“วู้ดดี้ - โอ๊ต” ใช้ 2 สเปิร์มทำลูก เลือก “กาละแมร์” อุ้มบุญ มั่นใจแข็งแรงและจะไม่มีผัวแน่นอน
ควงคู่หวานออกงานด้วยกันครั้งแรก สำหรับพิธีกรดัง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” กับหวานใจนักธุรกิจ “โอ๊ต อัครพล จับจิตใจดล” พร้อมโชว์ช็อตมุ้งมิ้ง จับมือ สะกิดกันตลอดงาน ระหว่างมาร่วมงานกาลาดินเนอร์การกุศลเพื่อคนตาบอด See The World Charity Event ห้องบอลรูม ชั้น 8 โรงแรม โซฟิเทล โซ แบงค็อก แถมยังโชว์แหวนแต่งงานคู่กันอีกต่างหาก
วู้ดดี้ : “ก็นี่แหละ สด ๆ ซิง ๆ เลย”
โอ๊ต : “เดี๋ยวนี้ไปเดินตามที่สาธารณะ สบายใจขึ้น ถือว่าโชคดีที่มีการตอบดีมาก มีแต่เรื่องในแง่ดี รู้สึกสบายใจขึ้น ตอนแรกกังวลนะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว”
วู้ดดี้ : “ดูสิเหงื่อแตกเลย (ซับเหงื่อ) ผมรู้สึกเบามาก ตอนที่เป็นข่าวครั้งแรก เราตกใจ ว่าจะตอบยังไงดี แต่เราก็คิดว่าการพูดเรื่องจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และมันก็เป็นผลดี ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็เบาสบาย ได้เจอเพื่อน ๆ ก็เขามากอด มาหอมมายินดีกับเรา มีแม่ ๆ หลายคน เข้ามากอดมาหอม แล้วบอกว่าแม่ดีใจจังเลย ที่สามารถคุยเปิดใจกับลูกของเขาได้อีกครั้ง เราก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วย”
รับแต่งงานเพราะอยากให้ความรักมั่นคงขึ้น อยากอยู่ด้วยกันจนวันตาย
โอ๊ต : “เราคบกันมานานแล้ว อยู่ด้วยกันมานานและความสัมพันธ์ยาวนาน เป็นที่พึ่งพากันได้ และสนิทกันมากด้วย เขาเป็นคนน่ารักใส่ใจ ละเอียดอ่อนมาก”
วู้ดดี้ : “คนทั่วไปเขาขอกันแบบ แต่งงานกันนะ”
โอ๊ต : “เป็นเรื่องหลังจากที่เราทะเลาะกัน เขาก็บอกว่าไม่อยากจะทะเลาะกับเราแล้ว ไม่อยากมีคำว่าเลิกกันแล้ว อยากจะมีอะไรที่มั่นคง”
วู้ดดี้ : “เราคบกันมา 7 - 8 ปีแล้ว แต่เรากลับรู้สึกว่าเราทะเลาะกันบ่อย แล้วเวลาทะเลาะจะชอบพูดว่าเลิกกัน ในแต่ละคนแต่ละคู่ก็มีบทบาทต่างกัน แต่ในแบบของโอ๊ตทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะมีไม้ตายคือคำว่าเลิก ตอนนั้นผมรู้สึกว่า เราก็คบกันมานาน แต่ทำไมเราต้องพูดคำนั้นที่มันแทงใจเขา โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเขาก็แค่ทำตามใจเรา เวลาที่เราอึดอัดก็จะชอบพูดว่าเลิก เรารู้สึกได้เลยว่า 7 ปีที่ผ่านมาเราทำให้เขาทรมานมาก เราคิดว่าจะไม่มีน้ำบ่อหน้าแล้ว เดี๋ยวก็มีน้ำบ่อหน้า แต่พออยู่ไปเราก็คิดว่าไม่มีแล้ว เราอยากอยู่กับเขาจนวันตายเลยบอกเขาไปว่า แต่งงานกันเถอะ”
โอ๊ต : “ช่วงนั้นก็ทะเลาะกันเรื่อยตามประสาคนสองคน มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เวลาเขาส่งไลน์มา ผมอ่านแล้วไม่ตอบบ้าง ก็จะโกรธ บางที่เขาอยู่ในกองจะเป็นกังวลกลัวว่าจะเขาอยู่กับใคร จะเป็นเรื่องติงต๊อง แต่ตอนนี้มีทะเลาะบ้างแต่น้อยลง”
