ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่มีความรู้เรื่องการรักษารากฟันมาก่อนเลย
จนก่อนวันที่ 8 สิงหาคม 59 ที่ผ่านมา ผมมีอาการปวดฟันมากจากฟันที่เคยมีการบิ่นแตกไปเซี่ยวหนึ่ง เป็นฟันกรามซี่รองจากในสุดด้านขวา เนื่องจากฟันซี่นี้ ผมได้ทำการอุดยาครอบชั่วคราวไว้ตั้งแต่ประมาณปี 55
และเหตุก็มีอยู่ว่า
ผมปวดฟันจนทนไม่ได้ มันปวดเวลาที่เราหลับ ทรมาน จึงหาข้อมูลคลีนิค (ต้องออกตัวก่อนว่า ก่อนหน้านั้นได้ ลองไปสอบถามแค่ราคาจากรพ.รามา และมหิดล คิวได้รักษายาวถึงปีหน้า) แค่คร่าวๆ แต่ไม่ได้ถามเรื่องรากฟันเพราะไม่คิดว่าจะเป็นที่รากฟัน
++หลังจากเลิกงานวันจันทร์ ผมได้ปวดมากขึ้นเลยคิดว่าต้องไปพบหมอแล้วก็ คิดว่าเดียวไปหาคลีนิคแถวบ้านดีกว่า จะได้สะดวกหน่อย
ซึ่งบ้านผมอยู่ รามอินทรา กม. 4 ปากซอยบ้านมี 3 คลีนิค ติดๆ กัน ผมเลือกคลีนิคที่ ดูเรียบง่ายสุด(เนื่องจากในใจคิดว่า น่าจะไม่แพงมาก และคลีนิคก็ติดว่า กระทรวงสาธารณสุขสีเขียวๆ ผมรายได้น้อย) เลยให้แฟนเป็นธุระโทรไปคุยละนัดคิวกับหมอ หลังจากแฟนโทรนัด แฟนบอกว่า นัดแล้วนะหมอพูดจาดูใจเย็นใจดี
เราก็ โอเคน่าจะโอเคนะ แต่ส่วนเรื่องการรักษาหมอบอกให้เข้ามาคุยก่อน
เย็นวันนั้นผมจอดรถเสร็จตั้งใจว่าจะเข้าไปสอบถามก่อนเรื่อง ค่ารักษาและก็ จะทำการขูดหินปูนก่อน
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ เกิดขึ้นเมื่อ
พอเดินเข้าคลีนิค ก็รู้สึกถึงความเก่าแก่ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในคลีนิคทรุดโทรมมากและหมอใช้ตู้เก็บของกั้นเป็นห้อง ตรวจสองห้อง
**
พอผมเข้ามาในห้องทำฟัน ถึงกับต้องสตั้น!!!!! ไปสองวิ ถึงกับอึ้งมากกับ เครื่องที่วางแก้วน้ำสำหรับบ้วนปากมันเป็นแก้วสแตนเลสที่ ทั้งเขียวๆ ดำๆ
หมอก็บอกให้ผมบ้วนปากแล้วนอนลง ผมยอมรับเลยตอนนั้นแขยงมาก
**และสตั้นที่สองคือ ผ้าที่ปิดหน้าขณะทำฟัน เป็นผ้าขนหนูสีขาวผื่นบางๆ เหมือนเวลาไปตัดผมตามบาร์เบอร์แล้วเอามาพาดคอ หมอใช้ผ้าผืนเล็กๆ ผืนนั้นปิดตาผม
ในขณะนั้น หมอให้ผมอ้าปากและทำการพูดคุยว่า จะทำไรบ้าง ผมบอกหมอว่า
"ผมปวดฟันกามด้านในรองจากในสุด ผมจะมาขูดหินปูนและปรึกษาค่ารักษาก่อน"
คำตอบที่ได้คือ
หมอทำการเอาเครื่องมือที่เป็นก้านมีกระจกกลมๆ ที่ไว้ส่องดูในช่องปากละถามว่าปวดมั้ย ปวดมั้ย ปวดมั้ย ละทันใดนั้น
กระจกกลมๆ ก็ได้หลุดกระเด็นออกมากระเด็นไปที่ผืน ผมอึ้งมากกกกกกก ทันได้นั้น คุณหมอขำออกมา
คือ ผมคิดในใจว่า อ่าว
แล้วกรูคือยังไง
ละหมอก็พูดกับผมว่า เอางี้ รักษารากเลยแล้วกันนะ ไม่ต้องขูดหรอกหินปูนไว้ที่หลัง
