปบวช อยู่ 3 ปี เพิ่งสึกออกมาช่วงต้นปี แล้วก็มารับงานเพราะลูกชายก็สึกจากเณร มาเรียน ปวช.เหมือนกัน ผมก็เลยชวนช่างเอ ว่าเรามาทำร้านแอร์กันไหมผมมีห้างหุ้นส่วนอยุ่ ช่างเอก็สนใจ ผมก็บอกว่าขอไปเตรียมข้อมูลก่อน
หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ผมก็ติดต่อไป วันนี้เรามาคุยกันที่ร้านกาแฟ ก็ได้แง่คิดแนวทางการทำตลาดหลายอย่าง โดยจะให้ผมเป็นผู้ประสานงาน ทำสื่อสังคมออนไลน์ การตลาด เว็บไซต์ แผ่นพับ ป้ายโฆษณา ก็เลยคุยกันว่าผมจะให้ช่างเอเป็นหุ้นส่วน ไว้จะทำใบเพิ่มหุ้นส่วนให้แต่ช่างเอบอกว่าให้อะไรมันลงตัวก่อนก็ได้เรื่องนี้ไม่ซีเรียส แล้วช่างเอก็บอกผมว่า ถ้าจะให้เค้าออกจากงานมาทำเต็มตัวกับผม ต้องเตรียมเงินเดือนให้เค้าประมาณ 1 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่าย และให้ซื้อรถกระบะ เก่าๆ ให้ราคาประมาณ 3-4 หมื่นบาท ถ้าเสียเค้าซ่อมเองได้ หรือว่าถ้าเงินไม่พร้อมซื้อรถคันละแสนกว่า ก็ดาว 1 หมื่น แล้วค่อยผ่อนเอาก็ได้ ผมว่าก็โอเคนะ ก็เลยตกลงกันว่าจะทำกันสิ้นเดือนนี้ ผมจะได้ไปกู้เงินมาลงทุน ผมก็ถามต่อว่าแล้วงานถ้าไม่มีจะทำไง ช่างเอบอกว่าเค้ารู้จักเจ้าของธุรกิจหลายที่ ที่เคยไปทำแอร์และซ่อมระบบไฟฟ้าประปาให้ไปของานเค้าทำได้ หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องธรรมะ เรื่องพระ บ้าง รู้สึกว่าถูกคอ ช่างเอกได้ให้สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สำเนาที่เคยทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ และสลิปเงินเดือนเก่าๆ ก็ถือว่ารายได้ที่เคยได้มาก็สูง จากนั้นก็แยกย้ายและนัดกินข้าวกันอาทิตย์หน้า
เมื่อถึงห้อง ผมก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้แฟนฟัง แฟนก็บอกว่าแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ เรียกร้องเรามากไป ต้องให้เงินและรถ ผมก็บอกว่ารถเป็นชื่อ หจก. แฟนก้ว่าไม่กลัวเค้าเชิดเงินกับรถหรอ ผมก็เงียบ แล้วเธอก็บอกว่าถ้าจะทำร้านแอร์ เค้ามีรุ่นพี่ที่ทำงานที่รู้จักให้ผมเป็นตัวกลางแล้วป้อนงานให้ก็พอ ผมก็อธิบายแฟนไปว่าเงิน 1 หมื่นก็เป็นเงินหมุนเวียนให้ช่าง ที่ต้องซื้อรถก็เพราะมันจำเป็น แต่แฟนก็ยังไม่ไว้ใจครับบอกให้ผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ก็เลยไลน์ถามตอนนั้นเลย เพื่อนบอกว่าให้ไปที่ กองทะเบียนประวัติอาชญากรรม ที่ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ผมก็เลยค้นข้อมูลดู ก็ไม่ได้ยากอะไรแค่ทำเรื่องไปเสนอ ผมเลยบอกต่อว่างั้นจะไปเช็คเครดิตบูโร ด้วยว่าจะจริงเหมือนที่ช่างเอ เล่าให้ฟังไหม เหมือนแฟนก็งอนผมครับที่ผมไม่เชื่อเค้า คงเพราะเค้าทำงานหนักมาด้วยเพราะเลิกงานตอนสองทุ่มครึ่งวันนี้
ถามผู้รู้หน่อยครับว่า ผมจะทำยังไงดีครับที่จะเป็นการเซฟตัวเอง ขอคำแนะนำในการทำธุรกิจด้วยครับ
กำลังจะเปิดร้านติดตั้งซ่อมแอร์ แต่โดนแฟนเบรกว่าจะไว้ใจ ลุงช่างที่จะทำด้วยได้อย่างไร