วู้ดดี้ : “เพราะเราหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น ทุกครั้งที่มีปัญหาเราก็จะมองหน้ากัน แล้วบอกว่า เราแต่งงานกันแล้วนะ ซึ่งประโยคนี้มันทำให้เราเบาไปหมดเลย เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นความสุข”
โอ๊ต : “เราไม่กังวลจะออกไปไหนอย่างไร แต่งงานกันแล้วทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เราสบายใจขึ้น”
ทั้งโลกรู้จะมีชู้ไม่ได้! ไม่สามารถมองคนอื่นได้อีกแล้ว
วู้ดดี้ : “มันรู้สึกว่าเวลาเราทุกข์ สุข ทุกที่ที่เราไปร้อยเปอร์เซ็นต์เราอยากมีเขาไปด้วย สมัยก่อนเราคิดว่าอยากอยู่กับแค่ตัวเองหรือครอบครัวอย่างเดียว แต่ตอนนี้เราอยากอยู่เพื่อเขาด้วย มันเป็นมากกว่าแค่เพื่อน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ แต่งงานกันไปสองปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ แต่พอคนรู้กันแล้วกลับแปลกจำได้ว่าตอนที่เป็นข่าวเราพูดกันว่า เราแต่งงานกันแล้วนะ แต่รู้สึกได้แต่งงานอีกรอบ มันไม่ใช่แค่พิธีการและเพื่อน ๆ รับรู้ แต่ตอนนี้ทั้งโลกเขารู้แล้ว ตอนนี้ you ไม่สามารถจะไปมีชู้ได้แล้วนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาเขามีคนอื่น แต่อาจมีมองคนอื่นบ้าง ซึ่งเราก็พูดกันเองว่า ต่อจากนี้เราไม่สามารถไปมองคนอื่นได้แล้วนะ (วู้ดดี้แซวโอ๊ตเป็นคนใส่ใจรายละเอียดใส่แหวนแต่งงานมาร่วมงานนี้ด้วย)
“อยากบอกกับทุกคนว่า เมื่อคุณตัดสินใจเลือกเขาแล้ว อย่าใช้คำว่าเลิกกันนะ หรือแค่นี้นะ เพราะมันจะทำให้หมดพลังไปต่อ เพราะคุณอาจใช้มันโดยที่คุณไม่ตั้งใจ ซึ่งเราสองคนจะไม่ใช้คำพูดพวกนั้นอีก ตอนนี้ไม่มีในใจเลยคำนี้ เวลาทะเลาะกันเราจะมองหน้ากันแล้วเราก็จะเลิกทะเลาะ เหมือนเป็นการบอกว่าเราต้องมีสติกันนิดหนึ่ง บางทีพออารมณ์มากปุ๊บก็จะแยกย้ายคนละห้อง หรือวางหู บางทีจะมีคำพูดเฉพาะสองคน เวลาที่เราเถียงกัน เราก็จะใช้คำ ๆ นี้ออกมา จะทำให้เราเย็นลง”
อยากมีลูก เลือก “กาละแมร์” อุ้มบุญ มั่นใจฝ่ายหญิงไม่มีผัวแน่นอน
วู้ดดี้ : “สมัยก่อนไม่คิดอะไรเพราะอยากมีแค่หลาน ซึ่งก็มีแล้ว รายชื่อตอนนี้ยาวมาก ๆ แต่วันหนึ่งพี่เปิ้ลมาพูดกับเราว่า ต้องมีลูก ในยุคนี้มันเป็นปกติแล้ว เราจึงถามเพื่อนๆ ว่า เอ๊ะ เขาทำกันยังไง เลยเป็นวาระขึ้นมาเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะใช้ไข่ใคร หรือท้องใคร คุยกับทุกคนที่ผ่านการอุ้มบุญ หรือคนที่เคยฝากไข่ว่าสเปิร์มจะไปผสมกันได้มั้ย ถามว่าเคยคิดจะมีลูกมั้ยเคยคิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะมีลูกกัน แต่ก็คุยกันว่าจะเป็นสเปิร์มใครดี สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราก็เริ่มกลับมาคิดและหาข้อมูลกัน ณ ตอนนี้มันมีให้เลือกหลายวิธี”