ละผมก็นอนอ้าปากแบบที่มีอุปกรณ์ค้ำที่ฟันละก็ไม่ได้พูดเป็นคำได้
ทันใดนั้นหมอก็บอกผมว่าเดียวช่วยจับเครื่องดูดน้ำลายนะ กำไว้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! คุณพระช่วยยยยยยย อะไรวะละที่ผมเห็นคือ สายดูดน้ำลายมีสีที่สกปรกมาก ถึงมากที่สุด
(คือผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า มันสะอาดแค่ไหนแต่สีมันสกปรกมากแล้วในใจที่คิดคือ คนก่อนหน้าผมเค้าใช้แล้วเค้าล้างก่อนรึเปล่า)
จนหมอฉีดยาชาที่เหงือกผมแล้วทำการรื้อครอบฟันเก่าออก หมอก็ทำการแงะๆ ขูดๆ ใส่ยา
สรุปในวันนั้น หมอแจ้งผมว่า หมอจะทำการรักษาราฟัน นัดทั้งหมด 3 ครั้ง ค่ารักษาทั้งหมด 8000+1500 บาท เท่ากับ 9500 บาท
แล้วหมอก็นัดผมในวันที่ 15 สิงหาคม 59 มาทำอีกครั้ง
ผ่านไปได้วันเดียว สำลีที่อยู่ในโพรงฟันผมมันออกมา คือผมงงมากผมกัวติดเชื้อโรคมาก
ครั้งที่สอง เป็นครั้งที่ผมก็ จำใจมาเพราะด้วยความที่ ทำไปแล้วทำไงได้ก็คิดว่าสามครั้งเสดค่อยว่ากัน
แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หมอนัดผมอีกครั้งในวันที่ 17 สิงหาคม 59
คือผมเริ่มเกิดความสงสัยว่า การรักษารากฟันทำไมนัดผมถี่จัง เพราะผมถามคนที่ทำงานเค้านัดอาทิตย์ละครั้ง
และสิ่งที่ผมเริ่มเสียความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ คือ
1. หมอไม่มีเครื่องเอ็กซ์เรย์ฟัน เมื่อผมถามหมอในครั้งที่สอง หมอตอบผมว่าไม่จำเป็นต้อง X
2. หมอทะลวงรากฟันผมจนทะลุ ปวดร้าวไปถึงโสดประสาทหูขึ้นสมองจนผมร้องดังมาก หมอก็พูดว่า "งั้นวันนี้พอก่อนนะ" ?????? คือไรฟระ
3. หมอให้ยาแก้อักเสบผมมากินเป็นยาแก้อักเสบทั่วไป คิดเงินผมเพิ่มอีก 300 บาท ทั้งที่ผมอบกว่ายาแบบนี้ผมมีที่บ้าน หมอก็ยัดเยียดให้ผม
4. ผมนัดหมอหลังเลิกงานซึ่งเป็นเวลาประมาณ หนึ่งทุ่ม หมอเหมือนเหนื่อยแล้วแล้วก็ทำผมปากพังไปหมด ผมทั้งริมฝีปากแหก เจ็บแสบมาก
แล้วในครั้งที่ 3 ผมถามว่า "หมอครับ อีกกี่ครั้งจะเสร็จหรอครับ" ทั้งที่ ผมมารักษาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
ผมเสียเงินครั้งแรก 2000 บาท ค่ายา 350 บาท
ครั้งที่ 2 2000 บาท
ครั้งที่ 3 2000 บาท
และ
ในการนัดครั้งที่ 4 วันที่ 22 สิงหาคม 59
คือผมอยากจะบอกว่า ทุกครังที่กลับมาจากการรักษา ผมมีอาการปวดฟันอยู่ตลอดไม่ต่างจากตอนแรกเลย
และในครั้งที่สี่ ทำให้ผมตัดสินใจแล้วว่าผมต้องหาที่อื่นแล้วผมทนไม่ไหวแล้วกับการรักษารากฟันที่ทั้งสกปรก และไม่มีคำที่จะบอกผมว่า เมื่อไหร่ผมจะเสร็จการรักษาแล้วจะจบที่เท่าไหร่
เพราะในครั้งที่4 ผมถามหมอว่า "หมอครับผมต้องมาอีกกี่ครั้ง ?????