วันหนึงไปติดต่อที่ร้านซ่อมแอร์ในซอยให้มาล้างแอร์ที่ห้อง ได้พบกับช่างเอ อายุ 50 ปี ล้างแอร์ด้วยความชำนาญครับ และผมขอเบอร์ติดต่อไว้ หลังจากนั้นอีกเดือนกว่าผมกลับบ้านต่างจังหวัดก็ได้โทรไปปรึกษาเรื่องซ่อมแอร์ ก็ได้คำแนะนำที่ดีแบบไม่หวงความรู้ จากนั้นอีกสองเดือนผมก็โทรให้ช่างมาช่วยติดตั้งปลั้กไฟพ่วงที่ห้อง ก็ถามว่าค่าแรงจะเอาเท่าไหร่ ช่างเอบอกว่า 200 บาท (คิดในใจทำไมถูกอย่างงี้) ระหว่างทำผมก็ถามช่างเอว่า ทำไมไม่เปิดร้านเอง ก็บอกว่าได้ออกจากร้านเดิมแล้วตอนนี้ไปช่วยงานซ่อมแอร์ที่นนทบุรี ช่างเอก็เล่าต่อว่า เมื่อก่อนเคยมีบริษัทเป็นของตัวเองแต่ถูกญาติโกงเงิน จากนั้นก็โดนเมียโกงเงินไปกับชู้และทิ้งลูกไว้ให้ จากนั้นก็ไปบวช อยู่ 3 ปี เพิ่งสึกออกมาช่วงต้นปี แล้วก็มารับงานเพราะลูกชายก็สึกจากเณร มาเรียน ปวช.เหมือนกัน ผมก็เลยชวนช่างเอ ว่าเรามาทำร้านแอร์กันไหมผมมีห้างหุ้นส่วนอยุ่ ช่างเอก็สนใจ ผมก็บอกว่าขอไปเตรียมข้อมูลก่อน
หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ผมก็ติดต่อไป วันนี้เรามาคุยกันที่ร้านกาแฟ ก็ได้แง่คิดแนวทางการทำตลาดหลายอย่าง โดยจะให้ผมเป็นผู้ประสานงาน ทำสื่อสังคมออนไลน์ การตลาด เว็บไซต์ แผ่นพับ ป้ายโฆษณา ก็เลยคุยกันว่าผมจะให้ช่างเอเป็นหุ้นส่วน ไว้จะทำใบเพิ่มหุ้นส่วนให้แต่ช่างเอบอกว่าให้อะไรมันลงตัวก่อนก็ได้เรื่องนี้ไม่ซีเรียส แล้วช่างเอก็บอกผมว่า ถ้าจะให้เค้าออกจากงานมาทำเต็มตัวกับผม ต้องเตรียมเงินเดือนให้เค้าประมาณ 1 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่าย และให้ซื้อรถกระบะ เก่าๆ ให้ราคาประมาณ 3-4 หมื่นบาท ถ้าเสียเค้าซ่อมเองได้ หรือว่าถ้าเงินไม่พร้อมซื้อรถคันละแสนกว่า ก็ดาว 1 หมื่น แล้วค่อยผ่อนเอาก็ได้ ผมว่าก็โอเคนะ ก็เลยตกลงกันว่าจะทำกันสิ้นเดือนนี้ ผมจะได้ไปกู้เงินมาลงทุน ผมก็ถามต่อว่าแล้วงานถ้าไม่มีจะทำไง ช่างเอบอกว่าเค้ารู้จักเจ้าของธุรกิจหลายที่ ที่เคยไปทำแอร์และซ่อมระบบไฟฟ้าประปาให้ไปของานเค้าทำได้ หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องธรรมะ เรื่องพระ บ้าง รู้สึกว่าถูกคอ ช่างเอกได้ให้สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สำเนาที่เคยทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ และสลิปเงินเดือนเก่าๆ ก็ถือว่ารายได้ที่เคยได้มาก็สูง จากนั้นก็แยกย้ายและนัดกินข้าวกันอาทิตย์หน้า
เมื่อถึงห้อง ผมก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้แฟนฟัง แฟนก็บอกว่าแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ เรียกร้องเรามากไป ต้องให้เงินและรถ ผมก็บอกว่ารถเป็นชื่อ หจก. แฟนก้ว่าไม่กลัวเค้าเชิดเงินกับรถหรอ ผมก็เงียบ แล้วเธอก็บอกว่าถ้าจะทำร้านแอร์ เค้ามีรุ่นพี่ที่ทำงานที่รู้จักให้ผมเป็นตัวกลางแล้วป้อนงานให้ก็พอ ผมก็อธิบายแฟนไปว่าเงิน 1 หมื่นก็เป็นเงินหมุนเวียนให้ช่าง ที่ต้องซื้อรถก็เพราะมันจำเป็น แต่แฟนก็ยังไม่ไว้ใจครับบอกให้ผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ก็เลยไลน์ถามตอนนั้นเลย เพื่อนบอกว่าให้ไปที่ กองทะเบียนประวัติอาชญากรรม ที่ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ผมก็เลยค้นข้อมูลดู ก็ไม่ได้ยากอะไรแค่ทำเรื่องไปเสนอ ผมเลยบอกต่อว่างั้นจะไปเช็คเครดิตบูโร ด้วยว่าจะจริงเหมือนที่ช่างเอ เล่าให้ฟังไหม เหมือนแฟนก็งอนผมครับที่ผมไม่เชื่อเค้า คงเพราะเค้าทำงานหนักมาด้วยเพราะเลิกงานตอนสองทุ่มครึ่งวันนี้
ถามผู้รู้หน่อยครับว่า ผมจะทำยังไงดีครับที่จะเป็นการเซฟตัวเอง ขอคำแนะนำในการทำธุรกิจด้วยครับ