“คิดอยู่ว่าจะเป็น กาละแมร์ (พัชรศรี เบญจมาศ) เหมือนเราอาจจะฝากได้สองสเปิร์มเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไข่ฟองไหน คือ เราไม่รู้เรื่องเพศของผู้หญิงเลยว่าทำงานอย่างไร เราเลยเลือกทั้งสองอัน แล้วก็ไม่ต้องไปรู้ว่าที่จะติดเป็นของใคร เรื่องมีลูกเราแพลนกันไว้สำหรับอนาคตใกล้ ๆ นี้ แต่คงไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ตอนนี้เอาตรงนี้ให้รอดก่อน”
โอ๊ต : “(คุยกับกาละแมร์แล้ว?) แค่พูดเล่นกันขำ ๆ นะ”
วู้ดดี้ : “เราก็บอกแมร์นะ (ทำท่าขอร้อง) แล้วแมร์เขาก็ตอบว่า !! กูจะไหวเหรอ ผมก็บอกนะ (ขอร้อง) ซึ่งกาละแมร์เป็นหนึ่งในตัวเลือก และเราคิดว่าเขาคงไม่มีผัวแน่นอน แมร์ เรามาจอยกันเลย แต่ผมจะไม่เอาไข่กาละแมร์แน่นอนแต่จะเอาท้องแมร์ เพราะเขารักษาสุขภาพมาก ๆ เราก็บอกกาละแมร์นะว่าเราเลือกเธอแล้ว เราเลือกเพราะแมร์สุขภาพเป๊ะสุด เขาก็บอกว่าจะบ้าเหรอ แต่คงคุยกันโน้มน้าวกันอีกรอบ เพราะแมร์เป็นคนที่เราใกล้ชิดที่สุด เพราะนอกจากนี้แล้วเราก็มองไม่เห็นใครแล้ว”
โอ๊ต : “เรื่องเพศก็ตามสบายเลย แล้วแต่เขาจะมา”
วู้ดดี้ : “ผมอยากได้ผู้ชายนะ ชาย 1 หญิง 1 ที่เหลือก็แล้วแต่เลยแล้วกัน”
ศึกษาเรื่องกฎหมายอุ้มบุญ รับยังไม่ได้จดทะเบียน ย้ำเปิดตัวเพราะไม่อยากให้คู่ที่เป็นเหมือนตนหมดหวัง
วู้ดดี้ : “เราก็ศึกษามาแล้วหลายกรณี ไม่ว่าจะเรื่องแต่งานหรือการมีลูก เราคิดว่าก่อนหน้านี้ถ้าใจอยากมีเราก็มีได้”
โอ๊ต : “เรายังไม่จดทะเบียนนะ เพราะถ้าไปจดต่างประเทศก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า หวังว่าเมืองไทยจะมาดูเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกัน เป็นเรื่องของสิทธิ์ในการดูแลกันและกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป่วย แม้ประเทศเราจะยอมรับ และเปิดกันมากขึ้น แต่ถ้าไปได้อีกในขั้นหนึ่ง ก็จะเป็นประโยชน์และวิเศษมาก”
วู้ดดี้ : “ตอนที่เป็นข่าว เราคิดว่าจะพูดหรือไม่พูดดี เราก็จับมือกันและพูดประเด็นนี้ว่าการที่เราจะบอกทุกคนมันจะต้องมีคนในสังคมมีคนได้ประโยชน์กับเรื่องนี้เราชัดเจนมาก”
โอ๊ต : “คือ เราอยากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น ที่ไม่โชคดีเหมือนเรา เพราะครอบครัวเรารักเราทั้งคู่ รายล้อมด้วยคนที่รักเรา แต่มีอีกหลายคู่ไม่ได้เหมือนเรา”