คำตอบที่ได้กลับมาคือ ใจเย็นนะต้องรักษาไปเรื่อยๆ ****** คือ คำว่าเรื่อยๆ คือไรคับ ผมเสียเงินมาทั้งหมด 2350+2000+2000+2000+300=8650 บาทแล้ว
คือผมไม่ได้รวยนะครับ แล้วก็เครียดมากด้วย
ผ่านไปอีกวันผมจึงตัดสินใจวิ่งหาข้อมูลไปตระเวณคลีนิคทำฟันแถวที่ทำงานย่านร่มเกล้า
ผมไปปรึกษาทั้งหมด 4 คลีนิค ทุกคลีนิคงงกับเคสผม แล้วก็ ทุกคลีนิคถามผมว่าไม่มีฟิลม์เอ็กซ์เรย์หรอ
ผมบอกไม่มีครับ หมอคลีนิค ร.... บอกว่าไม่จำเป็นต้องเอ็กซ์
หมออีก 2 คลีนิคจึงขอผมเอ็กซเรย์ดู
1 คลีนิคปฏิเสธการรับเคสรักษาต่อแล้วบอกให้ผมกลับไปทำต่อให้เสร็จละกัน
อีก หนึ่งคลีนิค คุณหมอชี้ฟิลม์เอ็กซ๊เรย์ให้ผมดู แล้วอธิบายทั้งหมดของขั้นตอนการรักษา
แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายชัดเจนอุปกรณ์ทุกอย่าง สะอาดมาก และฟิลม์เอกซ์เรย์ก็พบว่า ในฟันข้างนั้นๆ ผมมีฟันคุดเพิ่มด้วย
ผมรู้สึกโล่งมากแล้วทำการนัดคุณหมอ ที่คลีนิคสีม่วงในเคหะร่มเกล้า คุณหมอแจงค่าใช้จ่ายว่า ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดในการรักษา
รวมรักษารากอย่างเดียว 3 ครั้ง 7500 บาท ใส่เดือยอีก 3000 บาท ครอบฟันอีก 5000 บาท
และผมก็ทำการรักษารากจนครบแล้วถึงสามครั้งในเดือนตุลาคมอาทิตย์ละ หนึ่งครั้งในการนัด
ผมไม่มีอาการปวดฟันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสำลีหลุดออกมาจากโพรงฟันมีการปิดหนาแน่นทุกครั้ง ทั้งๆที่ผมไม่ได้ใช้งานด้านที่มีการรักษาเลยตั้งแต่ต้น
ผ่านมาได้ 3 อาทิตย์ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างเรียบร้อย
ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะมาแชร์ให้หลายๆ คน ว่า บางทีการรักษาฟัน มันเป็นสิ่งที่ไกลตัวสำหรับ คนที่ยังไม่มีอาการเกิดขึ้น
และการที่ทำโดยที่ไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลก่อนไม่ได้ดูว่า คลีนิคนั้น มีความสะอาดน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
มันเป็นเดือนที่ ผมรู้สึกแย่มากทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียเงินทิ้งไปฟรีๆ เกือบหมื่น ในขณะที่คนหาเช้ากินค่ำอย่างผม เงินเดือนเพียง หมื่นนิดๆ
คือ ผมไม่รู้หรอกว่า หมอจะคิดจะแสวงหาผลกำไรยังไงแต่ก็ น่าจะนึกถึงคนที่ เดือดร้อนหาที่พึ่งบ้าง
แชร์ประสบการณ์ "มหากาบคลีนิครักษารากฟัน"
จนก่อนวันที่ 8 สิงหาคม 59 ที่ผ่านมา ผมมีอาการปวดฟันมากจากฟันที่เคยมีการบิ่นแตกไปเซี่ยวหนึ่ง เป็นฟันกรามซี่รองจากในสุดด้านขวา เนื่องจากฟันซี่นี้ ผมได้ทำการอุดยาครอบชั่วคราวไว้ตั้งแต่ประมาณปี 55
