เราว่าเราถือเป็นคนมีมารยาทและมีน้ำใจคนหนึ่งนะ พูดจริงๆไม่ได้ยกยอตัวเอง แต่ความดีส่วนหนึ่งได้เพราะโรงเรียนสั่งสอนมาจริงๆนะคะ เห็นกระทู้เกี่ยวกับการไร้มารยาทของทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากมาย ทำให้เกิดความสงสัย เพราะสิ่งเหล่านี้ได้มาทั้งจากการอบรมสั่งสอนของครอบครัวและโรงเรียน
สำหรับเราเกิดเป็นเด็กต่างจังหวัดตายายสอนให้เป็นเด็กดีห้ามพูดหยาบแต่เรื่องมารยาทความเรียบร้อยยังเด็กก็ไม่ได้มีอะไร ต่อมาได้ย้ายมาเข้าเรียนในกรุงเทพที่โรงเรียนนาหลวง จริงๆเราเรียนที่นี่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น แต่เป็นปีที่เราจดจำได้จนถึงทุกวันนี้(30ปี)
เราถูกสอนให้ขอบคุณทุกครั้งที่ได้รับการให้ ได้รับความช่วยเหลือ เช่นลงรถเมล์ต้องกล่าวคำขอบคุณเพราะเราขึ้นรถฟรี ณ ตอนนั้นแถมยังเด็ก แต่กลับทำให้เราติดจนมาถึงทุกวันนี้ คนถือของให้ให้ขอบคุณ ใครลุกให้นั่งให้ขอบคุณ ได้รับอะไรจากครูให้ขอบคุณ
เอาจริงๆเหมือนหล่อหลอมจิตใจเด็กเพราะเห็นจนชินตา ทำให้สมัยอยู่เมืองไทยขึ้นรถเมล์ เราลุกให้คนท้อง เด็ก คนแก่ ทุกครั้งที่เห็นถือของให้คนที่ยืน และได้รับตอบแทนแบบเดียวกันมาตลอด 20 ปีที่อาศัยในกรุงเทพ เราเห็นเรื่องดีดีมาตลอด
หลังจากย้ายมาอยู่ต่างประเทศ สังคมที่นี่ก็ไม่ทำให้ขัดเขินนะ เหมือนชินไปแล้ว สมัยเรียนเรายังถือของและลุกให้นั่งเหมือนเดิม ที่นี่ลงรถเมล์เกือบทุกคนก็กล่าวขอบคุณคนขับ พนักงานเสริฟ พนักงานขาย การทักทายและกล่าวขอบคุณเป็นเรื่องปกติ
พอแต่งงานมีครอบครัวทั้งโรงเรียนทั้งเราก็ช่วยกันสอนเด็กที่บ้าน โรงเรียนใช้คำว่าMagic words = Thank you, Sorry, Excuse me, Please คำพวกนี้พูดกันติดปาก(บอกลูกว่า หน้าตาไม่ดี เรียนไม่เก่งขอให้มีมารยาทซักอย่างเถอะ55)
ดังนั้นสำหรับเด็กบ้านแตกอย่างเราพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ พี่ๆก็สอนไม่เป็นโรงเรียนเลยเป็นแหล่งพึ่งพิงอบรมบรมนิสัย ปลูกฝังให้เป็นคนที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณมากค่ะ
ขอบพระคุณโรงเรียนนาหลวง ที่ปลูกฝังสั่งสอนเราให้เป็นคนแบบทุกวันนี้
สำหรับเราเกิดเป็นเด็กต่างจังหวัดตายายสอนให้เป็นเด็กดีห้ามพูดหยาบแต่เรื่องมารยาทความเรียบร้อยยังเด็กก็ไม่ได้มีอะไร ต่อมาได้ย้ายมาเข้าเรียนในกรุงเทพที่โรงเรียนนาหลวง จริงๆเราเรียนที่นี่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น แต่เป็นปีที่เราจดจำได้จนถึงทุกวันนี้(30ปี)
เราถูกสอนให้ขอบคุณทุกครั้งที่ได้รับการให้ ได้รับความช่วยเหลือ เช่นลงรถเมล์ต้องกล่าวคำขอบคุณเพราะเราขึ้นรถฟรี ณ ตอนนั้นแถมยังเด็ก แต่กลับทำให้เราติดจนมาถึงทุกวันนี้ คนถือของให้ให้ขอบคุณ ใครลุกให้นั่งให้ขอบคุณ ได้รับอะไรจากครูให้ขอบคุณ
เอาจริงๆเหมือนหล่อหลอมจิตใจเด็กเพราะเห็นจนชินตา ทำให้สมัยอยู่เมืองไทยขึ้นรถเมล์ เราลุกให้คนท้อง เด็ก คนแก่ ทุกครั้งที่เห็นถือของให้คนที่ยืน และได้รับตอบแทนแบบเดียวกันมาตลอด 20 ปีที่อาศัยในกรุงเทพ เราเห็นเรื่องดีดีมาตลอด
หลังจากย้ายมาอยู่ต่างประเทศ สังคมที่นี่ก็ไม่ทำให้ขัดเขินนะ เหมือนชินไปแล้ว สมัยเรียนเรายังถือของและลุกให้นั่งเหมือนเดิม ที่นี่ลงรถเมล์เกือบทุกคนก็กล่าวขอบคุณคนขับ พนักงานเสริฟ พนักงานขาย การทักทายและกล่าวขอบคุณเป็นเรื่องปกติ
พอแต่งงานมีครอบครัวทั้งโรงเรียนทั้งเราก็ช่วยกันสอนเด็กที่บ้าน โรงเรียนใช้คำว่าMagic words = Thank you, Sorry, Excuse me, Please คำพวกนี้พูดกันติดปาก(บอกลูกว่า หน้าตาไม่ดี เรียนไม่เก่งขอให้มีมารยาทซักอย่างเถอะ55)
ดังนั้นสำหรับเด็กบ้านแตกอย่างเราพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ พี่ๆก็สอนไม่เป็นโรงเรียนเลยเป็นแหล่งพึ่งพิงอบรมบรมนิสัย ปลูกฝังให้เป็นคนที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณมากค่ะ