วู้ดดี้ : “เรารู้ว่ามีอีกหลายคู่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม อย่างการแต่งงาน เขาก็อยากได้สิทธิ์ตรงนั้นเราจึงคิดว่าถ้าเราออกมาพูดอย่างนี้มันทำให้คนคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่มันโอเค คุณอย่าไปกลัวอย่าทำให้คำพูดคนอื่นมีความสำคัญกับคุณ การแต่งงาน หรือกฎหมายเป็นเรื่องอีกสเต็ปหนึ่ง ยังไงเราก็จะสู้เพื่อทุกคนอยู่แล้ว เราไม่อยากให้ทุกคนหมดหวัง หรือใช้ชีวิตแบบไม่มีหวังเลย ตอนนั่งมองหน้ากันแล้วตัดสินใจแถลงข่าวพูดความจริง มันคงเป็นหน้าที่ของเราในฐานะที่ก็เป็นสื่อ และเป็นหน้าที่ของเราทั้งคู่ต้องช่วยกัน ก่อนหน้านี้ผมมองว่ากฎหมายก็เป็นแค่กระดาษ คุณจะไปแคร์อะไร ยังไงก็แต่งงานกันแล้ว แต่โอ๊ตเขามีมุมมองน่าสนใจมาก”
โอ๊ต : “สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้ผ่านกระบวนการแบบเราที่เข้าใจ จะบอกว่ากฎหมายนั้นสำคัญมาก สมมติว่าใครคนหนึ่งป่วยมันหมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ในการดูแลกันและกันในฐานะสามีภรรยา”
วู้ดดี้ : “สมมติว่า คบกันมา 10 ปี มีคนหนึ่งเป็นอะไรเราก็อยากเขาไปดูแล แต่ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอม มันก็จะเป็นการตัดสิทธิ์เราเลย ผมเลยเข้าใจทันที ว่ามันมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้โชคดี พ่อแม่เข้าใจ เราเลยอยากบอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วง หากถึงเวลาเราจะยืนให้กับทุกคน”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9590000092743
“วู้ดดี้ - โอ๊ต” ใช้ 2 สเปิร์มทำลูก เลือก “กาละแมร์” อุ้มบุญ มั่นใจแข็งแรงและจะไม่มีผัวแน่นอน
“วู้ดดี้ - โอ๊ต” ใช้ 2 สเปิร์มทำลูก เลือก “กาละแมร์” อุ้มบุญ มั่นใจแข็งแรงและจะไม่มีผัวแน่นอน
ควงคู่หวานออกงานด้วยกันครั้งแรก สำหรับพิธีกรดัง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” กับหวานใจนักธุรกิจ “โอ๊ต อัครพล จับจิตใจดล” พร้อมโชว์ช็อตมุ้งมิ้ง จับมือ สะกิดกันตลอดงาน ระหว่างมาร่วมงานกาลาดินเนอร์การกุศลเพื่อคนตาบอด See The World Charity Event ห้องบอลรูม ชั้น 8 โรงแรม โซฟิเทล โซ แบงค็อก แถมยังโชว์แหวนแต่งงานคู่กันอีกต่างหาก
วู้ดดี้ : “ก็นี่แหละ สด ๆ ซิง ๆ เลย”
โอ๊ต : “เดี๋ยวนี้ไปเดินตามที่สาธารณะ สบายใจขึ้น ถือว่าโชคดีที่มีการตอบดีมาก มีแต่เรื่องในแง่ดี รู้สึกสบายใจขึ้น ตอนแรกกังวลนะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว”
วู้ดดี้ : “ดูสิเหงื่อแตกเลย (ซับเหงื่อ) ผมรู้สึกเบามาก ตอนที่เป็นข่าวครั้งแรก เราตกใจ ว่าจะตอบยังไงดี แต่เราก็คิดว่าการพูดเรื่องจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และมันก็เป็นผลดี ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็เบาสบาย ได้เจอเพื่อน ๆ ก็เขามากอด มาหอมมายินดีกับเรา มีแม่ ๆ หลายคน เข้ามากอดมาหอม แล้วบอกว่าแม่ดีใจจังเลย ที่สามารถคุยเปิดใจกับลูกของเขาได้อีกครั้ง เราก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วย”