และเหตุก็มีอยู่ว่า
ผมปวดฟันจนทนไม่ได้ มันปวดเวลาที่เราหลับ ทรมาน จึงหาข้อมูลคลีนิค (ต้องออกตัวก่อนว่า ก่อนหน้านั้นได้ ลองไปสอบถามแค่ราคาจากรพ.รามา และมหิดล คิวได้รักษายาวถึงปีหน้า) แค่คร่าวๆ แต่ไม่ได้ถามเรื่องรากฟันเพราะไม่คิดว่าจะเป็นที่รากฟัน
++หลังจากเลิกงานวันจันทร์ ผมได้ปวดมากขึ้นเลยคิดว่าต้องไปพบหมอแล้วก็ คิดว่าเดียวไปหาคลีนิคแถวบ้านดีกว่า จะได้สะดวกหน่อย
ซึ่งบ้านผมอยู่ รามอินทรา กม. 4 ปากซอยบ้านมี 3 คลีนิค ติดๆ กัน ผมเลือกคลีนิคที่ ดูเรียบง่ายสุด(เนื่องจากในใจคิดว่า น่าจะไม่แพงมาก และคลีนิคก็ติดว่า กระทรวงสาธารณสุขสีเขียวๆ ผมรายได้น้อย) เลยให้แฟนเป็นธุระโทรไปคุยละนัดคิวกับหมอ หลังจากแฟนโทรนัด แฟนบอกว่า นัดแล้วนะหมอพูดจาดูใจเย็นใจดี
เราก็ โอเคน่าจะโอเคนะ แต่ส่วนเรื่องการรักษาหมอบอกให้เข้ามาคุยก่อน
เย็นวันนั้นผมจอดรถเสร็จตั้งใจว่าจะเข้าไปสอบถามก่อนเรื่อง ค่ารักษาและก็ จะทำการขูดหินปูนก่อน
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ เกิดขึ้นเมื่อ
พอเดินเข้าคลีนิค ก็รู้สึกถึงความเก่าแก่ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในคลีนิคทรุดโทรมมากและหมอใช้ตู้เก็บของกั้นเป็นห้อง ตรวจสองห้อง
**พอผมเข้ามาในห้องทำฟัน ถึงกับต้องสตั้น!!!!! ไปสองวิ ถึงกับอึ้งมากกับ เครื่องที่วางแก้วน้ำสำหรับบ้วนปากมันเป็นแก้วสแตนเลสที่ ทั้งเขียวๆ ดำๆ
หมอก็บอกให้ผมบ้วนปากแล้วนอนลง ผมยอมรับเลยตอนนั้นแขยงมาก
**และสตั้นที่สองคือ ผ้าที่ปิดหน้าขณะทำฟัน เป็นผ้าขนหนูสีขาวผื่นบางๆ เหมือนเวลาไปตัดผมตามบาร์เบอร์แล้วเอามาพาดคอ หมอใช้ผ้าผืนเล็กๆ ผืนนั้นปิดตาผม
ในขณะนั้น หมอให้ผมอ้าปากและทำการพูดคุยว่า จะทำไรบ้าง ผมบอกหมอว่า
"ผมปวดฟันกามด้านในรองจากในสุด ผมจะมาขูดหินปูนและปรึกษาค่ารักษาก่อน"
คำตอบที่ได้คือ
หมอทำการเอาเครื่องมือที่เป็นก้านมีกระจกกลมๆ ที่ไว้ส่องดูในช่องปากละถามว่าปวดมั้ย ปวดมั้ย ปวดมั้ย ละทันใดนั้น กระจกกลมๆ ก็ได้หลุดกระเด็นออกมากระเด็นไปที่ผืน ผมอึ้งมากกกกกกก ทันได้นั้น คุณหมอขำออกมา
คือ ผมคิดในใจว่า อ่าวแล้วกรูคือยังไง
ละหมอก็พูดกับผมว่า เอางี้ รักษารากเลยแล้วกันนะ ไม่ต้องขูดหรอกหินปูนไว้ที่หลัง
ละผมก็นอนอ้าปากแบบที่มีอุปกรณ์ค้ำที่ฟันละก็ไม่ได้พูดเป็นคำได้
ทันใดนั้นหมอก็บอกผมว่าเดียวช่วยจับเครื่องดูดน้ำลายนะ กำไว้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! คุณพระช่วยยยยยยย อะไรวะละที่ผมเห็นคือ สายดูดน้ำลายมีสีที่สกปรกมาก ถึงมากที่สุด
(คือผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า มันสะอาดแค่ไหนแต่สีมันสกปรกมากแล้วในใจที่คิดคือ คนก่อนหน้าผมเค้าใช้แล้วเค้าล้างก่อนรึเปล่า)
จนหมอฉีดยาชาที่เหงือกผมแล้วทำการรื้อครอบฟันเก่าออก หมอก็ทำการแงะๆ ขูดๆ ใส่ยา
สรุปในวันนั้น หมอแจ้งผมว่า หมอจะทำการรักษาราฟัน นัดทั้งหมด 3 ครั้ง ค่ารักษาทั้งหมด 8000+1500 บาท เท่ากับ 9500 บาท
แล้วหมอก็นัดผมในวันที่ 15 สิงหาคม 59 มาทำอีกครั้ง
ผ่านไปได้วันเดียว สำลีที่อยู่ในโพรงฟันผมมันออกมา คือผมงงมากผมกัวติดเชื้อโรคมาก
ครั้งที่สอง เป็นครั้งที่ผมก็ จำใจมาเพราะด้วยความที่ ทำไปแล้วทำไงได้ก็คิดว่าสามครั้งเสดค่อยว่ากัน
แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หมอนัดผมอีกครั้งในวันที่ 17 สิงหาคม 59
คือผมเริ่มเกิดความสงสัยว่า การรักษารากฟันทำไมนัดผมถี่จัง เพราะผมถามคนที่ทำงานเค้านัดอาทิตย์ละครั้ง
และสิ่งที่ผมเริ่มเสียความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ คือ
1. หมอไม่มีเครื่องเอ็กซ์เรย์ฟัน เมื่อผมถามหมอในครั้งที่สอง หมอตอบผมว่าไม่จำเป็นต้อง X
2. หมอทะลวงรากฟันผมจนทะลุ ปวดร้าวไปถึงโสดประสาทหูขึ้นสมองจนผมร้องดังมาก หมอก็พูดว่า "งั้นวันนี้พอก่อนนะ" ?????? คือไรฟระ
3. หมอให้ยาแก้อักเสบผมมากินเป็นยาแก้อักเสบทั่วไป คิดเงินผมเพิ่มอีก 300 บาท ทั้งที่ผมอบกว่ายาแบบนี้ผมมีที่บ้าน หมอก็ยัดเยียดให้ผม
4. ผมนัดหมอหลังเลิกงานซึ่งเป็นเวลาประมาณ หนึ่งทุ่ม หมอเหมือนเหนื่อยแล้วแล้วก็ทำผมปากพังไปหมด ผมทั้งริมฝีปากแหก เจ็บแสบมาก
แล้วในครั้งที่ 3 ผมถามว่า "หมอครับ อีกกี่ครั้งจะเสร็จหรอครับ" ทั้งที่ ผมมารักษาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
ผมเสียเงินครั้งแรก 2000 บาท ค่ายา 350 บาท
ครั้งที่ 2 2000 บาท
ครั้งที่ 3 2000 บาท
และ
ในการนัดครั้งที่ 4 วันที่ 22 สิงหาคม 59
คือผมอยากจะบอกว่า ทุกครังที่กลับมาจากการรักษา ผมมีอาการปวดฟันอยู่ตลอดไม่ต่างจากตอนแรกเลย
และในครั้งที่สี่ ทำให้ผมตัดสินใจแล้วว่าผมต้องหาที่อื่นแล้วผมทนไม่ไหวแล้วกับการรักษารากฟันที่ทั้งสกปรก และไม่มีคำที่จะบอกผมว่า เมื่อไหร่ผมจะเสร็จการรักษาแล้วจะจบที่เท่าไหร่
เพราะในครั้งที่4 ผมถามหมอว่า "หมอครับผมต้องมาอีกกี่ครั้ง ?????