รับแต่งงานเพราะอยากให้ความรักมั่นคงขึ้น อยากอยู่ด้วยกันจนวันตาย
โอ๊ต : “เราคบกันมานานแล้ว อยู่ด้วยกันมานานและความสัมพันธ์ยาวนาน เป็นที่พึ่งพากันได้ และสนิทกันมากด้วย เขาเป็นคนน่ารักใส่ใจ ละเอียดอ่อนมาก”
วู้ดดี้ : “คนทั่วไปเขาขอกันแบบ แต่งงานกันนะ”
โอ๊ต : “เป็นเรื่องหลังจากที่เราทะเลาะกัน เขาก็บอกว่าไม่อยากจะทะเลาะกับเราแล้ว ไม่อยากมีคำว่าเลิกกันแล้ว อยากจะมีอะไรที่มั่นคง”
วู้ดดี้ : “เราคบกันมา 7 - 8 ปีแล้ว แต่เรากลับรู้สึกว่าเราทะเลาะกันบ่อย แล้วเวลาทะเลาะจะชอบพูดว่าเลิกกัน ในแต่ละคนแต่ละคู่ก็มีบทบาทต่างกัน แต่ในแบบของโอ๊ตทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะมีไม้ตายคือคำว่าเลิก ตอนนั้นผมรู้สึกว่า เราก็คบกันมานาน แต่ทำไมเราต้องพูดคำนั้นที่มันแทงใจเขา โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเขาก็แค่ทำตามใจเรา เวลาที่เราอึดอัดก็จะชอบพูดว่าเลิก เรารู้สึกได้เลยว่า 7 ปีที่ผ่านมาเราทำให้เขาทรมานมาก เราคิดว่าจะไม่มีน้ำบ่อหน้าแล้ว เดี๋ยวก็มีน้ำบ่อหน้า แต่พออยู่ไปเราก็คิดว่าไม่มีแล้ว เราอยากอยู่กับเขาจนวันตายเลยบอกเขาไปว่า แต่งงานกันเถอะ”
โอ๊ต : “ช่วงนั้นก็ทะเลาะกันเรื่อยตามประสาคนสองคน มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เวลาเขาส่งไลน์มา ผมอ่านแล้วไม่ตอบบ้าง ก็จะโกรธ บางที่เขาอยู่ในกองจะเป็นกังวลกลัวว่าจะเขาอยู่กับใคร จะเป็นเรื่องติงต๊อง แต่ตอนนี้มีทะเลาะบ้างแต่น้อยลง”
วู้ดดี้ : “เพราะเราหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น ทุกครั้งที่มีปัญหาเราก็จะมองหน้ากัน แล้วบอกว่า เราแต่งงานกันแล้วนะ ซึ่งประโยคนี้มันทำให้เราเบาไปหมดเลย เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นความสุข”
โอ๊ต : “เราไม่กังวลจะออกไปไหนอย่างไร แต่งงานกันแล้วทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เราสบายใจขึ้น”
ทั้งโลกรู้จะมีชู้ไม่ได้! ไม่สามารถมองคนอื่นได้อีกแล้ว
วู้ดดี้ : “มันรู้สึกว่าเวลาเราทุกข์ สุข ทุกที่ที่เราไปร้อยเปอร์เซ็นต์เราอยากมีเขาไปด้วย สมัยก่อนเราคิดว่าอยากอยู่กับแค่ตัวเองหรือครอบครัวอย่างเดียว แต่ตอนนี้เราอยากอยู่เพื่อเขาด้วย มันเป็นมากกว่าแค่เพื่อน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ แต่งงานกันไปสองปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ แต่พอคนรู้กันแล้วกลับแปลกจำได้ว่าตอนที่เป็นข่าวเราพูดกันว่า เราแต่งงานกันแล้วนะ แต่รู้สึกได้แต่งงานอีกรอบ มันไม่ใช่แค่พิธีการและเพื่อน ๆ รับรู้ แต่ตอนนี้ทั้งโลกเขารู้แล้ว ตอนนี้ you ไม่สามารถจะไปมีชู้ได้แล้วนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาเขามีคนอื่น แต่อาจมีมองคนอื่นบ้าง ซึ่งเราก็พูดกันเองว่า ต่อจากนี้เราไม่สามารถไปมองคนอื่นได้แล้วนะ (วู้ดดี้แซวโอ๊ตเป็นคนใส่ใจรายละเอียดใส่แหวนแต่งงานมาร่วมงานนี้ด้วย)
“อยากบอกกับทุกคนว่า เมื่อคุณตัดสินใจเลือกเขาแล้ว อย่าใช้คำว่าเลิกกันนะ หรือแค่นี้นะ เพราะมันจะทำให้หมดพลังไปต่อ เพราะคุณอาจใช้มันโดยที่คุณไม่ตั้งใจ ซึ่งเราสองคนจะไม่ใช้คำพูดพวกนั้นอีก ตอนนี้ไม่มีในใจเลยคำนี้ เวลาทะเลาะกันเราจะมองหน้ากันแล้วเราก็จะเลิกทะเลาะ เหมือนเป็นการบอกว่าเราต้องมีสติกันนิดหนึ่ง บางทีพออารมณ์มากปุ๊บก็จะแยกย้ายคนละห้อง หรือวางหู บางทีจะมีคำพูดเฉพาะสองคน เวลาที่เราเถียงกัน เราก็จะใช้คำ ๆ นี้ออกมา จะทำให้เราเย็นลง”
อยากมีลูก เลือก “กาละแมร์” อุ้มบุญ มั่นใจฝ่ายหญิงไม่มีผัวแน่นอน
วู้ดดี้ : “สมัยก่อนไม่คิดอะไรเพราะอยากมีแค่หลาน ซึ่งก็มีแล้ว รายชื่อตอนนี้ยาวมาก ๆ แต่วันหนึ่งพี่เปิ้ลมาพูดกับเราว่า ต้องมีลูก ในยุคนี้มันเป็นปกติแล้ว เราจึงถามเพื่อนๆ ว่า เอ๊ะ เขาทำกันยังไง เลยเป็นวาระขึ้นมาเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะใช้ไข่ใคร หรือท้องใคร คุยกับทุกคนที่ผ่านการอุ้มบุญ หรือคนที่เคยฝากไข่ว่าสเปิร์มจะไปผสมกันได้มั้ย ถามว่าเคยคิดจะมีลูกมั้ยเคยคิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะมีลูกกัน แต่ก็คุยกันว่าจะเป็นสเปิร์มใครดี สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราก็เริ่มกลับมาคิดและหาข้อมูลกัน ณ ตอนนี้มันมีให้เลือกหลายวิธี”
“คิดอยู่ว่าจะเป็น กาละแมร์ (พัชรศรี เบญจมาศ) เหมือนเราอาจจะฝากได้สองสเปิร์มเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไข่ฟองไหน คือ เราไม่รู้เรื่องเพศของผู้หญิงเลยว่าทำงานอย่างไร เราเลยเลือกทั้งสองอัน แล้วก็ไม่ต้องไปรู้ว่าที่จะติดเป็นของใคร เรื่องมีลูกเราแพลนกันไว้สำหรับอนาคตใกล้ ๆ นี้ แต่คงไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ตอนนี้เอาตรงนี้ให้รอดก่อน”
โอ๊ต : “(คุยกับกาละแมร์แล้ว?) แค่พูดเล่นกันขำ ๆ นะ”
วู้ดดี้ : “เราก็บอกแมร์นะ (ทำท่าขอร้อง) แล้วแมร์เขาก็ตอบว่า !! กูจะไหวเหรอ ผมก็บอกนะ (ขอร้อง) ซึ่งกาละแมร์เป็นหนึ่งในตัวเลือก และเราคิดว่าเขาคงไม่มีผัวแน่นอน แมร์ เรามาจอยกันเลย แต่ผมจะไม่เอาไข่กาละแมร์แน่นอนแต่จะเอาท้องแมร์ เพราะเขารักษาสุขภาพมาก ๆ เราก็บอกกาละแมร์นะว่าเราเลือกเธอแล้ว เราเลือกเพราะแมร์สุขภาพเป๊ะสุด เขาก็บอกว่าจะบ้าเหรอ แต่คงคุยกันโน้มน้าวกันอีกรอบ เพราะแมร์เป็นคนที่เราใกล้ชิดที่สุด เพราะนอกจากนี้แล้วเราก็มองไม่เห็นใครแล้ว”
โอ๊ต : “เรื่องเพศก็ตามสบายเลย แล้วแต่เขาจะมา”
วู้ดดี้ : “ผมอยากได้ผู้ชายนะ ชาย 1 หญิง 1 ที่เหลือก็แล้วแต่เลยแล้วกัน”