คำตอบที่ได้กลับมาคือ ใจเย็นนะต้องรักษาไปเรื่อยๆ ****** คือ คำว่าเรื่อยๆ คือไรคับ ผมเสียเงินมาทั้งหมด 2350+2000+2000+2000+300=8650 บาทแล้ว
คือผมไม่ได้รวยนะครับ แล้วก็เครียดมากด้วย
ผ่านไปอีกวันผมจึงตัดสินใจวิ่งหาข้อมูลไปตระเวณคลีนิคทำฟันแถวที่ทำงานย่านร่มเกล้า
ผมไปปรึกษาทั้งหมด 4 คลีนิค ทุกคลีนิคงงกับเคสผม แล้วก็ ทุกคลีนิคถามผมว่าไม่มีฟิลม์เอ็กซ์เรย์หรอ
ผมบอกไม่มีครับ หมอคลีนิค ร.... บอกว่าไม่จำเป็นต้องเอ็กซ์
หมออีก 2 คลีนิคจึงขอผมเอ็กซเรย์ดู
1 คลีนิคปฏิเสธการรับเคสรักษาต่อแล้วบอกให้ผมกลับไปทำต่อให้เสร็จละกัน
อีก หนึ่งคลีนิค คุณหมอชี้ฟิลม์เอ็กซ๊เรย์ให้ผมดู แล้วอธิบายทั้งหมดของขั้นตอนการรักษา
แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายชัดเจนอุปกรณ์ทุกอย่าง สะอาดมาก และฟิลม์เอกซ์เรย์ก็พบว่า ในฟันข้างนั้นๆ ผมมีฟันคุดเพิ่มด้วย
ผมรู้สึกโล่งมากแล้วทำการนัดคุณหมอ ที่คลีนิคสีม่วงในเคหะร่มเกล้า คุณหมอแจงค่าใช้จ่ายว่า ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดในการรักษา
รวมรักษารากอย่างเดียว 3 ครั้ง 7500 บาท ใส่เดือยอีก 3000 บาท ครอบฟันอีก 5000 บาท
และผมก็ทำการรักษารากจนครบแล้วถึงสามครั้งในเดือนตุลาคมอาทิตย์ละ หนึ่งครั้งในการนัด
ผมไม่มีอาการปวดฟันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสำลีหลุดออกมาจากโพรงฟันมีการปิดหนาแน่นทุกครั้ง ทั้งๆที่ผมไม่ได้ใช้งานด้านที่มีการรักษาเลยตั้งแต่ต้น
ผ่านมาได้ 3 อาทิตย์ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างเรียบร้อย
ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะมาแชร์ให้หลายๆ คน ว่า บางทีการรักษาฟัน มันเป็นสิ่งที่ไกลตัวสำหรับ คนที่ยังไม่มีอาการเกิดขึ้น
และการที่ทำโดยที่ไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลก่อนไม่ได้ดูว่า คลีนิคนั้น มีความสะอาดน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
มันเป็นเดือนที่ ผมรู้สึกแย่มากทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียเงินทิ้งไปฟรีๆ เกือบหมื่น ในขณะที่คนหาเช้ากินค่ำอย่างผม เงินเดือนเพียง หมื่นนิดๆ
คือ ผมไม่รู้หรอกว่า หมอจะคิดจะแสวงหาผลกำไรยังไงแต่ก็ น่าจะนึกถึงคนที่ เดือดร้อนหาที่พึ่งบ้าง