ศึกษาเรื่องกฎหมายอุ้มบุญ รับยังไม่ได้จดทะเบียน ย้ำเปิดตัวเพราะไม่อยากให้คู่ที่เป็นเหมือนตนหมดหวัง
วู้ดดี้ : “เราก็ศึกษามาแล้วหลายกรณี ไม่ว่าจะเรื่องแต่งานหรือการมีลูก เราคิดว่าก่อนหน้านี้ถ้าใจอยากมีเราก็มีได้”
โอ๊ต : “เรายังไม่จดทะเบียนนะ เพราะถ้าไปจดต่างประเทศก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า หวังว่าเมืองไทยจะมาดูเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกัน เป็นเรื่องของสิทธิ์ในการดูแลกันและกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป่วย แม้ประเทศเราจะยอมรับ และเปิดกันมากขึ้น แต่ถ้าไปได้อีกในขั้นหนึ่ง ก็จะเป็นประโยชน์และวิเศษมาก”
วู้ดดี้ : “ตอนที่เป็นข่าว เราคิดว่าจะพูดหรือไม่พูดดี เราก็จับมือกันและพูดประเด็นนี้ว่าการที่เราจะบอกทุกคนมันจะต้องมีคนในสังคมมีคนได้ประโยชน์กับเรื่องนี้เราชัดเจนมาก”
โอ๊ต : “คือ เราอยากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น ที่ไม่โชคดีเหมือนเรา เพราะครอบครัวเรารักเราทั้งคู่ รายล้อมด้วยคนที่รักเรา แต่มีอีกหลายคู่ไม่ได้เหมือนเรา”
วู้ดดี้ : “เรารู้ว่ามีอีกหลายคู่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม อย่างการแต่งงาน เขาก็อยากได้สิทธิ์ตรงนั้นเราจึงคิดว่าถ้าเราออกมาพูดอย่างนี้มันทำให้คนคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่มันโอเค คุณอย่าไปกลัวอย่าทำให้คำพูดคนอื่นมีความสำคัญกับคุณ การแต่งงาน หรือกฎหมายเป็นเรื่องอีกสเต็ปหนึ่ง ยังไงเราก็จะสู้เพื่อทุกคนอยู่แล้ว เราไม่อยากให้ทุกคนหมดหวัง หรือใช้ชีวิตแบบไม่มีหวังเลย ตอนนั่งมองหน้ากันแล้วตัดสินใจแถลงข่าวพูดความจริง มันคงเป็นหน้าที่ของเราในฐานะที่ก็เป็นสื่อ และเป็นหน้าที่ของเราทั้งคู่ต้องช่วยกัน ก่อนหน้านี้ผมมองว่ากฎหมายก็เป็นแค่กระดาษ คุณจะไปแคร์อะไร ยังไงก็แต่งงานกันแล้ว แต่โอ๊ตเขามีมุมมองน่าสนใจมาก”
โอ๊ต : “สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้ผ่านกระบวนการแบบเราที่เข้าใจ จะบอกว่ากฎหมายนั้นสำคัญมาก สมมติว่าใครคนหนึ่งป่วยมันหมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ในการดูแลกันและกันในฐานะสามีภรรยา”
วู้ดดี้ : “สมมติว่า คบกันมา 10 ปี มีคนหนึ่งเป็นอะไรเราก็อยากเขาไปดูแล แต่ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอม มันก็จะเป็นการตัดสิทธิ์เราเลย ผมเลยเข้าใจทันที ว่ามันมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้โชคดี พ่อแม่เข้าใจ เราเลยอยากบอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วง หากถึงเวลาเราจะยืนให้กับทุกคน”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9590000092743